OPPO Find X8 และ Find X8 Pro สมาร์ตโฟนแห่งนวัตกรรม สวยงามทรงพลัง พร้อมกล้อง Hasselblad ซูมไกลชัด 120X
OPPO Find X8 Series สมาร์ตโฟนที่เหมาะกับทุกคน มีคุณสมบัติที่ครบครันและล้ำสมัยมาก
กล้อง Hasselblad คุณภาพสูง รองรับการซูมภาพระดับ 120X ด้วยระบบที่ออกแบบมาใหม่ AI Telescope Zoom ช่วยเพิ่มความคมชัดหลังการซูมได้คมกริบ ภาพออกมาชัดมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะถ่ายจากระยะไกลเกิน 1000mm
โหมดถ่ายภาพบุคคลมาในสไตล์ Hasselblad ภาพสวยงาม มีมิติความลึก สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ถึง 5 ระยะสำหรับ OPPO Find X8 และ 6 ระยะสำหรับ OPPO Find X8 Pro ดูดีทั้งในแสงกลางวันและในที่แสงน้อย
แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนสายถ่ายภาพที่มีเลนส์กล้องหลังขนาดใหญ่ เทคโนโลยีการถ่ายภาพสูง แต่กลับออกแบบมาได้เล็กลง มีความบางของตัวเครื่องที่ถือจับได้ง่ายไม่เกะกะในเวลาใช้ สวยงาม ดูดีมีราคา แถมยังมีความแข็งแกร่งที่มากขึ้นด้วย ผ่านการทดสอบทางการทหาร MIL-STD MGJB 150.18A มาเรียบร้อยและผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP69 อีกด้วย
ในด้านความแรงใช้ชิปเซ็ตประมวลผลตัวล่าสุด Dimensity 9400 เทคโนโลยีการผลิต 3 นาโนเมตร เร็วแรงสุดแถมประหยัดพลังงาน ทั้งสองรุ่นสามารถใช้งานได้ยาวนานเพราะในขนาดตัวแค่นี้ กลับมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่ามาตฐานทั่วไป ด้วยเทคนิคการผลิตแบตแบบใหม่ของ OPPO ทำให้ OPPO Find X8 มีแบตเตอรี่ขนาด 5630mAh และ OPPO Find X8 Pro มีขนาดใหญ่ถึง 5910mAh เลยทีเดียว
The Good
- กล้องคุณภาพสูงมาก เป็นสมาร์ตโฟนสายกล้องเต็มตัว ฟังก์ชั่นเยอะ และทำได้ยอดเยี่ยมในทุกฟังก์ชั่น
- รองรับการถ่ายภาพซูม AI Telescope Zoom 120X ได้คมชัดในระดับน่าทึ่ง
- ประสิทธิภาพสูง รุ่นแรกที่นำเข้ามาจำหน่ายพร้อมชิป Dimensity 9400 แรงที่สุดในตลาดขณะนี้
- แบตเตอรี่ Silicon-Carbon เครื่องเล็กแต่ความจุแบตสูงมาก OPPO Find X8 ขนาดแบต 5630mAh และ OPPO Find X8 Pro มีขนาดใหญ่ถึง 5910mAh
- สมาร์ตโฟนกลุ่มกล้องโปร ที่มีการออกแบบตัวเครื่องได้บางลง ถือจับได้ถนัดกว่าเดิม
- ผ่านมาตรฐานการทดสอบ Swiss SGS certified ทนทานต่อการตกหล่นและแรงกระแทก ผ่านการรับรองทางทหาร MIL-STD MGJB 150.18A และกันน้ำกันฝุ่น IP69
- มาพร้อม AI ที่ครบเครื่องกว่าเดิม ทั้งการแก้ไขรูปภาพ และความสามารถในด้านภาษา และรองรับ Google Circle To Search เรียบร้อย
- ระบบ Android 15 และอินเตอร์เฟซใหม่ ColorOS 15 ว่องไวและมีความเสถียร
- ใส่ฟังก์ชั่นแชร์ไฟล์ไปให้กับอุปกรณ์ iOS ได้ด้วยแอป O+ Connect
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps HDR Dolby Vision ได้ในทุกเลนส์ ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
The Bad
- ไม่มีรูหูฟังบนตัวเครื่องโดยตรง
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
OPPO Find X8 และ Find X8 Pro เรือธงรุ่นล่าสุด ที่เรียกได้ว่าผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับความงามได้ลงตัวกว่ารุ่นใดๆ ติดตั้งระบบกล้อง Hasselblad Master ซึ่งเป็นกล้องที่ทรงประสิทธิภาพมากกว่าเดิมมาให้ใช้ บนดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงาม และบางลงกว่าเดิม
เป็นรุ่นแรกที่ใส่เทคโนโลยีกล้องที่สามารถซูมภาพได้ไกลมากถึง 120X ด้วย AI Telescope Zoom ได้ภาพซูมคมชัดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เหมาะมากสำหรับสายถ่ายงานคอนเสิร์ต เพราะตัวเล็ก พกติดตัวง่าย เรียกได้เลยว่ามันเกิดมาเพื่องานคอนอย่างแท้จริง! ^^ และเป็นรุ่นแรกที่ได้ใช้ชิป Dimensity 9400 ตัวใหม่ล่าสุด! ที่เข้ามาจำหน่ายในไทย เป็นตัวประสิทธิภาพสูงสุดของ MediaTek ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร
เครื่องทั้งสองรุ่นใน OPPO Find X8 Series จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในแทบจะทุกด้าน และใช้สเปคภายในที่เหมือนกัน แตกต่างกันแค่ในเรื่องของขนาดตัวเครื่องภายนอก (เช่น ขนาดหน้าจอ, ขนาดแบตเตอรี่) และชุดกล้องด้านหลังมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังไงทั้งคู่ก็ถูกวางไว้ในเกรดบนสุดของสมาร์ตโฟน Android ไม่ว่าจะตัวเล็กตัวใหญ่
ยังมีสิ่งที่พิเศษอยู่อีกมากมายภายใน OPPO Find X8 Series ซึ่งในรีวิวนี้ผมจะพามารู้จักกับ OPPO Find X8 และ Find X8 Pro ทั้งสองรุ่นกันให้มากขึ้นครับ
การออกแบบภายนอก
OPPO Find X8
OPPO Find X8 จะมีขนาดเครื่องโดยรวมที่กะทัดรัดกว่า Find X8 Pro ออกแบบมาพอดีมือ นี่คือหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ OPPO Find X8 แตกต่างจากสมาร์ตโฟนเรือธงโดยทั่วไป การออกแบบที่เน้นความบางเบา จับเข้ามือได้ด้วยการใช้งานแค่เพียงมือเดียว ด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 7.85 มม. และน้ำหนักเพียง 193 กรัม แต่ความเบานี้ไม่ได้ลดทอนความทนทานลงไปเลย แต่กลับกันที่มันมีความแข็งแรงขึ้นไปอีก
ด้วยโครงสร้าง OPPO Armour Shield ซึ่งเป็นนวัตกรรมการออกแบบของ OPPO ใช้การผสานกระจกเสริมแรง ใช้วัสดุโลหะผสมอะลูมิเนียมที่แข็งแกร่ง และช่วยในการดูดซับแรงกระแทก ผ่านมาตรฐานการทดสอบมาแล้วทั้ง Swiss SGS certified ทนทานต่อการตกหล่นและแรงกระแทก ได้มาตรฐานการรับรองทางทหาร MIL-STD MGJB 150.18A มาเรียบร้อยเช่นกัน เบาบางแต่ทนทานเกินความคาดหมาย ลุยไปกับเราได้ทุกที่
ถูกผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP69 ทนต่อการจมน้ำระดับลึก 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที ทนต่อน้ำแรงดันสูงได้จากทุกทิศทางที่อุณหภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส เป็นมาตรฐานที่เหนือกว่าเครื่องทั่วไปในตลาดแบบคาดไม่ถึงเลยครับ
ด้านหลังเลือกใช้ดีไซน์การวางชุดกล้องแบบ Cosmos Ring ทำให้กล้องหลังดูสมมาตรสวยงาม ดูเป็นกล้องทีทรงพลังตั้งแต่แรกเห็น แต่ว่าไม่รบกวนการถือจับแบบรุ่นเก่า เพราะส่วนของกล้องที่เคยมีความนูนจากตัวเครื่องออกมาได้ถูกลดขนาดลงไปถึง 40% จากรุ่นก่อนหน้า ทำให้การจับถือทั้งในแนวตั้ง และในแนวนอนระหว่างการเล่นเกมหรือดูวิดีโอ จับได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น
โดยสเปกกล้องถ่ายภาพของ OPPO Find X8 เป็นกล้องสมาร์ตโฟนที่สมกับการรอคอย ด้วยระบบกล้อง Hasselblad Master ที่รองรับการซูมภาพแบบออฟติคัลได้ที่ 3X และซูมภาพได้สูงสุดที่ 120X ซึ่งรุ่นนี้จะประกอบไปด้วยกล้องหลักสามตัว ได้แก่
- Wide Camera (24 มม.) Sony LYT700 OIS 50MP (1/1.56’’ ,f/1.8)
- Ultra-Wide Camera (15 มม.) Samsung 5KJN5 50MP (1/2.75’’, f/2.0) รองรับการถ่ายภาพระยะใกล้ (มาโคร) 3.5cm
- Telephoto Camera (73 มม.) Sony LYT600 OIS 50MP (1/1.95’’, f/2.6) Triple Prism Periscope ซูมออปติคอลได้ถึง 3 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุดถึง 60 เท่าโดยใช้ AI Telescope Zoom (ซูมสูงสุด 120 เท่า)
เลนส์ระดับสูงมาพร้อมกับเซนเซอร์ระดับสูง ที่มีซอฟแวร์คุณภาพซึ่งมี AI ช่วยเสริมการทำงานเพิ่มเติม ฉะนั้นในด้านผลลัพท์ของกล้องถ่ายรุ่นนี้คือระดับสุดยอดครับ และพัฒนามาได้ไกลมากๆ ในด้านการซูมภาพระยะไกล
ด้านข้างเครื่องมีการติดตั้ง Alert Slider สวิตช์กลไกสำหรับสลับเปลี่ยนระหว่างเสียงเรียกเข้า / โหมดสั่น / และปิดเสียง ทำได้ทันทีโดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนโหมด
OPPO Find X8 มีเข้ามาจำหน่ายให้เลือก 3 สีด้วยกันครับ นั้นคือสีเทา Star Grey, สีดำ Space Black และ สีชมพู Shell Pink ซึ่งเป็นสีที่เห็นในรีวิวบทความนี้ ตัวเครื่องจะมีลักษณะเหมือนผิวกระจกขัด สะท้อนเล่นเงากับแสง สีสันจะเปลี่ยนไปตามองศาที่ถือจับ มาพร้อมกับ IR อินฟราเรดสำหรับใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ในตัว
ในด้านจอแสดงผลแม้ตัวเครื่องจะมีขนาดกะทัดรัด แต่หน้าจอก็ยังดื่มด่ำได้เต็มอรรถรส เพราะนี้คือ สมาร์ตโฟนที่มีขอบจอที่บางที่สุด เท่าที่ OPPO เคยทำมา
ขอบจอบางเพียง 1.45 มม. ใช้หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.59 นิ้ว มีความละเอียดสูงถึง 2760 × 1256 พิกเซล รีเฟรชเรท 1-120Hzแบบไดนามิก มีความสว่างสูงสุดถึง 4,500nits รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนจอโดยตรง
ตัวเครื่องกะทัดรัดครับ ถือง่าย จับสบาย กำลังพอดีมือ เต็มพื้นที่ด้วยหน้าจอแบนสุดขอบ สีสันคมชัด สบายตาทุกการใช้งาน รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ และ Dolby Vision และ HLG นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี PWM Dimming ที่ทำงานได้ที่ความถี่สูงถึง 3840Hz ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาในสภาพแสงน้อย ฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานๆ เช่น การทำงาน การเรียน หรือแม้กระทั่งการเล่นเกม
มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอเสียงดังชัดเจน แต่จะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรง ติดตั้งกล้องหน้า 32MP Sony IMX615 รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งาน
ตรงส่วนกล้องหน้าของ OPPO Find X8 Series ทั้งสองรุ่น จะรองรับฟีเจอร์ที่เรียกว่า Live Alerts เป็นพื้นที่บอกข้อมูลพิเศษแบบเรียลไทม์ เช่นแสดงการเล่นเพลง, แสดงขณะกำลังบันทึกหน้าจอ หรือกำลังเปิดใช้งานฮอตสปอร์ตอยู่เป็นต้น โดยสามารถตอบสนองต่อการทัชสั่งงานเพื่อขยายข้อมูลดูตรงบริเวณนี้ได้ด้วย
สามารถกำหนดการทำงานและเปิดปิด Live Alerts ได้ในการตั้งค่า
ทาง OPPO ได้พัฒนาระบบการเสาอากาศรอบทิศทาง 360 องศาเอาไว้รอบตัวเครื่อง เสาอากาศ 20 ต้น และระบบ AI LinkBoost ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจับสัญญาณ ทั้งเพิ่มความเสถียรและเพิ่มความเร็วในค่าอัปลิงก์และดาวน์ลิงก์ไม่ว่าคุณจะถือโทรศัพท์อย่างไร ในท่าไหน ความเร็วของการมองหาและจับสัญญาณ รวมถึงความเข้มข้นก็จะดีที่สุดอยู่เสมอครับ
จากที่ทดสอบใช้งานมา จับสัญญาณ Wi-Fi และ 5G ได้คงที่ สลับสัญญาณไปมาได้เร็ว และไม่พบปัญหาใดๆ ในการใช้งาน คุยสนทนาได้ชัดเจนครับ มีการติดตั้งไมค์ไว้รอบตัวไว้ถึง 4 ตัวเพื่อตัดเสียงรบกวน
แบตเตอรี่และการชาร์จของ OPPO Find X8 ก็เป็นสุดยอดทางด้านเทคโนโลยีด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยเทคนิคการผลิต Silicon-Carbon ทำให้ภายในตัวเครื่องบางๆ แค่ 7.85 มม. กลับมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ 5630mAh ทำให้มีระยะเวลาในการใช้งานระหว่างวันได้ยาวนาน เช้าถึงค่ำใช้เต็มที่ได้สบายครับ
พร้อมรองรับการชาร์จไว 80W SUPERVOOC สามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลา 48 นาที และยังมีเทคโนโลยีการชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC ด้วยครับ และแน่นอนว่าสามารถชาร์จไฟแบบไร้สายย้อนกลับไปให้กับอุปกรณ์อื่นได้ด้วยเช่นกัน (10W Reverse Wireless Charging)
OPPO Find X8 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และรองรับ eSIM สามารถสลับใช้งาน eSIM ได้แทนสล็อตซิมที่สอง ต้องเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
OPPO Find X8 Pro
ส่วนตัวรุ่นพี่ OPPO Find X8 Pro แม้ขนาดตัวจะมีความใหญ่กว่ารุ่นน้อง แต่ก็มีความหนาโดยรวมเพียง 8.24 มม. และน้ำหนัก 215 กรัม
OPPO Find X8 Pro ได้รับการออกแบบให้บางและเบากว่าสมาร์ตโฟนในระดับเดียวกันโดยไม่ลดทอนความแข็งแกร่งหรือประสิทธิภาพ และยังสานต่อเอกลักษณ์การออกแบบที่ได้รับความนิยมอย่าง Cosmos Ring เอาไว้เช่นเดิม พร้อมโลโก้ Hasselblad แต่ก็สามารถลดขนาดของโมดูลกล้องลงได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
มีการนำเข้ามาจำหน่าย 2 สี ได้แก่ สีดำ Space Black เป็นพื้นผิวด้านที่กันรอยนิ้วมือ ให้สัมผัสที่นุ่มนวล พร้อมดีไซน์ที่ดูหรูหราและคลาสสิก และ สีขาว Pearl White พื้นผิวประกายมุกที่สะท้อนแสงด้วยความละเอียดสูง เมื่อมองดูดีๆ จะเห็นลวดลายคล้ายชั้นหินอ่อนๆ ซึ่งแต่ละเครื่องจะมีลวดลายฝาหลังเฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำกัน เพิ่มเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
OPPO Find X8 Pro มาพร้อมระบบ Hasselblad Master ใหม่ล่าสุด มีกล้อง 4 ตัว ทุกตัวมีความละเอียด 50MP ครบทุกเลนส์ทุกระยะ ตั้งแต่ภาพมุมกว้างพิเศษจนถึงภาพระยะไกล โดยกล้อง 3 ใน 4 ตัวมีติดตั้งกันสั่น OIS มาให้
และด้วยความพิเศษของรุ่นนี้ที่ได้วางจำหน่ายพร้อมกับกล้อง “Periscope Telephoto คู่” เป็นเครื่องแรกของโลก ใส่มาให้ทั้งระยะ 73 มม. และ 135 มม. สุดยอดคุณภาพการซูมเกินมาตรฐานกล้องมือถือจึงมาอยู่ในรุ่นนี้แล้วครับ
สเปคกล้อง OPPO Find X8 Pro
- กล้อง Ultra-Wide ISOCELL JN5 (15 มม.) 50MP
- กล้อง Wide (23 มม.) LYT808 50MP OIS
- กล้อง Periscope Telephoto 3x (73 มม.) LYT600 50MP OIS
- กล้อง Periscope Telephoto 6x (135 มม.) IMX858 50MP OIS
โครงสร้างตัวเครื่องผลิตจากกระจกโค้ง 4 ด้าน ไร้รอยเชื่อมต่อกับกรอบอลูมิเนียมแข็งแรง ผ่านการรับรองมาตรฐาน IP69 ซึ่งหมายความว่า OPPO Find X8 Pro รองรับการจมน้ำลึกถึง 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที และทนต่อการฉีดน้ำแรงดันสูงที่อุณหภูมิสูงสุด 80°C
ความแข็งแกร่งไม่ต่างไปจากรุ่นน้อง โครงสร้าง OPPO Armour Shield ยังเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยกระจกเสริมแรง โลหะผสมอลูมิเนียม และระบบดูดซับแรงกระแทกที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในทุกสภาพแวดล้อมและทุกไลฟ์สไตล์ มีสวิตช์กลไก Alert Slider สำหรับสลับเปลี่ยนระหว่าง เสียงเรียกเข้า / โหมดสั่น / และปิดเสียง สลับได้สะดวกทันทีโดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลุกเพื่อเปลี่ยนโหมด
รุ่นนี้ขอบด้านบน จะติดตั้ง IR อินฟราเรด สำหรับใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ แต่จะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรงมาให้เช่นเคย
สิ่งที่พิเศษสำหรับตัวเครื่องของ OPPO Find X8 Pro ก็คือ “ปุ่มด่วน” ที่อยู่บริเวณสันเครื่อง ทำหน้าที่เป็นปุ่มเรียกใช้กล้องด่วนโดยการกดที่ปุ่มสองครั้ง สามารถถือเครื่องในแนวนอนและสไลด์ซ้ายขวาเพื่อเป็นการซูมภาพได้ และใช้กดเพื่อเป็นปุ่มชัตเตอร์กล้องในตัว
หน้าจอของ OPPO Find X8 Pro เป็นจอแสดงผล AMOLED LTPO ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ความละเอียดสูง 2780×1264 พิกเซล อัตราการรีเฟรช 1-120Hz แบบไดนามิก ติดตั้งกล้องหน้า 32MP Sony IMX615 รองรับการแสดงผลในรูปแบบ HDR10+, Dolby Vision และ HLG มีความสว่างสูงสุดถึง 4500nits ทำให้สามารถมองเห็นการแสดงผลได้ชัดเจนแม้อยู่กลางแดดจ้า ซึ่งหมายถึงเป็นจอเทคโนโลยีเดียวกันกับ OPPO Find X8 ตัวปกติ แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่านั่นเอง
หน้าจอของ OPPO Find X8 Pro รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนจอโดยตรง ใช้ดีไซน์ Infinite View ที่มีขอบจอแบบสมมาตรขนาด 1.9 มม. ทำให้หน้าจอดูโล่ง โปร่งสบายตา การโค้งมนของหน้าจอทั้งสี่ด้านยังช่วยเสริมความรู้สึกพรีเมียมขณะใช้งาน ทัชสกรีนจากสุดขอบได้ง่าย และลดโอกาสการสัมผัสโดนหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจ
หน้าจอของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland Eye Comfort 4.0 ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อดวงตาเมื่อใช้งานในระยะเวลานาน มีฟีเจอร์ Adaptive Tone ยังช่วยปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอให้เข้ากับแสงสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ และใช้เทคโนโลยีหรีแสง PWM Dimming ที่มีความถี่ 2160Hz สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อย และรองรับการหรี่แสงแบบ DC Dimming สำหรับการปรับความสว่างในสภาพแสงปกติได้ด้วย
และด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Silicon-Carbon แห่งอนาคต แบตเตอรี่ของ OPPO Find X8 Pro จึงมีขนาดที่ใหญ่ถึง 5910mAh สามารถดูภาพยนตร์ได้นานต่อเนื่องกว่า 10 ชั่วโมงได้สบายเลยครับ
รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วเหมือน OPPO Find X8 ทุกอย่าง ทั้งระบบ 80W SUPERVOOC และรองรับชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC รวมถึงการชาร์จย้อนกลับ 10W Reverse Wireless Charging
OPPO Find X8 Pro รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และรองรับ eSIM ได้ด้วยเช่นกัน แต่ต้องเลือกสลับใช้งาน eSIM กับสล็อตซิมที่สองได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
อุปกรณ์ภายในกล่องของทั้งสองรุ่น แถมมาให้เหมือนๆ กัน คือที่ชาร์จ 80W SUPERVOOC , สาย USB Type-C และเคสซิลิโคน
กล้องถ่ายภาพ
OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro จะใช้ซอฟท์แวร์การถ่ายภาพที่เป็นตัวเดียวกัน ได้เลนส์จาก Hasselblad ได้ฟิลเตอร์และฟังก์ชั่นกล้องเหมือนๆ กัน และใช้ระบบประมวลผลภาพ HyperTone Image Engine เป็นเทคนิคที่กล้องจะรวมเอา RAW จำนวน 9 ชุด มาประมวลผลเข้าด้วยกันเพื่อออกมาเป็นภาพเดียวที่จะลดนอยส์ให้มากที่สุด เก็บจุดมืดและจุดสว่างของภาพได้มากที่สุด ซึ่งมันสามารถทำได้เพราะเรามาถึงยุคของชิปเซ็ตระดับ 3 นาโนเมตรอย่าง Dimensity 9400 แล้วนั้นเอง
หยิบขึ้นมาแล้วถ่าย ถ่ายง่ายมาก เก็บรายละเอียดได้ลึก ดูมีมิติทุกสภาพแสงครับ
ทั้งสองรุ่น แม้จะมีฮาร์ดแวร์กล้องหลังที่ติดตั้งมาให้แตกต่างกันอยู่ก็ตาม แต่ระบบการถ่ายจะคล้ายกันเกือบทั้งหมด มีความแตกต่างเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะไปดูรายละเอียด เรามาเริ่มกันที่สเปกกล้องหลังของเครื่องทั้งสองรุ่นกันก่อนดีกว่าครับ ว่ามีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
จะเห็นว่าทั้งคู่จะใช้กล้อง Ultra Wide 15 มม. และกล้อง Telephoto X3 73 มม. ที่เป็นเซนเซอร์และเลนส์ตัวเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันที่กล้อง Wide ที่ให้มาเป็นคนละตัว แต่แตกต่างกันเล็กน้อยครับ ที่จะพิเศษกว่าแบบชัดเจนสำหรับรุ่น Find X8 Pro ก็คือการที่เพิ่มเลนส์ Telephoto X6 135 มม. เข้ามาเป็นกล้องตัวที่ 4 กล้องตัวนี้แหละครับที่จะช่วยเพิ่มความคมชัดมากขึ้นในการซูมภาพระยะไกล และทำให้ OPPO Find X8 Pro นับเป็นสมาร์ตโฟนที่เปิดวางตลาดพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบ Periscope คู่ เป็นเครื่องแรกของโลกอีกด้วยครับ
ซึ่งกล้อง Telephoto X6 จะทำให้เราจะเห็นความต่างในโหมดการถ่ายภาพบุคคลที่ตัว Find X8 Pro จะมีระยะการถ่ายภาพบุคคลในระยะ 6X หรือ 135mm เพิ่มเข้ามาด้วยนั้นเอง ที่เหลือเหมือนกันทั้งหมดครับ
แม้สเปกกล้องจะต่างกัน แต่ในด้านผลลัพท์นั้นยอดเยี่ยมทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ เพราะได้ซอฟท์แวร์เข้ามาเสริมเพิ่มเยอะมาก อย่างเจ้าตัว OPPO Find X8 มีความสามารถในการซูมภาพแบบออฟติคัลที่ 3X ทำความคมชัดได้คมมากอยู่แล้วเพราะหเป็นการซูมด้วยเลนส์ แต่ว่าแม้เราจะซูมภาพไปในระยะ 6X ภาพก็ยังคมกริบอยู่เลยครับ
แต่!! ใน OPPO Find X8 Series ทั้งสองรุ่นจะมีฟังก์ชั่นที่จะทำให้ทุกคนอึ้ง! สำหรับการซูม มันคือระบบใหม่ “AI Telescope Zoom” ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความคมชัดในการถ่ายภาพระยะไกลได้แบบน่าทึ่ง เมื่อเราทำการซูมภาพในระยะถึง 10X ระบบ AI Telescope Zoom จะทำงานขึ้นมาให้เราทันที และในขณะถ่ายก็จะมีกันสั่นช่วยประคองขณะถือถ่ายด้วยมือ มีกรอบช่วยหาจุดโฟกัส และเมื่อทำการซูมไปจนถึงระยะ 60X ก็จะมีไอคอนแจ้งการทำงานของ AI ปรับปรุงภาพปรากฏขึ้นมาครับ เราสามารถเปิดปิดได้ แต่เปิดไว้ตลอดดีกว่าครับ รับรองผลลัพท์น่าประทับใจทุกภาพ ^^
โดยตัวระบบจะใช้ AI เข้ามาคำนวนแบบเรียงเม็ดพิกเซล เพื่อทำการประมวลผลภาพใหม่ จัดระเบียบเสริมการสูญเสียแบบเรียงพิกเซล เพื่อให้ภาพกลับมาคมชัดตามธรรมชาติให้มากที่สุด สังเกตจากเมื่อเราถ่ายภาพและเปิดดู ตัวระบบ AI จะใช้เวลาสักประมาณครึ่งวินาทีในการประมวลผลภาพใหม่ ก่อนจะแสดงออกมาเป็นภาพสำเร็จที่มีความคมอย่างมาก
ฉะนั้นเมื่อเราถ่ายภาพด้วย OPPO Find X8 Series แม้จะเป็นรุ่น OPPO Find X8 ในระยะการซูมไกลๆ 60X และ 120X ในตอนสุดท้ายเราจะได้ภาพระดับที่ ยอดเยี่ยม!
ระยะ 120x หรือความยาวโฟกัสประมาณ 2920mm มันไกลมากๆ เลยนะครับ ก่อนจะซูมเรามองไม่เห็นเป้าหมายที่จะถ่ายด้วยตาเปล่าซะด้วยซ้ำ แต่การถ่ายออกมาด้วยมือเปล่า กลับได้ลายเส้นตัวอักษรที่คมขนาดนี้ ยอดเยี่ยมครับ
ทดสอบตัว AI Telescope Zoom ของทั้งสองรุ่น สังเกตว่าสามารถช่วยเพิ่มความคมชัดได้หมดทั้งสิ่งที่เป็นทรงเหลี่ยม, ทรงโค้ง หรือแม้กระทั่งดอกไม้ ภาพระดับ 120X ทำได้ขนาดนี้ด้วยมือถือที่บางแค่ 7.85 มิลลิเมตร
โดยตัวระบบกล้องมีการใส่ซีนที่เกี่ยวกับ “แสง” มาให้เราเปิดใชังานได้ 3 รูปแบบใหม่ เพื่อเป็นการบอกใบ้ให้กับระบบ AI ของกล้องได้รู้ความต้องการของเรา โดยทั้งสามโหมดสามารถเรียกใช้ได้ทันทีแค่กดอีกครั้งที่คำว่า “รูปถ่าย”
- เวที – สำหรับใช้ไปถ่ายงานแสดงหรืองานคอนเสิร์ตที่มีแสงไฟอลังการอยู่เป็นฉากเบื้องหลัง เพื่อให้ส่วนที่เป็นไฟฉากยังคงโดดเด่นตัดกับส่วนมืดที่เป็นสีดำ คอนทราสของภาพจะเข้มข้น สีสันจะสมจริง โดยที่ตัวกล้องจะไม่พยายามไปแก้เพิ่มแสงขาวในส่วนมืดเพื่อให้ทั้งภาพดูสว่างขึ้นมา
- ซิลลูเอท – เปิดโหมดนี้เพื่อถ่ายภาพย้อนแสง เล่นเงารูปร่าง การทำงานของ AI ก็จะไม่พยายามไปเพิ่มแสงในบริเวณที่เป็นเงากลางภาพมากเกินไป
- ดอกไม้ไฟ – เน้นสีสันและความคมชัดของพลุไฟ ให้ตัดกับฉากหลังสีดำ โดยสามารถถือถ่ายได้ด้วยมือโดยไม่ต้องเปิดโหมดกลางคืน
สำหรับการถ่ายภาพในโหมดบุคคล จะเป็นโหมดเดียวที่ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันในระยะการถ่ายอยู่ครับ ตามช่วงระยะเลนส์กล้องหลังที่ติดตั้งมา โดยทาง OPPO มีการร่วมมือกับ Hasselblad เพื่อออกแบบให้ในแต่ละระยะ มีเอกลักษณ์ตามธรรมชาติคล้ายกับเลนส์ชื่อดังของ Hasselblad ในอดีตออกมา
ในรุ่น OPPO Find X8 จะสามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ 5 ระยะ : 24mm, 35mm, 49mm, 73mm, และ 85mm
ส่วนในรุ่น OPPO Find X8 Pro จะสามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ 6 ระยะ : 23mm, 35mm, 48mm, 73mm, 85mm และ 135mm
จะสังเกตเห็นว่าทั้งสองรุ่นมีระยะที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ในโหมดพอร์ตเทรตคือระยะ 35mm และ 85mm นั้นเองครับ
ในโหมดภาพพอรต์เทรตของ Hasselblad ก็จะมีฟิลเตอร์มาให้เลือกใช้หลายรูปแบบ โดยมีฟิลเตอร์ใหม่ๆ ที่มาในสไตล์ฟิล์มภาพยนตร์เก่าๆ 3 รูปแบบ เปลี่ยนอารมณ์ของภาพให้ดูแปลกตา มีให้เล่นหลายแบบครับ และเราจะสามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบ Soft Lighting หรือแนวภาพที่จะได้แสงนุ่มๆ ดูนวลๆ แบบภาพชวนฝัน สามารถเปิดใช้งานได้ 3 สไตล์ตั้งแต่ก่อนการถ่าย ไม่ต้องไปปรับแก้ภาพในภายหลังครับ
ตัวอย่างภาพบุคคลในหลายโหมด หลายระยะ (ดูรุ่นและระยะได้จากลายน้ำใต้ภาพ)
การถ่ายภาพทำได้ง่ายมาก ชัตเตอร์มีความเร็วในการจัดเก็บภาพ มีโหมดถ่ายภาพมาให้ครบ ทั้งโหมดกลางคืน, และโหมดมือโปร (อยู่ในเมนูโหมด Master) ซึ่งเราสามารถกำหนดค่ากล้องได้เองอิสระ รวมถึงถ่ายภาพออกมาเป็นไฟล์ RAW ก็ได้ด้วยครับ
และในด้านการถ่ายวิดีโอ OPPO Find X8 Series เป็นสมาร์ตโฟนที่สามารถถ่ายวิดีโอแบบ HDR Dolby Vision ได้ในทุกเลนส์ ในระดับความละเอียด 4K 60fps ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า และมีโหมด Ultra Steady หรือโหมดกันสั่นพิเศษที่จะเหมือนการถ่ายด้วยกล้องกิมบอล และการถ่ายวิดีโอแบบพอร์ตเทรตละลายหลังก็รองรับเช่นกัน
กล้องหน้าทั้งสองรุ่นจะใช้เซนเซอร์และเลนส์ตัวเดียวกัน เป็นกล้อง Sony IMX615 32MP สามารถถ่ายได้สองระยะ 25mm และ 21mm เพื่อถ่ายภาพเซลฟี่หลายคน คุณภาพกล้องหน้าเป็นของดีของ OPPO เสมอมา และก็ยังเชื่อมือได้เช่นเคยครับ ปรับใบหน้าเนียนใส ดูสวย มีฟิลเตอร์และสามารถละลายหลังได้เหมือนกล้องหลังด้วยเช่นกัน
การใช้งานภายใน
ประสิทธิภาพการประมวลผลแรงสุดในขณะนี้ ชิป Dimensity 9400 ผลิตด้วยกระบวนการ 3nm ทำให้ประสิทธิภาพด้านการประมวลผลเพิ่มขึ้น 40% และ GPU มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 44% พร้อม RAM LPDDR5X และ ROM UFS 4.0 เป็นเทคโนโลยีชุดประมวลผลที่ดีที่สุดในตลาดขณะนี้
- OPPO Find X8 จะมีเข้ามาจำหน่ายในรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB และ RAM 1ุ6GB + ROM 512GB
- OPPO Find X8 Pro จะมีเข้ามาจำหน่ายในรุ่น RAM 1ุ6GB + ROM 512GB เพียงขนาดเดียว
ระบบภายในมาเป็น Android 15 ตัวล่าสุด ครอบทับด้วย ColorOS 15 มีความสามารถในการขยาย RAM ออกไปได้อีก 12GB
แรงลื่นๆ สำหรับเกมระดับเกรด AAA ทดสอบกับ Solo Leveling:ARISE เกมกราฟิกที่ว่ากินสเปกโหดๆ เปิดกราฟิกระดับทั่วไป เล่นได้ลื่นๆ สบายครับ
เพื่อให้สมาร์ตโฟนสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพนานๆ โดยไม่ถูกลดทอนลงเพราะความร้อน ทาง OPPO ได้ออกแบบชุดความร้อนแบบสองชั้น เป็นแผ่นชั้นกราไฟต์และชั้นเจลระบายความร้อนอยู่ที่ด้านหลังเมนบอร์ด ปรับแต่งระบบดูแลประสิทธิภาพเครื่อง Trinity Engine ให้เหมาะสมกับการทำงานร่วมกับ Dimensity 9400 ช่วยจัดการการใช้พลังงานและความร้อน ฉะนั้นทั้งสองรุ่นนี้ที่ทดลองใช้มาเวลาเปิดทำงานานๆ หรือเล่นเกมต่อเนื่อง เครื่องจะร้อนให้รู้สึกน่ากังวลอะไร แต่จะมีความร้อนให้รู้สึกได้ชัดหน่อยก็เป็นตอนที่เราเปิดหน้ากล้องเพื่อถ่ายภาพเป็นเวลานานๆ ต่อเนี่องกันครับ แต่ยังไม่เคยเจอปัญหาแลค ค้าง ช้า หรือรีสตาร์ทให้เห็นเลยตลอดระยะเวลาที่ทำการทดสอบใช้
อินเทอร์เฟซใหม่ใน ColorOS 15 ของ OPPO เป็นอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย แต่สวยงาม มาฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้วยนะครับ เช่น AI Photo Remaster ความสามารถสำหรับใช้ในการแก้ไขภาพถ่าย เพิ่มเติมจากความสามารถในการลบวัตถุบนภาพ ในตอนนี้สามารถเพิ่มความคมชัดจากถาพถ่ายเก่า, ภาพที่เบลอ ทำได้ด้วย AI แล้วครับ
ฃรวมถึงการใช้ AI ลบเงาสะท้อนในกระจกที่สะท้อนเข้ากล้อง เช่นในเวลาที่เราอยากถ่ายคน, หรือทิวทัศน์ภายนอก โดยต้องถ่ายผ่านกระจกออกไป และมักจะเกิดเป็นเงาสะท้อนขึ้นมาบนกระจกให้เราเห็น เราสามารถใช้ AI Photo Remaster ลบเงาออกได้ครับ
AI Studio ระบบแปลงภาพด้วย AI ให้เป็นสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร ^^ อยากจะแปลงเป็นแบบไหนก็ได้ จะเปลี่ยนธีมแต่งตัว หรือเปลี่ยนสไตล์ภาพเป็นการ์ตูน, 3D หรือภาพวาด เล่นได้ฟรีในตอนเริ่มต้น 5000 เครดิต OPPO แจกใหใช้กันยาวๆ และมีการแจกเพิ่มเมื่อเข้ามาเช็คอินในแอป
เปลี่ยนน้องเมษาให้กลายเป็นท่านจอมยุทธ ^^ ทำได้เนียนอยู่นะครับ
มีระบบใหม่ Touch to Share ที่ช่วยให้การแชร์ไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ทำได้ราบรื่นโดยไม่ต้องสนใจระบบอีกต่อไป ^^ เพราะนับจากนี้เราสามารถส่งไฟล์จากเครื่อง OPPO ของเราไปให้กับอุปกรณ์ในระบบ iOS ได้แล้ว อย่างเครื่อง iPhone หรือ iPad ก็ส่งได้โดยตรงแล้วครับ
เราสามารถกดแชร์ออกโดยใช้คำสั่ง “แชร์กับ iPhone” ส่วนปลายทางในระบบ iOS จะต้องมีแอปพลิเคชั่น O+ Connect ไว้กดรับไฟล์ซะก่อนนะครับ สามารถใช้อุปกรณ์ iOS สแกน QR ในหน้าการส่งไฟล์เพื่อดาวน์โหลด หรือ ดาวน์โหลด O+ Connect ไว้ล่วงหน้าได้จากลิงก์นี้ก็ได้เช่นกัน
เลือกไฟล์ที่จะส่ง แล้สกดแชร์ออก ปลายทางที่เป็นอุปกรณ์ iOS เปิดแอป O+ Connect รายชื่อเครื่อง iOS จะปรากฏให้หน้าแชร์เพื่อให้เรากดยืนยันการส่ง หลังจากนั้นวิธีการใช้งานก็จะเหมือนกับระบบ AirDrop หรือ Quick Share เลยครับ
