Close Menu
  • Home
  • Android
    • News
    • Tips
  • Apple
    • iPad
      • News
      • Tips
    • iPhone
      • News
      • Tips
  • WINDOWS
    • News
    • Tips
  • Gaming
    • Game Review
    • PlayStation
    • Nintendo
    • Xbox & PC
    • Mobile
  • Gadget Reviews
    • Accessories
    • Devices
  • Wearable
  • EV Car
  • Miscellaneous
    • News
    • Tips
  • Tips and Tricks
  • Video
  • Cooky Policies
  • ติดต่อโฆษณา
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
  • Home
  • Android
    • Tips & Tricks
  • Apple
    • Tips & Tricks
  • Windows
    • Tips & Tricks
  • Gaming
    • Game Review
    • In Spotlight
    • PlayStation
    • Xbox & PC
    • Nintendo
    • Mobile Games
  • Reviews
    • Mobiles & Tablets
    • Game Review
    • Accessories
  • EV Car
  • Miscellaneous
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
คุณกำลังอ่าน :Home » Mobile and Gadget » Accessories » [Wearable รีวิว] FitBit Force อุปกรณ์สวมใส่-สมาร์ทวอทช์-ฟิตเนสแทร็ก-รองรับ iOS และ Android
Accessories

[Wearable รีวิว] FitBit Force อุปกรณ์สวมใส่-สมาร์ทวอทช์-ฟิตเนสแทร็ก-รองรับ iOS และ Android

18 กุมภาพันธ์ 2014Updated:9 มิถุนายน 20144 Mins Read

ตลาด Wearable Gadget หรือตลาดอุปกรณ์ IT แบบสวมใส่ได้ในปัจจุบันนี้นั้นถือได้ว่าได้รับความสนใจจากแทบทุกมุมโลกเลยทีเดียว โดยจะเห็นได้จากเมื่อปีที่แล้วที่ค่ายใหญ่หลายต่อหลายค่ายต่างก็พากันมีข่าวหลุดเกี่ยวกับการเตรียมซุ่มขุนอุปกรณ์ในกลุ่มนี้ออกมา บางค่ายก็ชิงเร่งออกมาก่อนพร้อมกับสร้างความฮือฮากันไปไม่ได้ ตัวอย่างเช่นนาฬิกาอัจฉริยะที่เราเคยมีรีวิวกันไปจากสองยักษ์ใหญ่ ที่เพื่อนสามารถจตามอ่าน รีวิว Samsung Galaxy Gear จาก Samsung และ Sony Smartch 2 จากค่าย Sony กันได้จากลิงก์เลยครับ

11

โดยในปีนี้ในบ้านเราเองก็ดูจะคึกคักไม่แพ้กันเมื่องาน TME 2014 ครั้งล่าสุดที่เพิ่งจะจบสิ้นไปได้มีการเปิดบูธในส่วนของ Wearable Gadget ที่มีมาโชว์กันตั้งแต่ของร้อนแรงสุดฮอตอย่าง Google Glass ไปจนถึงกลุ่มเครื่องสวมใส่ IT ต่างๆ และที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยจากคนร่วมงานที่เข้าชมบูธ Wearable Gadget นั่นก็คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ Fitness Tracker ที่ชาว IT ห่วงสุขภาพยุคใหม่ต่างก็ให้ความสนใจ และหนึ่งในฟิตเนสแทร็กเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากภายในงานก็คือ FitBit Force อุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวตัวล่าสุดจากค่าย FitBit ที่เกิดมาจากโปรเจ็คระดมทุนผ่านทาง Kick Starter และเติบโต + พัฒนามาจนถึงรุ่นล่าสุดนี้ที่มีการเพิ่มหน้าจอแสดงผลเพื่อแจ้งเตือนเวลาและให้ผู้ใช้งานสามารถเช็คค่าการเคลื่อนไหวต่างๆ ของตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดสมาร์ทโฟนขึ้นมาบ่อยๆ อีกต่อไป

ทีมงาน APPDISQUS เองได้มีโอกาสลองเล่นเจ้า FitBit Force มาจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 2 เดือนเต็มแล้ว ต้องขอบอกว่าไว้ก่อนเลยว่าตลอดช่วงระยะเวลา 2 เดือนนั้นไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่ใส่ FitBit Force เพราะมันคืออุปกรณ์สวมใส่ IT ที่ทำหน้าที่เป็นฟิตเนสแทร็กเกอร์ที่ถูกใจผมที่สุดในยุคนี้แล้วจริงๆ (ใครกำลังสนใจ Jawbone Up 24 หรืออาจจะเจ้า MisFit Shine หรือจะเป็น Nike FuelBand SE รอเดี๋ยวนะครับ อีกไม่นาน APPDISQUS จะนำมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันอย่างแน่นอนเพราะตอนนี้ทั้งสองตัวก็มาอยู่ในมือของทีมงานสักพักแล้วเช่นเดียวกัน)

Advertisement
Advertisement
Advertisement

ก่อนไปกันต่อขอบอกก่อนว่าอุปกรณ์จาก FitBit ทุกตัวยังไม่มีการนำเข้ามาอย่างเป็นทางการนะครับ แต่ตอนนี้มีบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศไทยได้ลิขสิทธิ์มาเรียบร้อยแล้ว และแว่วมาว่าจะมีการจำหน่ายผ่านทางตัวแทนจำหน่ายใหญ่ๆ อย่าง iStudio และ True ก่อนจบไตรมาสแรกของปีนี้อย่างแน่นอน แต่อาจจะเริ่มด้วยรุ่น Flex, Zip และ One ก่อน เพราะว่ารุ่น Force ที่นำมารีวิวนี้ของยังขาดตลาดทั่วโลกครับ

