realme 15 และ realme 15 Pro แรงด้วยชิปรุ่นใหญ่ แบต 7000mAh และกล้อง 50MP ทุกเลนส์
realme 15 Pro 5G และ realme 15 5G ต้องบอกว่าเป็นซีรีส์ที่ realme วางตำแหน่งได้ชัดเจนมาก รุ่น Pro ถูกยกให้เป็นพระเอกสำหรับคนที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งเรื่องความแรงจาก Snapdragon 7 Gen 4, กล้องครบทุกเลนส์ 50MP พร้อมวิดีโอ 4K 60fps, หน้าจอโค้ง AMOLED ที่สว่างทะลุ 6500 nits และยังเสริมความทนกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP69 จึงตอบโจทย์ทั้งสายเกม สายคอนเทนต์ และคนที่ต้องการมือถือระดับพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเรือธง
ส่วนรุ่นมาตรฐานอย่าง realme 15 5G ก็ถือว่าคุ้มค่าไม่แพ้กัน ด้วยชิป Dimensity 7300+ ที่แรงพอสำหรับการเล่นเกมยอดนิยม, กล้องหลัก Sony IMX882 50MP พร้อม OIS + กล้อง Ultra-wide + กล้องหน้า 50MP ที่รองรับวิดีโอ 4K ทั้งหน้า–หลัง ซึ่งหาได้ยากในเรตราคาเดียวกัน จุดเด่นคือหน้าจอ AMOLED 144Hz แบบเรียบ Flat Display เหมาะกับคนที่ไม่ชอบจอโค้ง และยังได้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 80W เช่นเดียวกับรุ่น Pro
ทั้งสองรุ่นยังได้ฟีเจอร์ที่เหมือนกัน เช่นระบบระบายความร้อน Airflow VC Cooling 7000mm², และลูกเล่นกล้องอัจฉริยะอย่าง AI Party Mode, AI MagicGlow 2.0, และการปรับแต่งภาพที่ล้ำยุคสุดๆ อย่าง AI Edit Genie ที่ทำให้การใช้งานในชีวิตจริงลื่นไหลและสนุกกว่ามือถือทั่วไป
สรุปง่าย ๆ ถ้าอยากได้มือถือที่ครบที่สุดในทุกด้านและใช้งานได้ยาวหลายปีแบบไม่ต้องกังวล ให้เลือก realme 15 Pro 5G แต่ถ้าเน้นความคุ้มค่า กล้องสวย แบตอึด ใช้งานได้เต็มวันในราคาที่เบากว่า realme 15 5G ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ไม่แพ้กัน
The Good
- ชิป Snapdragon 7 Gen 4 (4nm) และ Dimensity 7300+ แรงและนิ่ง ทรงพลังที่สุดในกลุ่มราคา งานหนัก/เล่นเกมลื่น
- กล้อง All 50MP ครบทุกเลนส์ (หลัก IMX896 + Ultra-wide 50MP + หน้า 50MP) วิดีโอได้สูงสุด 4K60 ทั้งหน้า–หลัง
- AI Edit Genie (สั่งเสียงแต่งภาพ) เป็นระบบ AI แก้ไขภาพที่ฉลาดและใหม่ที่สุด
- AI Party Mode, AI MagicGlow 2.0 ช่วยถ่ายภาพกลางคืนและภาพบุคคลได้สวยงาม และเพิ่มความสนุกสนานให้กับภาพ
- หน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรทสูง ความสว่าง จอภาพดูพรีเมียมมาก
- แบตเตอรี่ 7000mAh อึดอย่างมาก ใช้งานหนึ่งวันแบตหมดยากมาก แถมตัวเครื่องยังบางเบา
- ชาร์จเร็ว 80W มี Bypass ชาร์จไปเล่นไป เครื่องไม่ร้อนง่าย
- ระบบระบายความร้อน Airflow VC 7000mm² ช่วยคุมอุณหภูมิ เล่นยาวเฟรมเสถียร
- RAM 12GB ขยายได้ด้วย RAM เสมือน +14GB (รวมสูงสุด 26GB) + ROM 256GB เพียงพอใช้งานจริง
- มาตรฐานกันน้ำฝุ่น IP69 กันน้ำแรงดันสูงได้จากทุกทิศทาง
