ยุคทองของคนเก่ง! CEO Palantir ออกมาชี้ให้ความรู้เพื่อเตรียมปรับตัว ‘คนเทคระดับท็อป’ จะแพงหูฉี่ สวนทางบริษัทอาจเล็กลง?
โลกเทคโนโลยีหมุนเร็วเสียจนบางครั้งเราก็ตามไม่ทัน! ล่าสุด Alex Karp ซีอีโอคนเก่งจาก Palantir บริษัทซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีด้านกลาโหมสุดแกร่ง ได้ออกมาจุดประเด็นที่น่าสนใจและน่าคิดตามมากๆ นั่นคือ “มูลค่าของบุคลากรที่มีทักษะสูงในวงการเทคกำลังจะพุ่งกระฉูด” แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่ง (และอาจรวมถึงบริษัทของเขาเองด้วย) มีแนวโน้มที่จะปรับโครงสร้างให้องค์กรเล็กลงและกระชับขึ้นก็ตาม
ฟังดูสวนทางกันใช่ไหมครับ? ปกติแล้วถ้าบริษัทจะเล็กลง ตำแหน่งงานก็น่าจะน้อยลง เงินเดือนก็น่าจะทรงตัวหรือลดลงสิ แต่ Alex Karp กลับมองเห็นอีกด้านหนึ่งที่น่าจับตามากๆ
ทำไม “คนเก่ง” ถึงมีค่ามหาศาลในยุคนี้?
CEO Palantir ให้เหตุผลที่ฟังแล้วมีน้ำหนักสุดๆ ครับว่า ในโลกที่เทคโนโลยีอย่าง AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันในตลาดก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นตามไปด้วย บริษัทต่างๆ ต้องการคนที่ “สุดยอด” จริงๆ เพื่อเข้ามาขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน คนเหล่านี้ไม่ใช่แค่ทำงานได้ แต่ต้องเป็นคนที่สามารถคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างแท้จริง
ลองนึกภาพดูสิครับ ในยุคที่ AI เข้ามาช่วยงานพื้นฐานได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ บริษัทต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานจำนวนมากเท่าเดิมอีกต่อไป แต่คนที่เข้าใจ AI อย่างลึกซึ้ง สามารถออกแบบ พัฒนา และนำ AI ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้จริงต่างหากที่กลายเป็น “ขุมทรัพย์” ที่บริษัทเหล่านั้นยอมจ่ายไม่อั้นเพื่อให้ได้มา เพราะคนเหล่านี้เพียงไม่กี่คนก็สามารถสร้างมูลค่าให้องค์กรได้มหาศาลยิ่งกว่าพนักงานทั่วไปหลายสิบคนรวมกันเสียอีก เหมือนเป็น “ตัวเร่งปฏิกิริยา” ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดนั่นแหละครับ
แล้วคนไทยในวงการเทคจะได้หรือเสียอะไรจากเทรนด์นี้?
ในความเห็นส่วนตัวของผม นี่คือข่าวดีปนท้าทายสำหรับคนไทยในวงการเทคบ้านเราครับ
* **โอกาสทองของคนที่มีทักษะเฉพาะทาง:** ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงานด้าน AI, Machine Learning, Data Science, Cloud Computing, Cybersecurity หรือเชี่ยวชาญการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน บอกเลยว่าตลาดกำลังต้องการตัวคุณมากๆ! นี่คือโอกาสที่จะอัปเกรดฐานเงินเดือนและตำแหน่งงานของคุณให้พุ่งทะยาน ลองหันมาโฟกัสกับการพัฒนาทักษะเชิงลึกที่ตลาดกำลังต้องการดูนะครับ
* **ความท้าทายสำหรับคนทำงานทั่วไป:** สำหรับใครที่ยังไม่มีทักษะเฉพาะทาง อาจจะต้องเร่งพัฒนาตัวเองอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ถูก AI หรือบุคลากรที่มีทักษะสูงกว่าเข้ามาแทนที่ หรืออย่างน้อยก็ต้องหาจุดเด่นและทักษะที่ AI ทำแทนไม่ได้มาเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองครับ
* **บริษัทไทยต้องปรับตัว:** บริษัทในไทยเองก็จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในการแย่งชิงบุคลากรที่มีความสามารถ บริษัทที่อยากได้คนเก่งก็อาจจะต้องปรับโครงสร้างค่าตอบแทน สวัสดิการ หรือวัฒนธรรมองค์กรให้ดึงดูดใจมากขึ้น ไม่ใช่แค่ให้เงินเดือนสูงอย่างเดียว แต่ต้องมีสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนา รวมถึงโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพด้วย
* **’สมองไหล’ ก็อาจจะมาแรงขึ้น:** หากบริษัทไทยไม่สามารถเสนอแพ็คเกจที่น่าดึงดูดเทียบเท่าบริษัทต่างชาติได้ เราอาจเห็นคนเก่งๆ ของเราตัดสินใจไปทำงานกับบริษัทต่างชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) หรือการย้ายถิ่นฐานไปเลย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของประเทศในระยะยาว
อนาคตของตลาดแรงงานเทคจะเป็นอย่างไร?
เทรนด์นี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า โลกกำลังให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ” มากกว่า “ปริมาณ” ในเรื่องของบุคลากรเทคโนโลยี บริษัทต่างๆ จะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงดูดคนเก่งระดับหัวกะทิเข้ามา เพราะคนกลุ่มนี้คือผู้ที่จะสร้างนวัตกรรม เปลี่ยนแปลงธุรกิจ และขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้า
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงานเทคที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจที่กำลังตามหาคนเก่ง การเข้าใจเทรนด์นี้จะช่วยให้คุณวางแผนและปรับตัวได้อย่างเหมาะสมครับ หมั่นเรียนรู้ พัฒนาทักษะที่ตลาดต้องการ และสร้างมูลค่าให้ตัวเองอยู่เสมอ นี่แหละครับคือกุญแจสำคัญที่จะอยู่รอดและเติบโตในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ
—
**ที่มา:** Business Insider