FitBit Force Package 2
FitBit Force Package

รูปลักษณ์ภายนอก

FitBit Force ถือเป็นฟิตเนสแทร็กเกอร์ที่ออกแบบมาได้หล่อเหลาดูหรูหรามากทีเดียว ด้วยตัวเรือนที่มีมาให้เลือก 2 สี (สีดำที่ผมสวมใส่อยู่นี้ และสีครามน้ำทะเล) 3 ขนาด เพื่อให้เหมาะกับไซส์ข้อมือของผู้สวมใส่ทั้งชายและหญิง (โดยจะแบ่งเป็นไซส์ S / M / L ตามลำดับ สามารถดูวิธีวัดข้อมือเราได้จาก หน้าเว็บ FitBit เลยครับ) และด้วยลักษณะเฉพาะตัวของมันที่ทำหน้าที่เป็นฟิตเนสแทร็กเกอร์นี้ การออกแบบรูปลักษณ์มาให้ดู “น้อย” ที่สุด แต่ “แน่น” ไปด้วยความเท่ห์และความสวมใส่สบายแฮร์ของ FitBit Force นี้ ผมถือว่าเป็นชัยเหนือคู่แข่งตัวอื่นๆ ในตลาดเป็นข้อที่หนึ่งเลย

สายของ Force นั้นทำมาจากอีลาสตอเมอร์ ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นเหมือนยางในธรรมชาติและเป็นวัตถุดิบที่นิยมใช้ในอุปกรณ์ฟิตเนสแทร็กเกอร์โดยทั่วไป ส่วนตัวเรือนที่หุ้มหน้าจอแสดงผลขนาดเล็กเอาไว้นั้นทำมาจากสแตนเลสที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกหนักอะไรเลย ตรงกันข้าม ตัว FitBit Force เองกลับเบาสบายมากเมื่อสวมใส่ เบาจนบ่อยครั้งที่ผมเผลอลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังใส่ฟิตเนสแทร็กเกอร์อยู่ในมือด้วย (ผมใส่ Force ข้างขวา ซึ่งหากเทียบกับข้างซ้ายของผมที่สวมนาฬิกา ISSEY MIYAKE W อยู่แล้วต้องบอกเลยว่าน้ำหนักมันคนละเรื่องแบบอย่างเอาไปเทียบกันเลย อาจเพราะเหตุนี้ผมจึงมีบ่อยครั้งที่ผมเผลอลืมไปเลยว่าใส่ Force อยู่ข้างขวาด้วย) ทั้งนี้เคยมีรายงานจากผู้ใช้มากมายที่แจ้งไปยัง FitBit ว่าพวกเขาเจอปัญหาผิวหนังถูกกัดจนแสบร้อนจากสายคาดของ FitBit Force ซึ่งแน่นอนว่า FitBit ก็รีบออกมาแถลงการณ์ทันควันว่ายังไม่แน่ใจเรื่องสาเหตุเพราะวัสดุที่ใช้นั้นคุณภาพสูงและเกรดเดียวกับพวกฟิตเนสแทร็กเกอร์ตัวอื่นๆ ทั้งหมด และหากถามในส่วนของผมแล้ว จากระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ผมไม่พบปัญหาแพ้ที่ผิวหนังแต่อย่างใดครับ

issey-fitbitforce

อย่างหนึ่งที่ผมขอติงมากๆ ในส่วนของการออกแบบคือการคาดสายของ Force เข้ากับข้อมือครับ ช่วงแรกๆ ผมเจอปัญหาการล็อกสายมากๆ เพราะ Force ออกแแบมาให้มีการล็อกสายแบบกดปุ่มนูนลงในร่องล็อก ซึ่งกดยากมากกว่าจะลง บางครั้งกดจนข้อมือระบมเลยทีเดียว และหากกดไม่แน่นก็มีเผลอเด้งหลุดจากข้อมือเราไปเอาซะดื้อๆ อีก น่าเป็นห่วงว่าสักวันมันจะหล่นกระแทกจนพังหรือไม่ก็หล่นหายไประหว่างเดินจริงๆ

fitbit force-lock

แต่ทั้งนี้ปัญหาที่ว่าก็จะหมดไปเมื่อใช้ไปเรื่อยๆ สักพัก ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะความคุ้นเคยที่มีมากขึ้น หรือเป็นเพราะรูร่องล็อกมันหลวมขึ้นจนล็อกได้ง่ายนะครับ เอาเป็นว่าจนตอนนี้ผมก็ยังหาคำตอบที่น่าจะเป็นจริงๆ ให้กับตัวเองไม่ได้เลย

FitBit Force Package 1
FitBit Force Package 2
FitBit Force Display
Force Side 1
FitBit Force Side 2
Polar H7 - FitBit Force
Polar H7 and Force

 

หน้าจอ OLED

FitBit Force คือแทร็กเกอร์ตัวแรกจาก FitBit ที่ออกมาแบบให้มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ OLED ที่จะแจ้งข้อความต่างๆ ที่เราตั้งค่าให้มีการแสดงผลไว้จากแอพพลิเคชั่นบนมือหรือหรือคอมพิวเตอร์ โดยมีตั้งแต่เวลาในปัจจุบัน จำนวนก้าวที่เราเดินจนถึงปัจจุบัน (นับวันต่อวัน) ระยะทางรวมที่เราเดินไปในวันนี้ จำนวนชั้นที่เราเดินขึ้นบันไดไปในวันนี้ (มีเฉพาะใน Force เท่านั้นเพราะเป็นเซ็นเซอร์ใหม่ที่ใส่เข้ามาในตัวนี้) จำนวนแคลลอรี่ที่เราเผาผลาญไปตลอดทั้งวัน ตลอดจนจำนวนนาทีที่ร่างกายเราอยู่ในโหมดแอคทีฟ (คือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่หยุดนิ่ง) ทั้งหมดนี้คงต้องบอกว่าจากการประมาณการคร่าวๆ แล้ว Force สามารถแสดงผลได้อย่างแม่นยำ จริงใจ ไม่จิงโจ้เลยทีเดียว

FitBit Force Display

และเพราะเหตุที่เจ้า Force เป็นฟิตเนสแทร็กเกอร์ตัวเดียวในตลาดตอนนี้ที่มีหน้าจอ OLED ที่สามารถแสดงผลได้มากมายถึงเพียงนี้ (และแสดงผลได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่กลางแสงแดดด้วย) หลายๆ คนเลยอาจสงสัยในเรื่องของอายุการใช้งานต่อหนึ่งรอบชาร์ตของเจ้านี่ ส่วนนี้ผมคงต้องขอบอกเลยว่ามันทำได้อย่างน่าประทับใจมาก เพราะชาร์ตหนึ่งครั้งจะอยู่ได้โดยเฉลี่ยนประมาณ 7 – 10 วัน ทั้งๆ ที่ระบบการซินค์ข้อมูลของมันนั้นเป็นแบบ OTA (แต่ผ่านทาง Bluetooth LTE ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องกินแบตน้อยอยู่แล้ว) ซึ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Jawbone Up 24 ที่เป็นแทร็กเกอร์ตัวแรกจาก Jawbone ที่มาพร้อมระบบซินค์ข้อมูลผ่าน OTA และมีเพียงไฟแสดงสถานะเป็นรูปต่างๆ เท่านั้น ไม่ได้มีหน้าจอแบบ Force รายหลังนี้ทำได้ดีสุดเพียงแค่ 5 – 7 วันเท่านั้น ทำให้ตอกย้ำชัดเจนว่า Force ออกแบบงานพัฒนาในด้านของการใช้พลังงานมาได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ทาง FitBit เองยังออกมายืนยันแล้ว (พร้อมด้วยวิดีโอยืนยันจากหลายๆ สำนักข่าว IT ที่ได้ทดลองเฟิร์มแวร์ใหม่ของ FitBit Force กันไปแล้ว) ว่าในเฟิร์มแวร์ใหม่ที่กำลังจะเปิดให้อัพเดตภายในเดือนนี้นั้น Force จะได้รับการเปิดใช้งานอีกหนึ่งความสามารถพิเศษ นั่นก็คือความสามารถในการแจ้งเตือนชื่อและเบอร์โทรของผู้โทรเข้าในมาหาเครื่องที่ผูกอยู่กับตัวมันเองได้นั่นเอง โดยจะแสดงรายชื่อหรือเบอร์โทรให้เห็นบนหน้าจอ OLED ที่มีอยู่บน FitBit Force นี้เลย

 

ความสามารถ

ตามที่ได้เกริ่นไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่า Force สามารถตรวจจับจำนวนก้าวเดินและชั้นบันใดที่เราได้โดยมาตลอดทั้งวันได้อย่างแม่นยำนั้น ในส่วนนี้ผมได้ทดสอบโดยการสวมเจ้านี้เอาไว้พร้อมกับเปิดแอพพลิเคชั่น FitBit บนเครื่อง iPhone 5S แล้วลองดูการเพิ่มขึ้นของจำนวนก้าวและชั้นการเดินบันใดในขณะเดิน ปรากฏว่าเมื่อใดก็ตามที่ผมเดิน จำนวนก้าวจะเพิ่มมากขึ้น (แม้จะพยายามเดินแบบไม่ขยับมือ) และเมื่อใดก็ตามที่มาการเดินขึ้นบันใด จำนวนชั้นจะมีการนับเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งในบางครั้งอาจมีผิดพลาดบ้างเพราะผมแอบเห็น Force นับชั้นพักเป็นเราเดินครบ 1 ชั้นเต็มอยู่เหมือนกันในบางที

http://www.youtube.com/watch?v=eEhuVdPGCsg

ผมลองตรวจสอบความสามารถในการนับจำนวนก้าวของเจ้านี่เพิ่มเติมอีกหน่อยด้วยการไปขึ้นเครื่อง Treadmill ที่ฟิตเนสดูเพราะอยากรู้ว่าหากเราไม่ได้เดินแบบเคลื่อนที่จริงๆ แต่เป็นการเดินอยู่กับที่ หรือวิ่งอยู่กับที่ FitBit Force จะยังจับก้าวเดินของเราได้ตามปกติหรือไม่ ผลปรากฏว่าก้าวเดินยังคงนับขึ้นต่อไปอย่างไม่พลาด และทันทีที่เราเดินไปจนถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ (ไม่ว่าจะเป็นจำนวนก้าวหรือแคลลอรี่ที่เบิร์น ซึ่งเราต้องเลือกเซ็ตเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งจากสองหัวข้อนี้) เจ้า FitBit Force จะสั่นเบาๆ ที่ข้อมือเพื่อเป็นการบอกเราว่าเราทำได้ถึงเป้าหมายแล้ว และพอเปิดหน้าจอของ Force ขึ้นมาเราจะพบกับเอนิเมชั่นสวยๆ รูปพลุเพื่อแสดงความยินดีกับเรา

เราสามารถตั้งเป้าหมายต่อวันให้กับตัวเองได้ในทุกๆ กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเดินนับก้าวไปจนถึงการนับจำนวนชั้นที่เราไต่ขึ้นได้ในแต่ละวัน และการตั้งเป้าหมายพร้อมกับมีเจ้านี่ไว้แทร็กหรือติดตามการเคลื่อนไหวของเรานี้เองที่ทำให้การเริ่มขยับตัวกลายเป็นเรื่องสนุกสนานและน่าสนใจขึ้นมา ผมพบว่าตั้งแต่ที่ใส่เจ้า Force มา ผมเดินและขยับตัวมากขึ้นเยอะเพียงเพราะต้องการที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่ตัวเองวางไว้

แต่ลำพังเป้าหมายที่วางไว้บางทีก็ทำให้เราเบื่อได้ และเหมือน FitBit จะรู้เรื่องนี้ดีจึงมีการเพิ่มเอาลูกเล่นการเพิ่มเพื่อน ส่งข้อความหาเพื่อน และ Leader Board เพื่อแข่งกับเพื่อนและกลุ่มต่างๆ ที่เราเข้าไปจอยไว้เข้ามาเพิ่มความสนุกและน่าสนใจให้กับฟิตเนสแทร็กเกอร์ของตัวเองมากยิ่งขึ้น (ใช้งานได้ในทุกรุ่นของ FitBit) โดยยิ่งเมื่อเราได้เห็นพัฒนาการของเพื่อนแล้ว เราก็ยิ่งอยากจะเอาชนะเพื่อนให้ได้ด้วยการขยับตัวมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งการนี้ผมพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงๆ

ในส่วนของการคำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไปนั้น ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจ้า Force ทำได้ดีแค่ไหน เนื่องจากผมไม่ทราบจริงๆ ว่าต้องใช้อุปกรณ์ไหนในการตรวจสอบความถูกต้องของพลังงานที่เผาผลาญไป ดังนั้นในส่วนนี้อาจต้องขอแรงเพื่อนๆ หากได้มีการโอกาสทดสอบเจ้า Force แล้วมาช่วยอัพเดตกันอีกทีนะครับ

อย่างหนึ่งที่อดพูดถึงไม่ได้คือฟังก์ชั่นการตรวจสอบการนอนหลับของเราที่ผมเชื่อว่าฟิสเนสแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ๆ ในตลาดปัจจุบันนั้นต่างก็มีใส่มาให้ทั้งนั้น แต่สำหรับเจ้า Force แล้ว ด้วยน้ำหนักและการออกแบบที่ทำให้สวมใส่ได้สบายข้อมือและเบาจนไม่รู้สึกอะไรของมันนี้เองที่ทำให้มันเป็นตัวแทร็กเกอร์ที่น่าใส่เวลานอนเป็นที่สุด และก่อนนอนให้เรากดที่ปุ่มบนตัวแทร็กเกอร์ (ซึ่งมีอยู่ปุ่มเดียว) ค้างไว้จน Force สั่น เพียงเท่านี้ Force ก็จะเริ่มเก็บสถิติการนอนหลับของเราแล้วเตรียมแจ้งให้เราทราบว่าเราหลับสนิทไปนานเท่าไหร่ หลับไม่สนิท (ยังกระดุกกระดิกตัวแรง) ไปนานแค่ไหน และสะดุ้งตื่นบ่อยไหมในตอนที่เรานอนนั่นเอง โดยสิ่งที่เราต้องทำก็คือทันทีที่ตื่นนอนในเช้าวันใหม่ ให้เรากดที่ปุ่มเดิมนั้นค้างไว้จน Force สั่นอีกเช่นเคยเพื่อเป็นการบอกให้มันรู้ว่า “เราตื่นนอนแล้วนะ”

นอกจากการแทร็กการนอนหลับแล้ว FitBit Force ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการตั้งปลุกเงียบ หรือ Silent Alarm ที่จะปลุกเราตื่นตามเวลาที่กำหนดโดยการสั่นข้อมือเราจนกว่าเราจะรู้สึก ฟังก์ชั่นนี้ถือเป็นลูกเล่นที่ผมใช้งานบ่อยมากเพราะมันไม่ต้องรบกวนใครเลย เราปลุกของเราคนเดียว ตื่นของเราคนเดียว สบายใจ ลดปัญหาการทะเลาะวิวาทยามเช้าได้เป็นอย่างดี 55555+

 

แอพพลิเคชั่นและโปรแกรมหลัก

FitBit Force เป็นฟิตเนสแทร็กเกอร์ที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยสมาร์ทโฟนของคุณในการทำงานของมันครับ (แต่หากอยากให้สมบูณ์แบบก็ต้องมีสมาร์ทโฟนด้วย) เพราะหากคุณไม่มีสมาร์ทโฟน คุณยังสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของคุณได้ (เช่นประวัติการเคลื่อนไหว) โดยการเข้าใช้งานผ่านเว็บเบสโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ของคุณ ทั้งนี้คุณไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่เข้าไปที่ FitBit.com แล้วไปที่ Dashboard ของคุณ เพียงเท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว แต่ในกรณีที่คุณไม่มีสมาร์ทโฟน คุณจะต้องซินค์ข้อมูลการเคลื่อนไหววันต่อวันของคุณเองโดยการใช้งานผ่านอุปกรณ์เสริมที่มีแถมมาพร้อมในกล่อง เป็น USB ขนาดจิ๋วที่จะทำหน้าที่เป็น Receiver ในการรับข้อมูลจากตัว FitBit Force (และรุ่นอื่นๆ จาก FitBit) เข้าเว็บเบสโปรแกรมบนหน้าเว็บ FitBit นั่นเอง

FitBit Dashboard

แต่ทั้งนี้เสน่ห์ที่แท้จริงของเข้า FitBit Force จะปรากฏขึ้นมาหากคุณใช้งานควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟนครับ ด้วยแอพพลิเคชั่นบนมือถือ (iOS / Android) ของ FitBit นั้นถือว่าออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งานและเข้าใจมาก ซึ่งคุณสามารถดูค่าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์เมื่อเปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมา นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เจ้าแอพพลิเคชั่นตัวนี้ในการตั้งปลุกเงียบ หรือ Silent Alarm โดยเจ้า FitBit Force จะสั่นเบาๆ ให้คุณรู้สึกตัวเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการให้มันปลุกนั่นเอง

FitBit application dashboard

นอกจากนี้แล้วการส่งข้อความหรือส่งอิโมติคอลเพื่อพูดคุยกับเพื่อนยังสามารถทำได้อย่างง่ายดายผ่านทางแอพพลิเคชั่นหลักของ FitBit นี้ และนอกจากนี้เรายังสามารถติดตามการแข่งขันและจำนวนการก้าวเดินของเพื่อนชองเราได้จากแอพพลิเคชั่นได้โดยตรงอีกด้วย แหม…เรียกว่ากระตุ้นกันตลอดเวลาที่เปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเลยทีเดียว

โดยรวมแล้วแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน (iOS และ Android) ของ FitBit นั้นถือว่าทำงานได้อย่างเต็มความสามารถที่มันควรจะทำ และโดดเด่นจนมากไปด้วยเหตุผลที่ผู้ใช้งาน FitBit ทุกคนจำเป็นต้องดาวน์โหลดมาติดไว้ (โดยเฉพาะกับ FitBit รุ่นที่ซินค์ข้อมูลผ่าน OTA ได้) เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้การการใช้งานแทร็กเกอร์ตัวนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

 

API และแอพพลิเคชั่นจากนักพัฒนาอื่นๆ

ถึงแม้ว่า FitBit Force จะทำอะไรได้มากมายหลายอย่างจนเหมาะที่จะเป็นฟิตเนสแทร็กเกอร์ในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่ทาง FitBit เองก็ยังใจกว้างเปิด API ให้นักพัฒนาอิสระสามารถนำไปใช้งานเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนสมาร์ทโฟนที่ตนพัฒนาอยู่ได้ โดยในปัจจุบันนี้มีแอพพลิเคชั่น 3rd ปาร์ตี้มากมายที่เข้ามาร่วมหัวจมท้ายพัฒนาแอพพลิเคชั่นของตัวเองพร้อมผูก API ของ FitBit เข้าไป โดยแอพพลิเคชั่นหลักๆ ที่ผมใช้ร่วมกับ Force เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้งานของมันให้สูงขึ้นไปอีกนั้นก็มีประมาณนี้เลยครับ (เผื่อใครอยากจะทราบ)

 

– MyFitnessPal

สำหรับใครก็ตามที่ดูแลสุขภาพโดยการนับแคลอรี่ของอาหารที่กินเข้าไป หรือใครก็ตามที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักน่าจะรู้จักแอพพลิเคชั่น MyFitnessPal นี้เป็นอย่างดี เพราะนี่คือแอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดที่คุณสามารถเพิ่มรายชื่ออาหารที่คุณทานเข้าไปในแต่ละมื้อพร้อมกับคุณค่าทางอาหาร “หลังถุง” ของมันไปได้หากของที่คุณทานเข้าไปไม่มีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลดาต้าเบสของ MyFitnessPal ทั้งนี้เพื่อตรวจสอบดูว่าในแต่ละวันที่คุณทานไปนั้น คุณทานเข้าไปทั้งสิ้นเป็นพลังงานกี่กิโลแคลอรี่แล้ว และคุณควรทานเป็นปริมาณเท่าไหร่เพื่อให้ได้นำหนักตามเป้าหมายที่คุณเซ็ตไว้ในระยะเวลาที่กำหนด

myfitnesspal fitbit force

แต่ลำพังเจ้า MyFitnessPal แล้ว หน้าที่ของมันก็แค่บอกแคลอรี่ที่คุณรับเข้าไปต่อวัน รวมถึงสารอาหารต่างๆ แบบแยกย่อยออกมาเป็นไพน์ชาร์ต แต่มันไม่สามารถแทร็กเอาแคลอรี่ที่คุณใช้งานต่อวันมาเป็นข้อมูลผสมได้เพื่อให้เกิดการคำนวนที่ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการผูกบัญชี FitBit (ที่ในกรณีของผมใช้คู่กับ FitBit Force) คู่กับ MyFitnessPal นั้นจะทำให้ข้อมูลของแคลอรี่ที่เราใช้ไปต่อวันจากการเคลื่อนไหวและตรวจนับด้วย FitBit Force ส่งต่อไปยัง MyFitnessPal และให้ค่าที่ถูกต้องแม่นยำในการนำไปคำนวนค่าพลังงานต่อวันของเรามาขึ้นนั่นเอง ซึ่งผมต้องบอกเลยว่ามันได้ผลกว่าการใช้งาน MyFitnessPal อย่างเดียวแยะ และได้ประโยชน์กว่าการใช้งานเฉพาะแอพพลิเคชั่นของ FitBit เข้าไปอีก

 

– Digifit

ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะเดินทางในสายการดูแลสุขภาพตามประสาหนุ่ม IT ผมก็หยิบเอา Digifit อีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นเด็ดดวงมาใช้งานร่วมกับ FitBit Force ตัวนี้อีกทีหนึ่ง โดยเจ้า Digifit นี้โดยปกติแล้วจะทำหน้าที่แทร็กการออกกำลังกายโดยการวิ่งหรือปั่นจักรยานของเรา แต่จะไม่สามารถให้ผลแคลอรี่ที่เบิร์นที่แน่นอนได้หากไม่ได้ใช้คู่กับอุปกรณ์เสริมประเภทสายรัดหน้าใต้ราวนมเพื่อตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ (ที่ใช้แปลงเป็นค่าพลังงานแคลอรี่ที่สูญเสียไปอีกที) โดยในกรณีนี้ผมใช้ร่วมกับสายคาดอกของ Polar รุ่น H7 (สวมเฉพาะเวลาที่ออกกำลังกาย) เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น

Polar H7 - FitBit Force

ค่าพลังงานเผาผลาญที่ได้จากการออกกกำลังกายของผมที่คำนวนโดย Digifit (ซึ่งใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากเพราะอิงตามอัตราการเต้นของหัวใจเราขณะนั้น) จะถูกส่งต่อไปยัง FitBit เพื่อให้ FitBit เอาไปรวมพลังงานเผาผลาญแยกออกไว้ภายใต้หัวข้อ Exercise (การออกกำลังกาย) และให้ FitBit ส่งต่อไปให้กับ MyFitnessPal อีกทีหนึ่งเพื่อคำนวนเป็นพลังงานที่ใช้จริงออกมาและบวลบคุณหารกับพลังงานที่รับเข้าไปต่อวันเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องที่สุดนั่นเองครับ

Digifit Polar H7 Fitbit Force

ใน AppStore และ Android Market ตอนนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นพวก 3rd ปาร์ตี้อีกมากมายเลยครับที่มีการผูกฮุก API ของ FitBit เอาไว้ในตัวแอพพลิเคชั่นเพื่อเพิ่มความสนุกสนานและประสิทธิภาพการทำงานให้กับเจ้าฟิตเนสแทร็กเกอร์ตัวนี้ แต่สำหรับผมแล้ว ลำพังเจ้า MyFitnessPal + DigiFit + FitBit (Force) ก็ทำให้ผมฟินกับชีวิตการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่สุดเหวี่ยงแล้วล่ะ