- ไฟ Pulse Light หลังเครื่อง เพิ่มลูกเล่นการแจ้งเตือน
The Bad
- ไม่รองรับ microSD
- ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
realme ได้ปล่อยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกมาสองรุ่นพร้อมกัน คือ realme 15 5G กับ realme 15 Pro 5G ที่นำโดยจุดเด่นคือแบตเตอรี่ระดับ 7000mAh แบตขนาดท็อปคลาสของวงการ บนการออกแบบที่เบาบางจนแทบไม่น่าเชื่อกับตัวเลขขนาดแบต และให้สเปคเครื่องด้านอื่นๆ ที่คุ้มค่า โดยเฉพาะด้านการถ่ายภาพ
จุดเด่นคือ กล้อง AI คู่ 50MP ทั้งหน้าและหลัง ที่ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ ถ่ายรูปหมู่ หรือถ่ายในที่มืดก็ยังคมชัดและทรงพลังดี แล้วยังมี โหมด AI Party ที่ช่วยให้ถ่ายรูปคนในงานปาร์ตี้ตอนแสงน้อยๆ ออกมาคมชัด สว่าง สร้างอารมณ์สนุกๆ ได้เต็มที่ แถมด้วย AI Edit Genie ฟีเจอร์แรกในวงการที่ให้เราสั่งด้วยเสียงเพื่อแต่งรูปได้เลย ไม่ต้องมานั่งงมเครื่องมือเองให้ยุ่งยาก
ซึ่งเราจะนำมาให้ได้ดูกันทั้งหมดในบทความนี้ พร้อมกับตัวอย่างภาพถ่ายจากฟังก์ชันใหม่ๆ ที่จะทำให้ใช้งานกันได้สนุกจากในรุ่นนี้ด้วยครับ ^^
ในบทความนี้
ประสิทธิภาพที่ไว้ใจได้: realme 15 Pro 5G และ realme 15 5G
ทั้ง realme 15 Pro 5G และ realme 15 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด realme UI 6.0 ที่ทำงานบนพื้นฐาน Android 16 รุ่นล่าสุด จุดเด่นคือการจัดการพลังงานและการตอบสนองที่ฉลาดขึ้น รวมถึงมีฟังก์ชันเสริมด้าน AI ที่ช่วยให้เครื่องทำงานลื่นไหล
หลังจากได้ลองใช้งานจริง สิ่งแรกที่สัมผัสได้จาก realme 15 Pro 5G คือความลื่นที่ไม่ต่างจากมือถือเรือธงในหลาย ๆ จุด ชิป Qualcomm Snapdragon 7 Gen 4 ที่ใช้สถาปัตยกรรม 4nm ทำคะแนน AnTuTu ได้ทะลุ 1.1 ล้านคะแนน นับเป็นตัวท็อปสุดของ Snapdragon 7 Series แรงกว่านี้ก็ชิปเรือธงซีรี่ส์ 8 ซึ่งมีราคาแพงกว่ามากครับ
ด้านหน่วยความจำ realme 15 Pro 5G ให้มาเต็มกับ RAM 12GB และยังขยายได้ด้วย RAM เสมือนอีก 14GB รวมสูงสุดถึง 26GB เวลาใช้งานจริงไม่ว่าจะสลับไปมาระหว่างหลายแอปหรือเปิดเกมพร้อมแชทไปด้วยก็ทำได้ลื่น ๆ ไม่มีสะดุด พร้อมด้วย ROM 256GB ที่เก็บไฟล์ได้สบายทั้งภาพ วิดีโอ และแอปขนาดใหญ่
การใช้งานจริงเวลาเปิดหลายแอปพร้อมกัน จะมีระบบ AI Multi-Tasker ซึ่งทำให้การสลับแอปเร็วขึ้นแบบสัมผัสได้ ระบบจะเรียนรู้ว่าเราใช้แอปไหนบ่อย และคอยเปิดค้างไว้เบื้องหลังให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เวลาสลับกลับมาก็ไม่ต้องรอโหลดใหม่ หรือเวลาเล่นเกมตัวเครื่อง จะตอบสนองได้ไวมากแล้วครับ สามารถนำมาเล่นเกมได้อย่างจริงจังสำหรับรุ่น realme 15 Pro 5G ค่อนข้างแรงพอตัวเลย
นอกจากนี้ ทั้ง realme 15 Series ยังมาพร้อมโหมด GT Boost ที่ออกแบบมาเพื่อรีดประสิทธิภาพของเครื่องออกมาให้เต็มที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานทั่วไปที่ต้องการความเร็วในการตอบสนอง หรือการเล่นเกมที่ต้องการเฟรมเรตนิ่ง ๆ โหมดนี้จะเข้ามาช่วยจัดการพลังงานแบบเฟรมต่อเฟรม ทำให้เล่นเกมยาว ๆ ได้ลื่นขึ้น ภาพคมชัดขึ้น และลดโอกาสที่เฟรมจะตกในจังหวะสำคัญ เรียกได้ว่าเป็นโหมดที่เหมาะทั้งสายเกมและคนที่ชอบใช้งานเครื่องแบบหนัก ๆ เพราะช่วยให้มือถือทำงานได้เต็มกำลังโดยไม่รู้สึกว่ามีข้อจำกัดมากวนใจเลย
โหมด GT อาจจะทำให้เครื่องทำงานหนักกว่าปกติด้วยการปลดล็อกศักยภาพทั้งในด้านการประมวลผล CPU, GPU เล่นภายนอกอาคารอากาศร้อน อาจจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นให้รู้สึกอยู่บ้าง แต่ยังไม่พบปัญหาอะไรในการใช้งาน เพราะภายในมีการติดตั้งระบบระบายความร้อน Airflow VC Cooling ที่มาพร้อมพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 7000mm² ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในกลุ่มราคาเดียวกัน
ช่วยกระจายความร้อนได้ดีและลดอุณหภูมิ CPU ลงได้สูงสุด 20°C เวลาลองเล่นเกมยาว ๆ ก็รู้สึกถึงเฟรมเรตที่คงที่ ทดสอบกับ Free Fire เปิดกราฟิกสูงสุด เล่นในโหมด 120Fps เล่นได้นิ่งตลอดเกมโดยเฟรมเรตไม่ต่ำกว่า 115 เลยตลอดทั้งเกม
สรุปจากการลองจริง ถ้าคุณอยากได้ความแรงแบบเต็มที่ ใช้งานระยะยาว เล่นเกมหนัก ๆ หรือทำงานจริงจังโดยไม่ต้องกังวล แนะนำไปที่ realme 15 Pro 5G ส่วนถ้าอยากได้มือถือครบเครื่อง ใช้งานลื่นไหล กล้องสวย แบตอึด ในงบที่เข้าถึงง่ายกว่า realme 15 5G ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ผิดหวังแน่นอน
กล้องถ่ายภาพที่ไว้ใจได้ : ALL 50MP ชัดทั้งวัน ทั้งคืน
เรื่องกล้องต้องยกให้ realme 15 Pro 5G เป็นตัวเด่น เพราะจัดเต็มกับ กล้อง 50MP ทุกเลนส์ ไม่ว่าจะเป็น
- กล้องหลัก Sony IMX896 ที่มาพร้อมระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultra-wide 50MP สำหรับเก็บภาพมุมกว้าง
- กล้องหน้า 50MP ที่คมชัดสุด ๆ
- รองรับสูงสุด 4K 60fps ทั้งหน้า–หลัง
พร้อมกับระบบแฟลชคู่สองโทนแสง ที่ทาง realme ใส่เข้ามาช่วยเพิ่มความสว่างและปรับแก้โทนแสงไฟ ให้เข้ากับบรรยากาศภาพที่เราต้องการ
รองรับการซูมภาพตั้งแต่มุมกว้าง 0.6x ไปจนถึงซูมดิจิทัลที่ 20x มีฟิลเตอร์ มีสไตล์และเอฟเฟ็กต์ภาพในเลือกใช้เยอะมากครับ
ประสบการณ์ที่ได้ลองคือ ถ่ายกลางวันสีสันสดและคมชัด ส่วนกลางคืนที่มักเป็นจุดอ่อนไหวของมือถือระดับกลาง รุ่นนี้เอาอยู่ด้วยเซ็นเซอร์ใหญ่และอัลกอริทึม AI ที่ลดนอยซ์ได้ดี ภาพออกมาสว่างขึ้นแต่ยังเก็บรายละเอียดครบ ด้วยเพราะทุกเลนส์เป็นเซนเซอร์ความละเอียดสูง 50MP รวมถึงกล้อง Ultra Wide ก็ใช้ 50MP ด้วยเช่นกัน ความละเอียดไม่ธรรมดาเลย ไม่ว่าจะถ่ายกลางวันหรือวิวกลางคืนก็มั่นใจได้ว่าภาพใช้จริงได้ทันที
realme 15 Pro 5G ให้กล้องหน้าในความละเอียด 50MP มาด้วยเช่นกัน เพราะนี่คือสมาร์ตโฟนตลาดกลางที่เซนเซอร์มีขนาดใหญ่ครบทุกเลนส์ โดยกล้องหน้าจะรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างและ 2x ได้ด้วย
ภาพสวย คม ปรับแต่งใบหน้าได้เนียน ละลายฉากหลังได้ดูดีครับ
สำหรับ realme 15 5G ก็ไม่น้อยหน้า เพราะให้กล้องหลัก Sony IMX882 ความละเอียด 50MP พร้อม OIS, กล้อง Ultra-wide 8MP มุมกว้าง 112° จุดเด่นก็คือกล้องหน้า แม้จะเป็นรุ่นน้องแต่ก็ได้กล้องหน้า 50MP มาด้วยเช่นกัน สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ซึ่งหาได้ยากในกลุ่มราคานี้
ไม่ธรรมดานะครับสำหรับกล้อง realme 15 5G รุ่นน้องแต่คุณภาพไม่น้อง ภาพสวย คม ฟิลเตอร์คือจุดขาย ปรับแสงเก็บรายละเอียดภาพได้ดีมาก ถ่ายง่ายครับ
สำหรับภาพถ่ายบุคคลทั้งสองรุ่นถ่ายพอร์ตเทรตได้ 2 ระยะ (26mm และ 52mm) สิ่งที่ผมชอบมากคือการใส่ฟิลเตอร์เยอะมากอีกเช่นเคย และแต่ละฟิลเตอร์ก็บอกได้เลยว่ามีความอาร์ตสูง ให้อารมณ์ของภาพได้มากมายจากกล้องตัวเดียว
ให้เสน่ห์และแนวภาพที่แตกต่างกัน ถ่ายสนุก ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยได้ 108 อารมณ์ และทำผลลัพท์ได้ดีทั้งในที่แสงกลางแจ้ง ในที่แสงน้อย และในตอนกลางคืนด้วยครับ
หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดของกล้อง realme 15 Series โหมดกล้องที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับใช้ในแค่ละสถานการณ์ เช่นโหมดถ่ายเวทีสำหรับถ่ายงานคอน, โหมดซิลลูเอทสำหรับถ่ายย้อนแสงเล่นกับเงา และโหมดถ่ายดอกไม้ไฟโดยเฉพาะ ล่าสุดใน realme 15 Series มีการใส่ AI Party Mode เข้ามาอีกหนึ่ง เป็นโหมดสำหรับสายปาร์ตี้ งานรื่นเริง ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย ในที่ร่ม โดยเฉพาะ
โดยจะเร่งสีสัน ปรับสถาพแสง ให้เหมาะกับบรรยากาศแบบปาร์ตี้มากขึ้นได้นั้นเอง สามารถเรียกใด้ในทุกสถานการณ์ที่เราต้องการสีสันแนวปาร์ตี้ที่จัดจ้านกว่าธรรมดา
และเอฟเฟ็กต์แสงที่เข้าช่วยสร้างบรรยากาศในภาพให้มี “ความเป็นปาร์ตี้” มากขึ้น ปรับแสงโบเก้ให้กลายเป็นแฉก หรือกลายเป็นรูปหัวใจ เพิ่มความสดใสในเวลาแชร์ลงโซเชียล ภาพมันจะดูมีชีวิตชีวาครับ ฟีเจอร์นี้จึงกลายเป็นจุดขายที่ทำให้ทั้ง realme 15 5G และ realme 15 Pro 5G ใช้งานจริงได้สนุกกว่าในการถ่ายภาพสำหรับงานปาร์ตี้
จากที่ลองใช้งานจริง โหมดนี้ช่วยให้ภาพคนในภาพภายใต้แสงที่ดูสดใส เนื้อสีเข้มขึ้นแบบชัดเจน และช่วยให้หน้าคนไม่มืดหรือหลุดโฟกัสง่ายเหมือนโหมดทั่วไป เพราะ AI จะเข้ามาช่วยปรับโทนสีผิวให้เป็นธรรมชาติครับ เพิ่มความสว่างในจุดที่ควรสว่าง และลดแสงรบกวนจากพื้นหลัง ทำให้ภาพยังคงรายละเอียดครบเหมือนภาพที่ผ่านการจัดไฟมาแล้ว
ที่พิเศษคือ AI Party Mode ไม่ได้แค่ปรับภาพให้สว่าง แต่เรายังเพิ่มเอฟเฟกต์ลายน้ำที่ปรับได้มากมายอักในภายหลัง เพิ่มความสนุกและเติมอารมณ์ภาพเข้าไปได้อีก ซึ่งจะบอกว่า realme 15 Series จากตัวอย่างภาพถ่ายที่นำมาให้ดู เป็นรุ่นที่มีลายน้ำมาให้ใช้เยอะมากๆ อีกข้อหนึ่งด้วยครับ ^^
AI Edit Genie ฟังก์ชันปรับแต่งรูปที่ฉลาดที่สุด “เพียงแค่พูด” ครั้งแรกในวงการ
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทำให้ realme 15 Series ดูโดดเด่นกว่าใครคือฟีเจอร์ AI Edit Genie ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในวงการสมาร์ตโฟนที่การแต่งรูปไม่ต้องใช้นิ้วจิ้ม ไม่ต้องเลื่อนแถบปรับแสงหรือเลือกฟิลเตอร์ให้ยุ่งยาก แต่ทำได้ง่าย ๆ แค่ “พูด” คำสั่งออกมา
ที่ผมชอบคือ มันรับคำสั่งหลายอย่างได้ต่อเนื่องร่วมกันได้ เช่น “ลบคนด้านหลังออก แล้วเปลี่ยนท้องฟ้าเป็นอวกาศ” AI ก็จะประมวลผลให้ครบตามคำสั่ง ถือเป็นการปฏิวัติการแต่งภาพในยุคที่ทุกวินาทีคือคอนเทนต์จริงๆ ^^ จากการลองใช้งานจริง AI Edit Genie สามารถเข้าใจคำสั่งเสียงที่ซับซ้อนได้หลากหลาย เช่น การเปลี่ยนเสื้อผ้า เพิ่มวัตถุใหม่ๆ เข้าไปในภาพ หรือแม้แต่สั่งให้ปรับโทนภาพทั้งภาพ หรือแม้แต่เปลี่ยนฉากหลัง ทั้งหมด—all done ในไม่กี่วินาที
เหมาะกับทั้งคนที่อยากได้รูปพร้อมแชร์ลงโซเชียลทันที หรือคนที่อยากได้การปรับแต่งเป็นอย่างที่ใจต้องการ แต่ไม่มีเวลาหรือไม่มีทักษะใช้งานแอปแต่งรูปซับซ้อน ความน่าสนใจคือระบบรองรับคำสั่งได้มากกว่า 20 ภาษา รวมถึงภาษาไทยด้วย ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาที่ใช้สื่อสารกับ AI อยากได้อะไร หรือไม่เอาอะไร แค่บอก ง่ายมาก และใช้ฟรี!!
นอกจากนั้น realme 15 Series ยังมีระบบ AI ในการจัดการภาพและตกแต่งภาพหลังการถ่ายที่ฉลาดอย่างมาก! อีกหลายตัว ซึ่งที่น่าสนใจก็จะมี
AI MagicGlow 2.0
นี่คือความสามารถที่ทำให้ realme 15 Series ไม่กลัวการถ่ายพอร์ตเทรตในเวลากลางคืน AI MagicGlow 2.0 คือโหมดที่จะใช้ไฟช่วยเสริมสองโทนสีด้านหลัง นั้นคือแฟลชคู่ของเครื่องที่สามารถสร้างอุณหภูมิแสงได้ทั้งร้อนและเย็นพร้อมกัน
ผลที่ได้คือภาพบุคคลดูนุ่มนวล คงรายละเอียดครบ เป็นโหมดที่เหมาะทั้งถ่ายกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะงานปาร์ตี้หรือคาเฟ่ และบริเวณที่มีไฟสลัว ๆ
AI Snap Mode
ฟีเจอร์ AI Snap Mode เอาใจคนที่ชอบถ่ายวัตถุเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วิ่งเล่น สัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่วัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วอย่างการแข่งกีฬา ระบบ AI จะช่วยให้กดชัตเตอร์แล้วได้ภาพที่คมชัดขึ้น ลดอาการเบลอหรือหลุดโฟกัสไปเยอะ แชะเดียววัตถุจะเหมือนหยุดเคลื่อนไหวเลยครับ โหมดนี้แนะนำควรใช้ในที่มีแสงสว่างมากเพียงพอเพื่อความคมชัด เพราะต้องการชัตเตอร์สปีดที่สูงเพื่อให้ภาพมีความคมชัดที่สุด
AI Landscape
ฟีเจอร์ AI Landscape ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับภาพวิวและทิวทัศน์ให้ดูสวยสมจริงขึ้น แม้ในสภาพแสงที่ไม่เป็นใจ เช่น ฟ้าไม่ใสหรือมีหมอก AI จะเข้ามาช่วยปรับโทนสี ลดความมัว และเพิ่มรายละเอียดให้ภาพดูสดใสกว่าเดิม และช่วยจัดคอมโพสของภาพในกรณีที่เราถ่ายภาพมาเอียงให้ด้วย ลองถ่ายวิวเมืองยามเย็นจะเห็นได้ชัดว่าภาพออกมาคมชัดและมีมิติขึ้นกว่าการถ่ายแบบปกติ
“AI Glare Remover” และ “ลบแสงสะท้อน”
หนึ่งในปัญหาที่หลายคนเจอเวลาถ่ายกลางคืนคือติดแสงแฟลร์หรือแสงสะท้อนจากไฟถนน AI Glare Remover แก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด เพราะช่วยลบแสงรบกวนที่เกินความจำเป็นออกจากภาพ ทำให้ภาพกลางคืนออกมาคมชัด รายละเอียดไม่หาย และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นเหมาะกับการถ่ายบรรยากาศเมืองหรือคอนเสิร์ตที่มีแสงไฟหลากสี
“ลบแสงสะท้อน” ภาพถ่ายภาพกับกระจกใส ในบรรยากาศแบบเหงาๆ มักจะมีแสงสะท้อนเกะกะสายตาในภาพมากเกินไป ก็เอามาลบให้น้อยลงได้หลังการถ่ายครับ
สรุปคือทั้งสองรุ่นให้คุณภาพกล้องที่ไว้ใจได้จริง ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะถ่ายเล่น แชร์ลงโซเชียล หรือเก็บโมเมนต์สำคัญในงานปาร์ตี้ จุดต่างคือ รุ่น Pro ได้ครบทุกเลนส์และระบบกันสั่นที่เหนือกว่า ส่วน รุ่นปกติ ก็ยังคงความคมและลูกเล่น AI ไว้ครบ ถือว่าคุ้มค่าเมื่อมองจากราคาที่ตั้งมา
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การโอนถ่ายไฟล์ข้ามอุปกรณ์ที่สะดวก เราสามารถส่ง ภาพและวิดีโอจาก realme 15 Series ไปยัง iPhone ได้โดยตรง แชร์ไฟล์ระหว่างกันได้รวดเร็ว แค่ปลายทางเครื่อง iPhone ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ ติดตั้งแอป O+ Connect เพียงครั้งแรกครั้งเดียว จะทำให้คนที่ใช้งานหลายอุปกรณ์หรือมีเพื่อนที่ใช้ทั้ง Android และ iPhone สามารถรับและส่งไฟล์กันได้สะดวกมากกว่าเดิมเยอะเลยครับ
ดีไซน์และความทนทาน
พอได้จับเครื่องจริงทั้ง realme 15 5G และ realme 15 Pro 5G ความรู้สึกแรกคือ “บางกว่าที่คาด” สำหรับสมาร์ตโฟนที่อัดแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ขนาด 7000mAh มาให้ แต่ยังคงความเบาและจับถือถนัดมือ
รุ่นมาตรฐานอย่าง realme 15 5G มีความบางเพียง 7.66 มม. และน้ำหนักแค่ 185 กรัม ส่วน realme 15 Pro 5G หนากว่าเล็กน้อย โดยสี Flowing Silver อยู่ที่ 7.79 มม. และ Velvet Green อยู่ที่ 7.84 มม. น้ำหนักเพียง 187 กรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับความจุแบตที่ให้มา ถือว่าบางเบาเกินคาด
ในด้านดีไซน์ ทั้งสองรุ่นได้รับแรงบันดาลใจจากแฟชั่นโอตกูตูร์และงานปาร์ตี้สุดหรู ฝาหลังออกแบบให้มีเท็กซ์เจอร์คล้ายวัสดุธรรมชาติ ดูหรูหราและพรีเมียม สีสันของ realme 15 Pro 5G มีให้เลือก Flowing Silver และ Velvet Green
ส่วน realme 15 5G มากับ Silk Pink และ Suit Titanium ซึ่งต่างก็สะท้อนความรู้สึกทันสมัยและโดดเด่นเมื่อนำออกมาใช้งาน
งานประกอบเนี้ยบมาก แน่นหนา ทั้งสองรุ่นผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นสูงสุด IP69 สามารถป้องกันฝุ่นได้ 100% และทนน้ำลึกได้ 2 เมตรนาน 30 นาที ซึ่งถือว่าหายากในสมาร์ตโฟนระดับนี้ เสริมด้วยโครงเครื่องแข็งแรง ปุ่มกดให้สัมผัสมั่นใจ และยังมี IR Blaster ใช้แทนรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วย แต่จะไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
ลูกเล่นที่ไม่เหมือนใครคือไฟแจ้งเตือนด้านหลัง โดย realme 15 Pro 5G ใช้ชื่อว่า Pulse Light ขณะที่ realme 15 5G เรียกว่า Breathing Light สามารถปรับแต่งสีได้หลากหลาย ใช้เป็นไฟแจ้งเตือนสายเรียกเข้า ข้อความ หรือแม้แต่แสดงตามจังหวะเพลง รวมถึงช่วยนับถอยหลังตอนถ่ายภาพหรือแจ้งสถานะระหว่างชาร์จไฟ ทำให้ตัวเครื่องดูมีชีวิตชีวามากกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป
ปรับตั้งค่าการทำงานของ Pulse Light ได้ในการตั้งค่า มีสองรูปแบบการทำงาน และมีหลายสีให้เลือก จากที่ทดสอบเปิดใช้งานได้เต็มที่ตามต้องการ ไม่กินพลังงานจนรู้สึกสิ้นเปลืองอะไร เพราะเป็นไฟ LED กินพลังงานน้อย และแบตตอรี่ของ realme 15 Series ก็มีขนาดมหาศาลอยู่แล้ว เปิดไว้ได้ตลอดครับถ้าต้องการ
ในกล่องก็ยังแถมที่ชาร์จเร็ว 80W, สายดาต้า และเคสซิลิโคนมาให้
รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ 5G DSDS แต่ไม่รองรับการใส่ microSD Card เพิ่มเติมนะครับ
หน้าจอแสดงผล
เมื่อพูดถึงจอแสดงผล realme 15 Pro 5G ถือว่าเป็นจุดที่สร้างความรู้สึก “พรีเมียม” ได้ทันทีที่เปิดเครื่อง ด้วยจอ AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1280×2800 พิกเซล กระจกจอแกร่ง Corning Gorilla Glass ทนรอยขีดข่วนและการสึกหรอได้ดี
รองรับการแสดงผลสีระดับ 10-bit และให้ความสว่างสูงสุดถึง 6500 nits สว่างและสดใสสายตามาก ซึ่งเวลานำออกไปใช้งานกลางแดดจ้าก็ยังมองเห็นได้ชัด สีสันสดคม นอกจากนี้ยังมีรีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz เหมาะกับการเล่นเกมอย่างมาก ลื่นไหล สมูธสายตา จุดที่น่าสนใจคือดีไซน์โค้งแบบ 4D Curve+ Display ที่ช่วยให้ภาพเต็มตาและตัวเครื่องจับกระชับมือมากขึ้น
ส่วน realme 15 5G จอภาพแบบแบนราบ Flat Display ไม่ได้มีมุมโค้งเหมือนรุ่น Pro ให้จอแบบพรีเมี่ยมเช่นกัน เป็นจอ AMOLED ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด 1080×2392 พิกเซล รองรับการแสดงผลสี 10-bit เช่นเดียวกัน ความสว่างสูงสุด 4500 nits และยังมาพร้อมรีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz และขอบจอเล็กมาก สีสันไม่ธรรมดาเลยสำหรับจอรุ่นเล็กที่สเปคไม่เล็กตัวนี้
รับชมความบันเทิงภาพแจ่มๆ ลำโพงคู่สเตอริโอเสียงดังชัด มีโหมดเสียงดังพิเศษ ละรุ่น realme 15 5G สามารถเร่งเสียงให้ดังได้กว่าปกติ 300% ไม่ต้องต่อลำโพงเพื่อในการใช้งานส่วนตัวครับ
Titan Battery 7000mAh และเทคโนโลยีชาร์จ 80W
อีกหนึ่งจุดแข็งของ realme 15 Series คือเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้มาใหญ่มหาศาล! ทั้ง realme 15 Pro และ realme 15 มาพร้อม แบตเตอรี่ขนาด Titan 7000mAh
ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในกลุ่มบอดี้บาง และไม่ใช่แค่เรื่องของขนาด แต่น้ำหนักยังคงจับถือได้สบาย ไม่เทอะทะเหมือนมือถือแบตใหญ่ที่เคยมีในอดีต จากการลองใช้งานจริงแบตเตอรี่ 7000mAh นี้อึดมากๆ เล่นเกมต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง จากที่ทดสอบเปิดใช้เล่นเกม, ดู YouTube ติดต่อกันไปเกิน 20 ชั่วโมง ก็ยังเอาอยู่ เรียกได้ว่าใน 1 วัน ให้ใช้เต็มที่ยังไง แบตเตอรี่ก็หมดได้ยากมากๆ
โดยภายในระบบมีโหมดการทำงานให้เลือกระดับไว้ถึง 3 ระดับ ยิ่งช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวได้มากขึ้นไปอีก (รวมกับโหมด GT จะมีทั้งหมด 4 ระดับ) แต่จะใช้โหมดไหนก็สามารถอยู่ได้เกิน 1 วันเป็นอย่างน้อยทุกโหมดครับ ฉะนั้นอยากใช้โหมดไหนก็ใช้เลย
realme 15 Series จึงเหมาะกับคนที่ใช้งานหนักทั้งวันโดยไม่อยากพกที่ชาร์จติดตัวบ่อย ๆ ไม่ต้องพกแบตเสริม ที่สำคัญยังมี เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W Ultra Charge ซึ่งเติมไฟได้อย่างเร็ว! จากการทดสอบชาร์จ สามารถชาร์จไฟจาก 0–50% ได้ในเวลาประมาณ 25 นาทีเท่านั้นเอง และชาร์จเต็ม 100% ในราว ๆ 60 นาที
แบตอย่างอึด ชาร์จอย่างไว จะเอาอะไรอีกกับเครื่องบางๆ แค่นี้
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือมีการใส่เทคโนโลยี Bypass Charging ที่ช่วยจ่ายไฟตรงเข้าบอร์ดเวลาชาร์จระหว่างเล่นเกม อันนี้ช่วยลดความร้อนของเครื่อง ช่วยเพิ่มเฟรมเรตให้เสถียร แถมยังยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ เป็นลูกเล่นที่มีประโยชน์จริง โดยเฉพาะกับคนที่เล่นเกมนาน ๆ หรือชอบใช้งานมือถือระหว่างชาร์จ
แบตใหญ่ + ชาร์จเร็วแบบนี้คือ “สูตรสำเร็จ” ที่ทำให้ realme 15 Series น่าสนใจมากๆ ในด้านการจัดการพลังงาน ต่อให้เป็นคนที่ใช้มือถือหนักมาก ในงานที่สำคัญๆ ก็ยังมั่นใจว่าแบตเครื่องจะไม่หมดอย่างแน่นอนในระหว่างวัน
ราคาและโปรโมชั่น
– realme 15 Pro 5G (12+512GB) ราคา 16,999 บาท *Exclusive เฉพาะที่ Shopee เท่านั้น
– realme 15 Pro 5G (12+256GB) ราคา 14,999 บาท
– realme 15 5G (12+256GB) ราคา 12,999 บาท
AIS 5G: พิเศษ! เป็นเจ้าของ realme 15 Series 5G ที่ AIS ราคาเครื่องพร้อมแพคเกจสุดคุ้ม
• realme 15 Pro 5G (12+256GB) เริ่มต้นเพียง 10,399.-
• realme 15 Pro 5G (12+512GB) เริ่มต้นเพียง 12,299.-
• realme 15 5G (12+256GB) เริ่มต้นเพียง 8,499.-
Pre-Order วันนี้ – 26 ก.ย. 68 รับฟรีของพิเศษ 🎁
- 🎒 realme Special Backpack
- 🥤 realme Premium Fruit Mix
- ✅ ประกันจอแตก 1 ครั้งใน 180 วัน
- ✅ ขยายประกันตัวเครื่องเป็น
วางจำหน่าย 27 ก.ย. 68 ทั่วประเทศ