
OPPO Find N3 Flip สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นที่ 3 จากทาง OPPO เปิดตัวพร้อมจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มากับความสวยงามของตัวเครื่องที่มีความปราณีตบรรจงในทุกๆ จุด งานผลิตออกแบบตามมาตรฐานเดียวกับนาฬิกาเรือนหรู
และได้ยกระดับกล้องของวงการของสมาร์ทโฟนจอพับ เพราะได้ติดตั้งกล้องหลักซึ่งเป็นกล้องพรีเมี่ยมระดับเรือธงมาให้เป็นครั้งแรก โดยเป็นกล้อง 3 ตัวที่มีทั้งกล้อง Ultra-Wide สำหรับการถ่ายมุมกว้าง และกล้องถ่ายภาพพอร์ตเทรต Telephoto Portrait Camera 2X ซึ่งเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนจอพับที่ไม่เคยมีใครมีมาก่อน โดยทั้งหมดยังเป็นกล้องระดับโลกที่ได้ความร่วมมือจากแบรนด์ระดับโปรอย่าง Hasselblad มาพัฒนาร่วมกันให้ด้วย
ทำให้ OPPO Find N3 Flip คือสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกและรุ่นเดียว ที่ให้กล้องถ่ายภาพมาครบที่สุดและดีที่สุดของสมาร์ทโฟนจอพับ ยังไม่รวมถึงตัวเครื่องบางเบาที่สวยงาม บนระบบชาร์จไว 44W SUPERVOOC ที่เร็วที่สุดของสมาร์ทโฟนจอพับอีกด้วยเช่นกัน พร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในวงการ นี่คือความน่าใช้ของสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่จากทาง OPPO ที่เรานำมาแนะนำให้รู้จักกันในรีวิวบทความนี้ครับ
การออกแบบในระดับพรีเมี่ยม
OPPO Find N3 Flip ใช้การออกแบบที่ปราณีตสวยงามอย่างมากครับ ตัวเครื่องขอบโลหะกระจกโค้ง Corning Gorilla Glass Victus ไร้ขอบ ลงโค้งไร้รอยต่อ ผิวสัมผัสวาวแบบกระจก ดูหรูมีราคา
โดยทาง OPPO มีนำเข้ามาครบทั้งสามสี นั้นคือ Cream Glod สีโทนสว่าง ที่เป็นทองอมขาวครีมดูนุ่มนวล มีลวดลายเป็นคลื่นบนพื้นผิวเวลาแสงมากระทบ และสี Misty Pink สีที่โดดเด่นด้วยชมพูของดอกไม้ สีพิเศษที่สวยและแปลกตา ดูอ่อนหวานแต่ทันสมัย สุดท้ายคือสีดำ Sleek Black สีคลาสสิคโทนเข้มแบบโลหะดำ สะท้อนแสงเงาตัดกับขอบเครื่องขัดเงาดูหรูหรา และเข้ากันได้กับทุกสไตล์ ซึ่งเป็นสีเครื่องที่เห็นในรีวิวบทความนี้ครับ
บริเวณชุดกล้องหลังใหม่ ได้ถูกออกแบบอย่างตั้งใจ ด้วยการทำลวดลาย Cosmos Ring ไว้ภายใน พร้อมล้อมรอบไว้ด้วยวงแหวน Starlight Track เป็นการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากวงแหวนของกล้องถ่ายภาพ ใช้วัสดุการผลิตที่ดูแวววาว ให้ความรู้สึกเดียวกันกับหน้าปัดนาฬิกาเรือนสวย
หน้ากล้องใหญ่เพราะติดตั้งไว้ถึงสามเลนส์ เป็นกล้องความละเอียดสูงทั้งหมดแบบเครื่องเรือธง โดยกล้องหลังจะใช้ Sony IMX890 ความละเอียด 50MP และกล้อง Ultra-Wide 14mm ความละเอียด 48MP และสุดท้ายคือกล้อง Telephoto Portrait 47mm ความละเอียด 32MP ทั้งหมดได้รับการพัฒนาและร่วมมือกับทาง Hasselblad ในการปรับแต่งระบบการถ่ายภาพและใส่ฟีเจอร์ต่างๆ มาให้ใช้งานกันอยู่ภายใน
นี่จึงเป็นสมาร์ทโฟนจอพับแนวตั้งรุ่นแรก ที่มีกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูงระดับสมาร์ทโฟนเรือธงมาให้ใช้งานกันนั้นเองครับ
จอภาพด้านนอกของ OPPO Find N3 Flip ยังคงใช้จอในขนาดและสัดส่วนเหมือนรุ่นก่อนหน้าอยู่เช่นเดิม เป็นจอ AMOLED ขนาด 3.26 นิ้ว (720 x 382 พิกเซล) ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นสัดส่วนหน้าจอที่เหมาะสมกับการใช้งานได้มากที่สุดแล้ว จอแนวตั้งที่จะเหมือนกับจอแสดงผลด้านใน การแสดงผลของแอปต่างๆ จึงจะไม่ผิดเพี้ยน การแสดงภาพถ่ายก็จะเห็นได้เต็มพื้นที่ตามสัดส่วนที่ถูกต้อง
และที่สำคัญคือการได้พื้นที่ด้านข้างจอ สำหรับใช้ติดตั้งเซนเซอร์กล้องขนาดใหญ่ที่ใส่มาให้ยกชุด 3 ตัวนั้นเองครับ
แม้จอจะขนาดเดิม แต่เพิ่มเติมคือประโยชน์การใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เพราะทาง OPPO ได้พัฒนาระบบ ColorOS 13.2 ที่อยู่ใน OPPO Find N3 Flip มาได้ฉลาดกับการใช้งานของจอภาพด้านนอกมาได้ดีมากครับ เราสามารถเรียกใช้งานได้แทบทุกแอปพลิเคชั่นบนหน้าจอด้านนอกเหมือนเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องนึงปกติ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องลงแอปเสริมหรือทำการดัดแปลงใดๆ สามารถติดตั้งแอปและเรียกใช้ได้แทบทันที
พลิกใช้งานได้ทั้งแนวตั้งแนวนอน และด้วยเพราะสัดส่วนหน้าจอที่ได้มาตรฐานคงเดิมเหมือนจอสมาร์ทโฟนปกติ จึงสามารถใช้งานได้เข้ามือตามความเคยชินเลยครับ จะgxbfดู Youtube หรือเล่น TikTok การใช้งานก็จะเหมือนเปิดจอด้านในไม่ต่างกัน แค่จอเล็กแต่สะดวก และดูทันสมัยกว่าเท่านั้นครับ ^^
หน้าจอด้านนอก สามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่น อ่านการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงการวาง Widget ควบคุมพิเศษที่ทาง OPPO ออกแบบมาได้อย่างดี สวยงาม เก๋ ดูทันสมัย และสะดวกด้วยครับ จากที่ผมได้ลองใช้ ก็จะลดการเปิดจอด้านในลงได้อย่างมากมายเลย
เราสามารถนำสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก เอามาวางเป็นเพื่อนเราบนหน้าจอได้ด้วยนะครับ ^^ โดยสัตว์เลี้ยงใหม่ถูกพัฒนามาในรูปแบบตัวการ์ตูน 3D และจะตอบสนองกับการทัชของเรา และจะตอบสนองกับการใช้งานของเราได้ด้วย เช่นเมื่อเราเปิดเพลงฟัง น้องเขาก็จะหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงไปกับเราเป็นต้นครับ ทำมาได้น่ารัก และตัวละครมาให้เลือกเยอะมาก นก สุนัข แมว หนูแฮม หรือหมีแพนด้า
หน้าจอด้านนอกตั้งค่าได้เยอะมาก ทั้งวอลล์เปเปอร์แบบเคลื่อนไหวหรือภาพนิ่ง หรือจะนำภาพส่วนตัวของเรามาวางไว้เป็นภาพหน้าจอก็ได้เช่นกัน ด้วยการออกแบบตัวเครื่อง บวกกับการออกแบบหน้าจอด้านนอก แค่วางไว้ก็รู้สึกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยและสวยงามมากๆ แล้วครับ
ตัวเครื่องบาง จับกระชับเข้ามือ น้ำหนักเบามาก โดยรวมทั้งหมดหนักแค่ 198 กรัม มีความบางในช่วงที่กางหน้าจอออกจะอยู่ที่ 7.79 มิลลิเมตรเท่านั้น และหลังจากพับเก็บจะบางแค่ 16.45 มิลลิเมตร ด้วยการออกแบบบานพับ Flexion Hinge เวอร์ชั่น 3 ตัวบานพับใหม่ที่ยังสามารถพับหน้าจอเข้าหากันได้แบบแนบสนิท ไม่มีร่องกลางไม่เกิดช่องว่าง และเมื่อกางออกจะยังคงแสดงหน้าจอที่แทบไม่เห็นรอยโค้งงอจากการพับ จอเรียบและสังเกตเห็นได้ยาก
Flexion Hinge 3 ยังได้พัฒนามากขึ้นในเรื่องของความแข็งแรงและการรับน้ำหนัก มันถูกทดสอบแบบจริงจังมาแล้วจากสถาบันที่เชื่อถือได้ของ TÜV Rheinland ว่าสามารถทนทานต่อการพับได้มากกว่า 600,000 ครั้งเลยทีเดียว ถ้าลองเอามาเฉลี่ยตามการใช้งานในชีวิตประจำวันของเรา หากเราพับและกางหน้าจอโดยเฉลี่ยมากถึงวันละ 100 ครั้ง มันก็ยังสามารถทนทานและใช้งานได้มากกว่า 6,000 วัน หรือประมาณ 16 ปีเลยทีเดียวครับ
และบานพับใหม่ของ OPPO Find N3 Flip ได้ถูกออกแบบให้สามารถรับน้ำหนักของตัวเครื่อง ให้สามารถกางใช้งานและคงอยู่ได้ในทุกองศา โดยฝาพับจะไม่ปิดลงไปได้เองด้วยน้ำหนัก ทำให้เกิดมุมองศาการใช้งานต่างๆ ได้หลากหลายมากขึ้น เช่นการกางเครื่องเพื่อถ่ายภาพมุมสูง ใช้วางเป็นกล้องสำหรับถ่าย VLOG หรือการวางเพื่อใช้งานหน้าจอด้านนอกเพื่อประชุมสายหรือรับชมความเป็นบันเทิง รุ่นนี้สามารถกางได้และค้างอยู่ในทุกมุมองศาแล้วครับ
OPPO Find N3 Flip จะติดตั้งที่สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่องไว้ตรงปุ่มพาวเวอร์ และยังได้ติดตั้งสวิตช์ Alert slider เอาไว้ด้านข้างเครื่อง ปุ่มปรับเปลี่ยนโหมดการแจ้งเตือน ระหว่าง เงียบ – สั่น – เปิดเสียง ปรับได้ทันทีโดยไม่ต้องปลดล็อคหรือเข้าไปในระบบซะก่อน สะดวกกว่าเมื่อเราต้องเข้าประชุมหรือเข้าโรงภาพยนตร์ แค่สไลด์เลื่อนไปยังโหมดแจ้งเตือนที่ต้องการ และนอกจากจะมีประโยชน์แล้ว ทาง OPPO ก็ยังออกแบบสวิตช์ตัวนี้มาได้ดี ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่องได้อีกด้วยครับ
งานประกอบแน่นหนาทุกจุด มาตรฐานกันน้ำ IPX4 รองรับการใช้งาน 5G สองซิมการ์ด แต่รุ่นนี้จะไม่มีช่องใส่ microSD Card เพิ่มเติม และมีไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรงนะครับ
แบตเตอรี่ภายในของ OPPO Find N3 Flip ถือว่าให้มาในขนาดที่ใหญ่ที่สุดของวงการ แม้ตัวเครื่องจะบางเบา แต่ออกแบบการจัดวางชิ้นส่วนภายในได้ดี จึงทำให้มีการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 4300mAh มาให้ใช้กันครับ
รวมถึงการรองรับระบบชาร์จไว 44W SUPERVOOC ซึ่งก็เป็นระบบชาร์จไวที่ดีที่สุดของกลุ่มสมาร์ทโฟนจอพับแนวตั้งอีกด้วยเช่นกัน ระบบชาร์จไวที่รวดเร็วและปลอดภัยอย่างมากของทาง OPPO สามารถชาร์จแบตได้ถึง 60% ในเวลาแค่ประมาณ 30 นาทีนิดๆ เท่านั้นเองครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีที่ชาร์จ 44W SUPERVOOC แถมมาให้พร้อมกับเคสสวมใส่ เป็นเคสแยกสองชิ้นสีเดียวกันกับตัวเครื่อง ทั้งหมดแถมมาให้ภายในกล่องไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มเติมครับ
จอใหญ่ ไร้รอยพับ เทคโนโลยีการแสดงภาพระดับสูง
สมาร์ทโฟนกลุ่มจอพับ มักจะไม่ได้โชว์แค่เทคโนโลยีหน้าจอที่พับได้เพียงเท่านั้นนะครับ แต่จะมาพร้อมหน้าจอที่มีคุณภาพด้านอื่นสูงมากๆ มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และภายใต้เทคโนโลยีใหม่เหล่านั้น ก็ยังต้องสามารถพับได้อีกต่างหากด้วย เพราะนี่คือโลกของจอภาพยุคใหม่ที่ถูกพัฒนาไปเกินหน้าเทคโนโลยีจอปัจจุบันในเกือบทุกด้านไปแล้วนั้นเองครับ
โดยจอภาพหลักด้านในของ OPPO Find N3 Flip นี่ก็เช่นกัน ใช้จอหลักด้านในเป็นจอ AMOLED รีเฟรชเรทสูง 1-120Hz ที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว ให้ความสว่างสูงสุด 1600nits และใช้เทคโนโลยีหรี่แสง PWM ที่มีความถี่ถึง 1440Hz เป็นจอแสดงผล ProXDR เพื่อความสมบูรณ์ในการแสดงผลภาพถ่าย ทั้งยังรองรับระบบภาพ Dolby Vision และ HDR 10+ เพื่อการรับชมภาพยนตร์ได้อย่างเต็มอรรถรสอีกด้วย
จะเห็นว่าเป็นหน้าจอชั้นเยี่ยมแม้จะเทียบกับจอของสมาร์ทโฟนปกติก็ตามครับ ให้ภาพที่สดใส แสงสว่างสูง และที่สำคัญคือแทบไม่เกิดรอยโค้งงอให้เห็นเลยแม้จะเป็นหน้าจอแบบพับได้ก็ตามครับ
OPPO Find N3 Flip ยังคงยอดเยี่ยมในเรื่องของการกำหนดสัดส่วนหน้าจอ ทั้งหน้าจอด้านนอกและหน้าจอด้านใน แม้จะพยายามออกแบบให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเมื่อยามพับเก็บ และต้องดูสวยงามน่ารักเมื่อยามพกพา แต่ว่าในเวลากางออกมา หน้าจอของ OPPO Find N3 Flip ก็ยังคงสัดส่วนจอแบบ 21:9 ไม่ผิดเพี้ยนผิดตาไปจากปกติ จอไม่แคบเกินไป ใช้งานได้ตามความเคยชิน
ในด้านระบบเสียง ก็ติดตั้งลำโพงคู่ Dolby Atmos มาให้ใช้งาน ลำโพงคู่เสียงดังชัดมีพลัง เนื้อเสียงดีแบบน่าตกใจ เห็นเล็กๆ บางๆ แบบนี้แต่พลังเสียงสุดยอดครับ ไม่ต้องต่อลำโพงภายนอกเพื่อใช้งานเลยเวลาอยู่ภายในห้องส่วนตัว
โดยหน้าจอภายในก็จะมีการติดตั้งกล้องหน้ามาให้ด้วยนะครับ เป็นกล้องตัวที่ 4 ซึ่งมีความละเอียดสูงด้วยเช่นกันเป็นกล้อง 32MP รองรับการเซลฟี่และใช้สแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้ด้วยครับ
กล้องถ่ายภาพ Hasselblad ระดับเรือธง
จุดอ่อนที่ผ่านๆ มา ของสมาร์ทจอพับแนวตั้งก็คือเรื่องกล้องถ่ายภาพ ยังไม่เคยมีเจ้าไหนที่จัดเต็มนำกล้องระดับโปรของรุ่นใหญ่ใส่เข้ามาให้ใช้งานกันเลยแม้แต่รุ่นเดียว แต่สำหรับ OPPO Find N3 Flip จัดมาให้แล้วครับ
กล้องหลักของเครื่องเป็นเซนเซอร์ Sony IMX890 ความละเอียด 50MP ทำงานร่วมกับกล้อง Ultra-Wide 14mm ความละเอียด 48MP และกล้องตัวเด็ดก็คือ Telephoto Portrait 47mm ความละเอียด 32MP ที่สามารถซูมออพติคัลได้ 2x เป็นครั้งแรกเลยที่ถูกใส่เข้ามาให้สมาร์ทโฟนจอพับครับ
โดยระบบกล้องของ OPPO Find N3 Flip ได้รับการพัฒนาร่วมมือจากทาง Hasselblad มาเรียบร้อย แต่ที่เหนือกว่าก็คือ กล้องระดับพรีเมี่ยมได้ถูกนำมาอยู่ในเครื่องจอพับได้ ที่มันสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการถ่ายภาพได้หยืดหยุ่นมากกว่าสมาร์ทโฟนแบบปกติอย่างเทียบไม่ได้ เพราะกล้องหลังตัวหลักจะได้ถูกใช้งานเป็นกล้องหน้าไปในตัว
ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงคุณภาพเวลาเรานำติดตัวไปเซลฟี่ตัวเองตอนไปเที่ยว ทั้งมุมถ่าย, ระยะการถ่าย ฟังก์ชั่นการถ่าย และคุณภาพของภาพที่ได้ คนละเรื่องกับกล้องหน้าโดยทั่วไปแบบเทียบกันไม่ได้ครับ และทาง OPPO ยังได้ใส่ความสามารถในการควบคุมกล้องได้เพิ่มเติมจากหน้าจอด้านนอกมากขึ้น เราสามารถเปลี่ยนโหมดการถ่าย และทำการซูมภาพได้ผ่านหน้าจอด้านนอกได้เลยครับ
ทาง OPPO ได้ใส่ฟังก์ชั่นสำคัญเข้ามาในกล้อง OPPO Find N3 Flip ของพวกเขา สำหรับการสั่งงานชัตเตอร์ระยะไกล นั้นคือ “ปาล์มเซลฟี่” แค่โชว์สัญลักษณ์การแบมือ ตัวกล้องก็จะนับถอยหลังถ่ายเราให้ทันที ฉะนั้นเอาเครื่องไปวางตรงไหนก็ได้ โพสท่าให้เห็นแบบเต็มตัว มองตัวเองในจอภาพด้านนอก แล้วทำมือแบบ “ปาล์มเซลฟี่” เราก็ได้ภาพดีๆ โดยที่ไม่ต้องพึ่งใครแล้วครับ
OPPO Find N3 Flip ยังเป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรก ที่รองรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบซูม 2X ฉะนั้นมุมมองของภาพจึงถ่ายได้หลากหลายมากกว่า ภาพบุคคลมีความเป็นอาชีพมากกว่าด้วยองศาภาพแบบเลนส์ Telephoto บวกกับความสามารถในการปรับใบหน้าเนียนใสด้วย AI ของทาง OPPO และการปรับแต่งกล้องจากมือโปรอย่าง Hasselblad
คุณภาพของภาพก็จะยอดเยี่ยมครับ วางเครื่องในรูปแบบ FlexForm เพื่อถ่ายเอง โพสเอง ได้เห็นตัวเอง
รับประกันคุณภาพที่มาพร้อมความสนุก จากการจับคู่ของสมาร์ทโฟนจอพับ + กล้องคุณภาพสูง ภาพดูดีมากๆ และโพสได้ทุกท่า การถ่ายภาพเซลฟี่ตัวเองก็จะได้ภาพเหมือนมีคนตามมาถ่ายให้ ^^ อิสระมากๆ ครับ
>> และนี่คือรูป “เซลฟี่” ในแบบฉบับของ OPPO Fine N3 Flip ครับ ^^ <<
กล้องระดับตัวท็อปของจริง ภาพสวยในทุกเลนส์ ตัวกล้องจะรองรับการถ่ายตั้งแต่มุมกว้าง 0.6X ไปจนถึงซูมดิจิทัล 20X ด้วยกล้องทุกตัวมีความละเอียดที่สูง เซนเซอร์ใหญ่ รูรับแสงกว้าง มีการปรับแต่งใส่ฟิลเตอร์เข้ามาให้ใช้มากมาย รวมถึงฟิลเตอร์ Master ของทาง Hasselblad และโหมด XPAN ก็มีมาให้ใช้งานครับ
ถ่ายออกมาจึงเก็บรายละเอียดภาพได้ดีมากครับ ภาพสดใส มีมิติความลึกสวยงาม ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญที่จะพบได้ในกล้องมือถือตัวระดับเรือธง
เราเล่นกับมุมถ่ายได้เยอะมากขึ้น เพราะตัวระบบได้ออกแบบการทำงานที่อยู่ในโหมด FlexForm ให้ใช้งานถนัดมากขึ้น พับจอแบ่งครึ่งก็จะสามารถควบคุมการทำงานได้จากส่วนครึ่งล่างได้ง่ายกว่าเดิมครับ
อย่าลืมว่าตัวระบบกล้องรุ่นนี้เด่นมากในโหมดพอร์ตเทรต เพราะเป็นจอพับรุ่นแรกที่รองรับการซูมภาพ Telephoto Portrait 2x มาให้ใช้งานกันด้วย ถ่ายภาพบุคคลออกมาก็ได้ผลลัพท์สองระยะ โดยที่ผู้ถ่ายไม่ต้องขยับตัวเดินไปไหนเลยครับ และคุณภาพการถ่ายภาพบุคคลรุ่นนี้ก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
และสำหรับแฟนๆ Hasselblad คงจะรู้จักกับโหมดการถ่ายภาพพิเศษ XPAN โหมดกันอย่างแน่นอนนะครับ ความคลาสสิคจากเลนส์กล้องมุมกว้างพิเศษในอดีต ก็ถูกใส่เข้ามาให้ใช้กันในสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นนี้ด้วย ภายในโหมด XPAN เราก็จะสามารถเลือกรูปแบบสีสันของภาพ เป็นภาพสีหรือขาวดำ ซึ่งเป็นความสามารถของโหมดนี้โดยตรง
ระบบกล้องของ OPPO Find N3 Flip ยังมีการใส่คุณสมบัติ ProXDR เอาไว้ภายใน เป็นการฟิวชั่นความสามารถเสริมเข้าไปในการทำงานของ HDR ด้วยข้อด้อยของระบบ HDR แบบดั้งเดิม ที่มักจะเร่งโทนสีและความสว่างเข้าไปในจุดที่ภาพเกิดการย้อนแสงหรือมีความสว่างที่ไม่เท่ากัน จนภาพออกมาสว่างแต่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
แต่ด้วยระบบการจัดการใหม่ OPPO Computational Photography (OCP) ที่อยู่ภายใน OPPO Find N3 Flip จะทำการจัดเก็บความสว่างดั้งเดิมของภาพเอาไว้ และนำมาปรับแต่งภาพด้วย HDR ที่จะแยกคำนวนกันในแต่ละพิกเซล เพื่อทำการปรับปรุงไฮไลค์และเงาของภาพได้อย่างละเอียด ได้แสงเงาและความสว่างที่ตรงจุด และยังคงความเป็นธรรมชาติของภาพในส่วนอื่นๆ เอาไว้ได้เช่นเดิม
โดยระบบ ProXDR จะทำงานให้เราทันทีอัตโนมัติเมื่อเราเปิดดูภาพจากในแอปแกลเลอรี่ของเครื่อง OPPO Find N3 Flip เราจะเห็นผลลัพท์ที่สามารถกดเปรียบเทียบดูได้ทันที เห็นความต่างชัดเจนครับ ตัวอย่างภาพด้านล่างจะเห็นว่าระบบ ProXDR จะสามารถเก็บความสว่างของหลาดนีออนเอาไว้ได้ โดยที่ส่วนอื่นๆ ยังคงเห็นรายละเอียดได้ดีเช่นเดิมครบ