และเพราะ API ที่เปิดกว้างให้นักพัฒนาได้นำไปต่อยอดต่อได้อย่างง่ายดายนี่เองที่ทำให้ผมมองว่า FitBit คือผู้นำด้านตลาดฟิตเนสแทร็กเกอร์อย่างแท้จริง โดยมีเจ้า Force มาเป็นตัวพระเอกของงาน (และมี Flex เป็นนางเอกเพราะมันมีสีชมพูด้วย…หากถามผม)

 

ไม่มีอะไรในโลกที่เพอร์เฟ็ค

แม้ FitBit Force จะได้รับคำชื่นชมจากผมไปอย่างล้นหลามได้ไม่ยากมากมายนัก แต่ทั้งนี้มันก็ยังมีข้อติที่ควรต้องเอาไปปรับปรุงแก้ไขอยู่เหมือนกัน โดยนอกจากข้อติเรื่องการล็อกสายที่มีพูดถึงไปก่อนหน้านี้ (ที่หายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป) เจ้า Force ก็ยังมีอีกหนึ่งข้อสำคัญที่ต้องนำมาพูดถึงเพื่อการปรับปรุง

FitBit Force ไม่ใช่อุปกรณ์สวมใส่ IT ที่สามารถกันน้ำได้ 100% ครับ อย่าว่าแต่ 100% ผมเชื่อว่าแค่ใส่มันลงไปว่ายน้ำสักรอบสองรอบ บางทีมันก็อาจจไม่รอดเอาได้เหมือนกัน (ส่วนตัวยังไม่เคยนะครับ) แม้จะมีหลายๆ คอมเมนต์ในโลกอินเตอร์เน็ตที่อ้างว่า Force กันน้ำในระดับใส่ว่ายน้ำได้จริงๆ เพราะพวกเขาลองมาแล้ว หรือเบาหน่อยก็คือใส่อาบน้ำ (ซึ่งผมเคยทำ และมันไม่ตายด้วย) แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าการออกแบบของเจ้า Force ยังไม่เอื้อต่อการใส่แบบลุยน้ำกันได้ขนาดนั้น

เหตุผลก็เพราะช่องเสียบชาร์จแบตเตอร์รี่ที่ใน Force นั้นอยู่ติดกับตัวเครื่องบริเวณด้านใต้หน้าจอ OLED โดยเจ้าช่องนี้ไม่มีอะไรมาปิดมาบังกันน้ำเข้าถึงแผงวงจรของมันเอาไว้เลย (ต่างกับ Jawbone Up 24 และ Nike Fuelband SE ที่ต่างก็มีฝากันจุดเชื่อมต่อเอาไว้ และขนาดทั้งคู่มีฝาครอบกัน การกันน้ำก็ยังทำได้ไม่ค่อยจะดีเลย) นึกภาพไม่ออกก็ดูตามรูปเลย

fitbit Force charge Port Water Resistance

ทาง FitBit เองออกมาประกาศผ่านทวิตเตอร์ครั้งหนึ่งว่าอุปกรณ์ของเขากันน้ำได้ “ระดับหนึ่ง” แต่ไม่เหมาะกับการใส่อาบน้ำ และไม่ควรใส่ว่ายน้ำเป็นอันขาด อันนี้น่าจะตีความได้อีกนัยหนึ่งว่า FitBit เองก็รับทราบข้อเสียในส่วนนี้แล้วและพร้อมที่จะเดินหน้าแก้ไขในผลิตภัณฑ์รุ่นต่อไปนั่นเอง

 

บทสรุปส่งท้าย

 FitBit Force คือฟิตเนสแทร็กเกอร์ที่ผมจะเลือกใช้ในยุคนี้ เจนนี้ และคงจะอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าที่จะมีตัวใหม่ที่พร้อมจะมาแทนที่มัน และยิ่งเมื่อถึงเวลาที่เจ้า Force สามารถแจ้งเตือนรายชื่อคนโทรเข้าได้แล้วด้วยล่ะก็ ฟิตเนสแทร็กเกอร์ตัวนี้ยังจะเป็นตัวที่ดูน่าลงทุนด้วยเป็นอย่างยิ่งสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาของเล่น IT ที่สวมใส่ได้แบบดีๆ และมีประโยชน์ด้านสุขภาพกับตัวเองอยู่

โดยส่วนตัวแล้วช่วงตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว (2556) มาจนกถึงตอนนี้เป็นเวลารวมเกือบๆ 3 เดือน ผมเริ่มออกกำลังกายและควบคุมการทาน (ไม่อด แต่เลือกทานที่มีประโยชน์) ของตัวเองมาโดยตลอด และเมื่อสองเดือนที่แล้วโดยประมาณผมก็ได้เจ้า FitBit Force ตัวนี้มาใช้ และได้ทดสอบการใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นข้างต้นทั้ง 3 แอพพลิเคชั่น นั่นทำให้มาในวันนี้ น้ำหนักผมลดลงจากเป็นคนท้วมค่อนไปทางอ้วนที่ 69 กิโลกรัม ลงเหลือ 60 กิโลกรัมและรู้สึกได้ถึงสุขภาพที่ดีขึ้น โดย 9 กิโลกรัมที่หายไปนั้น ผมสามารถลดเปอร์เซ็นไขมันในร่างกายลงได้จาก 22% จนเหลือ 12% ณ ปัจจุบัน 10% ที่หายไปนี้ได้มาเพราะเจ้า FitBit Force คู่กับ MyFitnessPal และ Digifit ส่วนหนึ่งเลยทีเดียว (และเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญด้วย)

การออกกำลังกายกลายเป็นเรื่องสนุก การเคลื่อนไหวขยับตัวกลายเป็นเรื่องน่าสนใจ ทั้งนี้ก็เพราะอุปกรณ์ฟิตเนสแทร็กเกอร์เหล่านี้นี่เอง และย้ำคำตอบสุดท้ายของตัวเองอีกครั้งว่า FitBit Force คือฟิตเนสแทร็กเกอร์ที่ผมคิดว่าดีที่สุดในตลาดปัจจุบันนี้ครับ

 

[gradeA]

Advertisement
FitBit FitBit Force Review Fitness Tracker IOS (iPhone/iPad) Kick Starter Wearable Wearable Gadget wearable-review รีวิว Fitbit Force
Google News YouTube
Share. Facebook Twitter LinkedIn Email Copy Link
Avatar photo
Alex
  • Website
  • Facebook
  • X (Twitter)
  • Instagram

อเล็กซ์ หรือ เอ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเอามือถือหรือ iPad ข้างกายตนมาจับๆ จิ้มๆ ตามประสาคนมีงานแต่ชอบเล่นเกม คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจเอได้เสมอผ่านทางการคอมเมนต์ในบทความนี้

Advertisement
Advertisement
Advertisement

Related Posts

Miscellaneous

พรีวิว HUAWEI WATCH FIT 4 Series นาฬิกาแฟชั่น ที่มีฟีเจอร์ระดับโปร ราคาเข้าถึงง่าย

29 พฤษภาคม 2025
7.7
Devices

รีวิว vivo V50 Lite และ vivo Watch GT สมาร์ตโฟน+สมาร์ตวอทช์ “คู่หูแบตอึด” บางเบา จอคมชัด จัดเต็มเกินราคา

22 เมษายน 2025
Nintendo World

เปิดตัว Pokemon Champions! เกมเทิร์นเบสแบบครอสแพลตฟอร์ม!

28 กุมภาพันธ์ 2025
Nokia Lumia 1020 Transformed to iPhone SE 3 Cover
WINDOWS

Nokia Lumia 1020 ถูกแปลงเป็น iPhone SE 3 ที่รัน iOS ได้จริง!

17 กุมภาพันธ์ 2025
Miscellaneous

Huawei จดสิทธิบัตรสมาร์ทวอทช์พร้อมเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ 3 มิติ รองรับท่าทางการเคลื่อนไหวของนิ้วทุกทิศทาง

29 มกราคม 2025
Apple iPhone SE to be obsoleted
Apple

Apple พลาดโอกาสดึงผู้ใช้ใหม่ หลังยกเลิกขาย iPhone SE รุ่นเก่า

20 มกราคม 2025
What Score?
8.1
Devices

รีวิว iQOO Neo 10 เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ สเปกแรง! จัดเต็มแม็กซ์ 7000mAh

By Noppinij5 มิถุนายน 2025299 Views
7.6
Devices

รีวิว realme C71 สมาร์ตโฟนสุดคุ้ม บางเบา สวยงาม แบตอึดที่สุดในรุ่น

By Noppinij4 มิถุนายน 2025
8.4
Your Updates

รีวิวหัวชาร์จ CUKTECH AD1003 120W ชาร์จเร็วครบ! ทุกเรือธงแบรนด์จีน

By Noppinij14 พฤษภาคม 2025
48
Xbox & PC World

Review : Scarred เกมสยองขวัญจากสิงคโปรที่ยังขาดความน่ากลัว

By Teethasade Isarankura Na Ayudhaya6 พฤษภาคม 2025

On AppDisqus Channel

3 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดดูงาน Apple WWDC 2025 คืนวันจันทร์นี้

Follow Us
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
  • TikTok
Latest
Gaming

ยอดขาย Dune: Awakening พุ่งถล่ม Steam ทะลุ 788,000 ชุดบน Steam!

By Teethasade Isarankura Na Ayudhaya16 มิถุนายน 2025

มือถือพับได้ราคาประหยัดของ Samsung ผ่านรับรองแล้วในชื่อ Galaxy Z Flip 7 FE

16 มิถุนายน 2025

ทรัมป์เตรียมเปิดตัวมือถือในชื่อของเขาเอง พร้อมเครือข่ายใหม่ในชื่อ T1

16 มิถุนายน 2025

Helldivers 2 เปิดใหซื้อได้แล้ว 169 ประเทศ หลังโดนถอดจากร้านค้าในประเทศที่เข้าถึง PSN ไมไ่ด้

16 มิถุนายน 2025

CD Projekt RED กำลังพัฒนา The Witcher 4 อย่างสร้างสรรค์ด้วยแนวคิดใหม่ ไอเดียเพียบ และจะไม่ทำเหมือนกับ Cyberpunk 2077

16 มิถุนายน 2025
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Gaming

ยอดขาย Dune: Awakening พุ่งถล่ม Steam ทะลุ 788,000 ชุดบน Steam!

16 มิถุนายน 2025
Android

มือถือพับได้ราคาประหยัดของ Samsung ผ่านรับรองแล้วในชื่อ Galaxy Z Flip 7 FE

16 มิถุนายน 2025
Miscellaneous

ทรัมป์เตรียมเปิดตัวมือถือในชื่อของเขาเอง พร้อมเครือข่ายใหม่ในชื่อ T1

16 มิถุนายน 2025
Gaming

Helldivers 2 เปิดใหซื้อได้แล้ว 169 ประเทศ หลังโดนถอดจากร้านค้าในประเทศที่เข้าถึง PSN ไมไ่ด้

16 มิถุนายน 2025
แอพดิสคัส
Facebook X (Twitter) Instagram YouTube TikTok
  • Home
  • ติดต่อโฆษณา
  • Cookies Policy & Settings
© 2025 APPDISQUS.COM APPDISQUS : A Source You Can Trust.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าคุกกี้อนุญาตทั้งหมด
ตั้งค่าความยินยอม

Privacy Overview

AppDisqus.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานในขณะที่คุณกำลังอ่านและรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ โดยในบรรดาคุกกี้เหล่านี้ คุกกี้ประเภทข้อมูลที่จำเป็นนั้นจะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณเองที่ใช้สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าคุกกี้เหล่านี้เป็นคุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ นอกจากนี้เรายังใช้คุกกี้บุคคลที่สามเพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และเข้าใจการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ของคุณมากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้เหล่านี้จะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น และจะจัดเก็บได้ก็ต่อเมื่อคุณได้การอนุญาต ทั้งนี้คุณสามารถจัดการกับการตั้งค่าคุกกี้ของคุณได้เสมอผ่านทางเมนูการตั้งค่านี้

อย่างไรก็ตาม การปิดการใช้งานคุกกี้บางประเภทอาจทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของคุณได้
ข้อมูลจำเป็น
Always Enabled
คุกกี้บางประเภทนั้นจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้งานเพื่อทำให้เว็บไซต์สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ครบฟังก์ชั่นกับผู้ใช้งานได้ โดยคุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เราคงเซ็สชั่นการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณเอาไว้ ตลอดจนป้องกันสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ทั้งนี้ คุกกี้ประเภทนี้จะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น คุกกี้ประเภทนี้จะใช้เพื่อให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบและคงสถานะการเข้าระบบของคุณบนเว็บเว็บไซต์เราเอาไว้ได้นั่นเอง
CookieDurationDescription
AWSALBCORS7 daysAmazon Web Services ใข้คุกกี้นี้เพื่อเป็นการใช้งานฟังก์ชั่น load balancing หรือการกระจายโหลดเซิร์ฟเวอร์
cf_use_obpastCloudflare ใช้คุกกี้นี้เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ เพื่อประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชม
cookielawinfo-checkbox-analytics11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ข้อมูลสถิติ"
cookielawinfo-checkbox-functional11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ฟังก์ชั่นการทำงาน"
cookielawinfo-checkbox-necessary11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "จำเป็น"
cookielawinfo-checkbox-others11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "อื่นๆ"
cookielawinfo-checkbox-performance11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ประสิทธิภาพ"
JSESSIONIDsessionคุกกี้ JSESSIONID ถูกใช้โดย New Relic เพื่อเป็นการเก็บไอดีจำเพราะในการเข้าใช้งานของผู้ใช้งานเพื่อให้ New Relic สามารถติดตามและตรวจนับเซ็ตชั่นการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้
viewed_cookie_policy11 monthsคุกกี้นี้ใช้เพื่อเป็นการเก็บความยินยอมในการอนุญาตให้จัดเก็บและใช้งานคุกกี้ของผู้ใช้งาน โดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ใช้งานแม้แต่น้อย
ข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงาน
คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงานที่อาจไม่ได้จำเป็นที่สุดบนหน้าเว็บไซต์ AppDisqus.com ยกตัวอย่างเช่นฟังก์ชั่นการฝังสื่อประเภทวิดีโอและปุ่มการแชร์บทความไปยังโซเชียลมีเดียต่างๆ บนเว็บไซต์เป็นต้น
ข้อมูลประสิทธิภาพ
คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อวิเคราะห์ความเข้าใจในประสบการณ์การทำงานของเว็บไซต์ต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลสถิติ
คุกกี้ประเภทนี้จะจัดเก็บข้อมูลประเภทสถิติ เช่นตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์ ตัวเลข UIP หรือผู้ใช้งานที่นับต่อ IP ข้อมูลหน้าเว็บไซต์ที่ถูกเข้าถึงบ่อยที่สุด ข้อมูลแหล่งที่มาของการเข้าถึง และอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์เราได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนชี้ให้เห็นว่าเราควรปรับปรุงในเรื่องใดเพื่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นของผู้ใช้งาน
CookieDurationDescription
_ga_CE4TLMWX4S2 yearsคุกกี้ถูกติดตั้งโดย Google Analytics เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
_gid1 dayติดตั้งโดย Google Analytics โดย คุกกี้ _gid นี้ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของผู้เข้าชม ในขณะเดียวกันก็ยังใช้ในการจัดทำสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วย โดยข้อมูลที่เก็บนั้นยกตัวอย่างเช่นจำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา และหน้าที่ผู้เข้าชมเปิดอ่านโดยไม่เปิดเผยตัวตนของผู้เข้าชม
ข้อมูลเพื่อการโฆษณา
คุกกี้ประเภทโฆษณาจะช่วยให้เราสามารถเผยแพร่โฆษณาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้เข้าชมเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้ประเภทนี้จะติดตามการใช้งานในเว็บไซต์ AppDisqus เท่านั้นเพื่อการเผยแพร่โฆษณาได้อย่างตรงความต้องการของผู้ใช้งานต่อไป
CookieDurationDescription
IDE1 year 24 daysคุกกี้จาก Google DoubleClick IDE นี้ติดตั้งโดย Google เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อกำหนดมาตรฐานในการเลือกโฆษณาที่ตรงความต้องการของผู้ใช้งานมาแสดงบนหน้าเว็บไซต์
test_cookie15 minutesคุกกี้นี้ถูกติดตั้งโดย Doubleclick.net (Google) เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าบราวเซอร์ที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้งานอยู่รองรับคุกกี้หรือไม่
VISITOR_INFO1_LIVE5 months 27 daysคุกกี้นี้ถูกใช้งานโดย Youtube เพื่อตรวจสอบแบนด์วิดธ์ที่ผู้ใช้งานใช้ในการเปิดดูวิดีโอ เพื่อเป็นการระบุเวอร์ชั่นของตัวเล่นวิดีโอว่าเป็นเวอร์ชั่นใหม่หรือเก่า
YSCsessionคุกกี้ YSC ถูกติดตั้งและใช้งานโดย Youtube โดยใช้เพื่อเป็นการดึงเอาข้อมูลวิดีโอจากเว็บไซต์ Youtube ขึ้นมาแสดงในหน้าที่ดึงเอาวิดีโอนั้นๆ มาแสดง
yt-remote-connected-devicesneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt-remote-device-idneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt.innertube::nextIdneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
yt.innertube::requestsneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
ข้อมูลอื่นๆ
คุกกี้ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการระบุหมวดหมู่ประเภทเอาไว้ แต่อาจมีผลต่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo