Review : The Last of Us Part II Remastered (PC) รักษาประสบการณ์ไว้เต็มที่! พอร์ตได้ดีไม่มีปัญหา

ถ้าพูดถึงเกมซอมบี้ก็คงมีหลายชื่อที่พุดเข้ามาในความคิดของทุกคนอยู่หลากชื่อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเกมซอมบี้ที่แอคชั่นตูมตาม เกมที่เน้นการร่วมมืกัน หรือแม้แต่เกมซอมบี้ที่เน้นตลกโปกฮา แต่หนึ่งในเกมแนว Zombie Apocalypse ที่มีเนื้อเรื่องกินใจ ตัวละครโดดเด่นระบบเกมลึก และ กดดันผู้เล่นให้อินกับตัวเกมได้มากที่สุดก็คงไม่พ้น The Last Of Us!!

โดยมาใน The Last of Us Part II ภาค Remastered นี้ก็ได้เปิดโอกาศให้กับชาว PC ได้มาเล่นหนึ่งในภาคต่อที่แฟนเกมต่างก็ยกนิ้วให้ ประสบการณ์การเล่นเกมนี้ใน PC จะเป็นยังไง จะมีบัคหรือข้อผิดพลาดเหมือนกับเกมจาก Play ยุคหลังๆหรือไม่? มาดูกันได้ในรีวิวนี้เลย!

องค์ประกอบเกมระดับ AAA ที่แท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกม The Last Of Us II จะเต็มไปด้วยองค์ประกอบของ Action Horror และ ในภาค Remastered ก็ได้เพิ่มเติมของใหม่เข้ามามากมาย ทั้งโหมดใหม่ ของใหม่ เราจะยังคงได้ติดตามเรื่องราวของ เอลลี่ และ ตัวละครแอบบี้ ที่ตอนนี้ได้มีจุดแตกหักกันนำไปสู่หนทางการแก้แค้นยิงยาสวไปหลายชั่วโมงของชีวิตเรา แน่นอนว่าเนื้อเรื่องของ The Last Of us 2 นั้นเป็นที่พูดถึงกันอยู่แล้ว

ซับภาษาไทยเพิ่มความอิน

ตัวเกม The Last of Us Part II ก็ได้มีซับไทยให้เราสามารถติดตามเนื้อเรื่องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ทั้งข้อความในเกม บทพูด หรือแม้แต่เมนูต่างๆก็ถูกแปลออกมาอย่างดี

เราสามารถปรับตั้งค่าได้ตลอดเวลาทั้งเสียงพูด หรือซับเอาตามที่ถนัดได้เลย พวกบทพูดหรืออะไรจะมีการใส่อารมณ์ที่เข้ากับบริบทของตัวละครมากๆ เหมือนกับดูหนังซับไทย ถือว่าต้องชมคนแปลว่าแปลออกมาดีมากๆ

เกมเพลย์ด้วยเมาส์ และ คีย์บอร์ด

ในด้านของเกมการเล่น การใช้เมาส์ และ คีย์บอร์ดก็ดูจะเข้ากับเกมแนวนี้ซะยิ่งกว่าการใช้คอนโทรลเลอร์ซะอีก ไม่มีอาการเมาส์หลอน หรือ Sensitivity รวนแบบเกมก่อนๆ อีกทั้งเรายังสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ด้วยหากไม่พอใจ โดยจะแยกออกเป็นโปรไฟล์ให้เราเลือกใช้ได้เลยในกรณีที่เราแบ่งเกมกับเพื่อนเล่นก็ไม่ต้องแย่ง เซ็ตติ้งกัน

หรือถ้าเราชินแบบจอยมากกว่า The Last of Us Part II Remastered ก็จะเปิดให้ผู้เล่นต่อจอยเข้ามาเล่นได้เลยไม่ว่าจะเป็นจอย Dualsense หรือ Dualshock และ สามารถเซ็ตติ้งได้อิสระเหมือนกัน

การพอร์ตที่ดีที่สุดจาก Play Station 5

เรามักจะได้เห็นข่าว หรือ ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเกมที่พอร์ตออกมาแย่มาเยอะมากๆ โดยเฉพาะช่วงหลังๆมานี้ที่มีเกมน้ำดีมาตกม้าตายเพราะว่าการพอร์ตที่ห่วยแตก แต่กับ The Last of Us Part II Remastered ก็ได้ทำลายคำสาปนั้นแล้ว ไม่ใชแค่นั้นนี้ยังเป็นเกมที่มีข้อเสียด้าน Performance น้อยที่สุดที่เคยเล่นมาของ Play Station 5 เลย

เกมลื่นไหล ไม่มีฉากกระตุกให้เห็น ไม่มีอาการโหลดฉากไม่ทัน ภาพเหลี่ยมหรือเสียงไม่ตรงกับภาพเลย ยิ่งเกมหลุดนี้ไม่ต้องพูดถึง ถือว่าจัดการ Optimize ออกมาได้ดีมาก หรือถ้าเรายังไม่พอใจ The Last of Us Part II Remastered ก็มีฟังก์ชั่นให้เราสามารถเข้าไปตั้งค่าภาพได้เยอะมาก ทั้งความคมชัด รายละเอียดต่างๆ โหมด Window ละเอียดยิบ ทำให้เข้าถึงผู้ใช้ PC ได้กว้างขึ้น

เพราะงั้นชาว PC หายห่วงได้เลย และ ไม่ต้องกลัวว่าตัวเกมจะมีปัญหาการพอร์ตอะไรน่าหงุดหงิดใจให้เราได้เห็นแน่นอน ตอนนี้ชาว PC ก็สามารถผ่อนคลายจากมหันตภัยการพอร์ตทำลายเกมได้แล้ว ส่วนปัญหาที่มีอยู่เท่าที่ตอนนี้ผมได้เห็นปัญหาที่เกิดเหมือนจะเป็นแค่ Glitch เล็กๆเท่านั้น คือฉากที่ให้เราเปิดตู้เซฟในขณะที่เราเลื่อนรหัสอยู่ มันก็จะมีอาการเมาส์หลอนอยู่บ้าง ทำให้เลขเหวี่ยงไปมา หรือ ไม่ยอมหยุดเลื่อน แต่โดยรวมแล้ว นี้คือเกมที่พอร์ตได้ปัญหาน้อยที่สุดแล้ว

โหมดเกมใหม่ “ No Return “

โหมดเกมใหม่ No Return คือโหมดที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภาค Remastered โดยจะเป็นโหมดที่มีการเน้นเกมการเล่นแบบ Rougelike เราจะได้เลือกตัวละคร และ ระดับความยาก ผ่านด่านไปเรื่อยๆ เพื่อไปสู้กับบอสในตอนสุดท้าย เราจะต้องบริหารทรัพยากร และ ยาของเราในขณะที่ต้องพยายามผ่านด่านไปด้วย

เราจะมีเซฟเฮาส์ ที่เราจะได้กลับเข้าไปทุกครั้งที่ผ่านด่าน เราจะสามารถอัพเกรดอาวุธ และ เลือกด่านถัดไปได้ในนี้ โดยด่านก็จะเชื่อมโยงกันแบบรากเหมือนพวกเกม Rougelike หลายๆเกม ในแต่ละด่านนั้นจะมีเป้าหมายหลักให้เรา เช่นเอาชีวิตรอด หรือจัดการศัตรูให้หมด และ ด่านที่จะเปลี่ยนไปด้วย

เมื่อจบด่านเราก็จะได้รับของรางวัลเป็นทั้งทรัพยากร หรือ เงิน เพื่อเอาไปอัปเกรดอาวุธ หรือซื้อาวุธใหม่ๆได้ ตัวละครใหม่ๆจะถูกปลดล็อคไปตามข้อแม้ของตัวเองเช่น จบเนื้อเรื่องหลัก ใช้ตัวละครตัวนี้ครั้งนึง โดยผมแนะนำให้เล่นเกมหลักจบก่อนเพราะไม่งั้นเราจะถูกสปอยตัวละคร ศัตรู หรือแม้แต่ความสามารถที่เรายังไม่เคยเจอ

สรุป

The Last of Us Part II Remastered เวอร์ชั่น PC ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่าทาง Playstation ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากเกมก่อนๆของตัวเอง และ นำมาปรับใช้ได้อย่างลงตัวทำให้ผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์แบบเต็มที่ ใครที่เป็นแฟนเกมต้นฉบับก็สามารถมารับประสบการณ์ใหม่ๆได้ หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นภาคก่อนมาก่อนก็ยังคงสามารถรับประสบการณ์ได้แบบเต็มร้อยไม่มีความรู้สึกว่า “ รู้งี้เล่นใน Play ดีกว่า “ แน่นอน