ระบบ AI มีใส่เข้ามามากขึ้นเยอะ สามารถรองรับกับความสามารถ Google CIrcle To Search ได้แล้ว กดโฮมค้างแล้ววงกลมสิ่งที่ต้องการค้นหา หรือวงกลมคำที่ต้องการจะแปลได้ทันที
มีความสามารถในการสรุปเนื้อหาบนหน้าจอให้อ่านได้กระชับขึ้นด้วย AI Summary หรือจะให้ AI Speak ช่วยอื่นเนื้อหาออกเสียงให้เราฟังได้ด้วยเช่นกัน
สรุปเนื้อหาให้กระชับจากไฟล์เอกสาร และทำการแปลให้เราได้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งหมดที่ว่ามานั้นรองรับภาษาไทยเรียบร้อยแล้วครับ
แก้ไขคำผิด แก้ปรับคำใหม่ ให้ AI ช่วยแต่งประโยคในสไตล์ที่เราต้องการ เช่นเป็นคำอ่านดูสนุก ใส่อีโมจิ เพื่อใช้โพสลงโซเชี่ยลก็ทำให้เราได้ไม่ต้องไปคิดออกแบบเอง
ใช้งานได้ลื่นไหล ระบบมีความเสถียรสูง และที่สำคัญแบตเตอรี่อึดมาก ด้วยเพราะขนาดแบตที่ใหญ่กว่ามาตรฐานภายใต้ขนาดเครื่องที่บางลงโดย OPPO Find X8 จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5630mAh และ OPPO Find X8 Pro จะมีขนาดใหญ่ถึง 5910mAh เลยทีเดียว ใช้งานได้เต็มวันแบบไม่ต้องเบามือครับ
สรุปท้ายรีวิว
OPPO Find X8 Series สมาร์ตโฟนที่เหมาะกับทุกคน มีคุณสมบัติที่ครบครันและล้ำสมัยมาก
กล้อง Hasselblad คุณภาพสูง รองรับการซูมภาพระดับ 120X ด้วยระบบที่ออกแบบมาใหม่ AI Telescope Zoom ช่วยเพิ่มความคมชัดหลังการซูมได้คมกริบ ภาพออกมาชัดมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะถ่ายจากระยะไกลเกิน 2500mm
โหมดถ่ายภาพบุคคลมาในสไตล์ Hasselblad ภาพสวยงาม มีมิติความลึก สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ถึง 5 ระยะสำหรับ OPPO Find X8 และ 6 ระยะสำหรับ OPPO Find X8 Pro ดูดีทั้งในแสงกลางวันและในที่แสงน้อย
แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนสายถ่ายภาพที่มีเลนส์กล้องหลังขนาดใหญ่ เทคโนโลยีการถ่ายภาพสูง แต่กลับออกแบบมาได้เล็กลง มีความบางของตัวเครื่องที่ถือจับได้ง่ายไม่เกะกะในเวลาใช้ สวยงาม ดูดีมีราคา แถมยังมีความแข็งแกร่งที่มากขึ้นด้วย ผ่านการทดสอบทางการทหาร MIL-STD MGJB 150.18A มาเรียบร้อยและผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP69 อีกด้วย
ในด้านความแรงใช้ชิปเซ็ตประมวลผลตัวล่าสุด Dimensity 9400 เทคโนโลยีการผลิต 3 นาโนเมตร เร็วแรงสุดแถมประหยัดพลังงาน ทั้งสองรุ่นสามารถใช้งานได้ยาวนานเพราะในขนาดตัวแค่นี้ กลับมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่ามาตฐานทั่วไป ด้วยเทคนิคการผลิตแบตแบบใหม่ของ OPPO ทำให้ OPPO Find X8 มีแบตเตอรี่ขนาด 5630mAh และ OPPO Find X8 Pro มีขนาดใหญ่ถึง 5910mAh เลยทีเดียว
OPPO Find X8 จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและมืออาชีพด้านการถ่ายภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายทำงาน สายเกม หรือสายโซเชียล สมาร์ตโฟนรุ่นนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ
ราคาและโปรโมชั่น
- OPPO Find X8 รุ่น RAM 12GB +256GB ราคา 29,999
- OPPO Find X8 รุ่น RAM 16GB +512GB ราคา 33,999
- OPPO Find X8 Pro รุ่น RAM 16GB +512GB ราคา 39,999
พิเศษ! สำหรับผู้ที่ซื้อ OPPO Find X8 Series ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2567 จะได้รับของสมนาคุณเป็น OPPO E-VIP Card และ คูปองส่วนลด OPPO Enco Air4 ดังนี้
1. OPPO E-VIP Card สิทธิการประกันจอเเตก จำนวน 1 ครั้ง ภายในระยะเวลา 2 ปี
- การประกันจอแตก รุ่น OPPO Find X8 มูลค่า 15,999 บาท
- การประกันจอแตก รุ่น OPPO Find X8 Pro มูลค่า 19,999 บาท
2. OPPO Enco Air4 คูปองส่วนลด 50% มูลค่า 1,000 บาท
**ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ**