Close Menu
  • Home
  • Android
    • News
    • Tips
  • Apple
    • iPad
      • News
      • Tips
    • iPhone
      • News
      • Tips
  • WINDOWS
    • News
    • Tips
  • Gaming
    • Game Review
    • PlayStation
    • Nintendo
    • Xbox & PC
    • Mobile
  • Gadget Reviews
    • Accessories
    • Devices
  • Wearable
  • EV Car
  • Miscellaneous
    • News
    • Tips
  • Tips and Tricks
  • Video
  • Cooky Policies
  • ติดต่อโฆษณา
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
  • Home
  • Android
    • Tips & Tricks
  • Apple
    • Tips & Tricks
  • Windows
    • Tips & Tricks
  • Gaming
    • Game Review
    • In Spotlight
    • PlayStation
    • Xbox & PC
    • Nintendo
    • Mobile Games
  • Reviews
    • Mobiles & Tablets
    • Game Review
    • Accessories
  • EV Car
  • Miscellaneous
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
คุณกำลังอ่าน :Home » Your Updates » รีวิว Philips Hue Play HDMI Sync Box เปลี่ยนมิติการดูหนังและเล่นเกมกับไฟที่เปลี่ยนสีตามการแสดงผลจริง » Page 3
Your Updates

รีวิว Philips Hue Play HDMI Sync Box เปลี่ยนมิติการดูหนังและเล่นเกมกับไฟที่เปลี่ยนสีตามการแสดงผลจริง

15 กันยายน 2020Updated:8 มกราคม 20258 Mins Read
hue-spiderman-into-spiderverse

Philips Hue Play HDMI Sync Box เปลี่ยนมิติการดูหนังและเล่นเกมกับไฟที่เปลี่ยนสีตามการแสดงผลจริง

83% ยอดเยี่ยม

Philips Hue Play HDMI Sync Box นั้นทำหน้าที่ของมันได้ดีที่สุดในท้องตลาดแล้วล่ะกับการเป็นกล่องที่เป็นตัวเชื่อมระบบไฟให้กลายเป็น Bias Lighting แบบ Responsive และถึงแม้ว่ามันจะยังเหมือนมีบั๊กให้เห็นอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ยังพอจะมองข้ามไปได้เพราะความเจ๋งของมันนี่แหละ แต่ข้อเสียใหญ่ๆ เลยเห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องความยุ่งยากในการเซ็ตอัพและการตั้งค่าต่างๆ ที่แทบไม่มีไกด์อะไรบอกใบ้ให้กับผู้ใช้งานเลยแม้แต่น้อย หากแต่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกกันเองจนกว่าจะได้เซ็ตอัพไฟที่เหมาะสมถูกใจ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว

The Good
  1. ดีที่สุดในด้านการเป็น Bias Light แบบ Responsive
  2. ไฟตอบสนองได้อย่างว่องไวและแม่นยำ ทำให้ไม่ขัดใจเวลาเปิดใช้งาน
  3. ใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่ต่อ HDMI ทุกตัวเพราะอ่านค่าจากสัญญาณ HDMI
  4. รองรับระบบภาพ Dolby Vision และ HDR10+
  5. มีพอร์ต HDMI ARC มาให้พร้อมกับ HDMI In อีก 4 พอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย
  6. ไฟในชุด Philips Hue รองรับระบบสมาร์ทโฮมใหญ่ๆ ในปัจจุบันแบบครบถ้วน
The Bad
  1. มีราคาสูง
  2. ยังมีบั๊กที่ทำให้กล่องหยุดทำการซิงค์ไฟเกิดขึ้นให้เห็นบ้าง
  3. การเซ็ตอัพและการตั้งค่าที่ยุ่งยาก ไม่มีคำแนะนำที่ดีพอให้กับผู้ใช้งาน
  4. ยังไม่นำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
  5. ไม่มีพอร์ต eARC สำหรับอุปกรณ์อย่าง PlayStation 5 และอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน HDMI 2.1 ขึ้นไปในปัจจุบัน
  • ประสิทธิภาพ 90 %
  • วัสดุและการประกอบ 90 %
  • ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน 80 %
  • ความคุ้มค่าต่อราคา 70 %

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า Philips Hue นั้นเจ๋งจริงเรื่องจำนวนและรูปแบบของอุปกรณ์ในกลุ่มไฟ Hue ของตัวเอง และแถมทุกตัวยังรอบรับการใช้งาน Hue Play HDMI Sync Box อีกด้วย จึงทำให้การเซ็ตอัพไฟนั้นเป็นไปได้อย่างหลากหลายและแตกต่างไปในแต่ละพื้นที่และความชอบส่วนบุคคล โดยการเซ็ตอัพในวันนี้ อเล็กซ์จะอ้างอิงถึงการเซ็ตอัพระบบในห้องดูหนังของตัวเอง โดยใช้อุปกรณ์ที่ตัวเองซื้อมาใช้จริง ไม่มีสปอนเซอร์อย่างแน่นอน

Philips Hue Play HDMI Sync Box นั้นทำหน้าที่เพียงการถอดรหัสภาพจากสัญญาณ HDMI ออกเป็นชุดสีสันเท่านั้นตามที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้การเซ็ตอัพต้องอาศัยไฟในตระกูล Philips Hue ด้วย และยังต้องมี Philips Hue Bridge เพื่อใช้เชื่อมต่อไฟทั้งหมดและเจ้า Hue Play HDMI Sync Box เข้ากับระบบอีกทีด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วอุปกรณ์ทั้งหมดที่อเล็กซ์ใช้ในการเซ็ตอัพระบบขึ้นมาหลังหน้าจอ Sony x9000F ซึ่งมีขนาด 85 นิ้วนั้นก็มีดังนี้

การติดตั้งและการตั้งค่าระบบ ความซับซ้อนที่ชวนสับสนเหลือเกิน

Philips Hue Sets
ภาพอุปกรณ์ Philips Hue ที่ใช้ในเซ็ตอัพนี้
  1. Philips Hue Play Light Bar จำนวน 6 ตัว (ซื้อเป็น Pack คู่ จำนวน 3 แพ็ค) – สั่งซื้อ Philips Hue Play Light Bar แพ็คคู่
  2. Philips Hue Light Strip Plus ยาว 2 เมตร จำนวน 1 เส้น – สั่งซื้อ Philips Hue Light Strip Plus
  3. Philips Hue White and Color Ambiance Light Bulbs อีก 2 ดวง (ซื้อเป็นแพ็ค Starter Kit ที่มาพร้อม Hue Bridge) – สั่งซื้อ Philips Hue White and Color Ambiance Light Bulbs Starter Kit / สั่งซื้อหลอดเดี่ยวเพิ่มเติม
  4. Philips Hue Bridge 1 ตัว (มาพร้อมกับ Starter Kit ที่มีหลอดไฟ 3 ดวง) – สั่งซื้อ Philips Hue Bridge แยก
  5. Philips Hue Play HDMI Sync Box 1 ตัว (ตัวหลักที่รีวิวนี่ล่ะ) – สั่งซื้อ Philips Hue Play HDMI Sync box

โดยสถานที่ซื้อนั้นเราได้ทำลิงก์ไว้ให้ด้านบนหมดแล้ว ซึ่งได้ทำการเทียบราคาร้านที่ดีที่สุดและมีของพร้อมส่งทุกรายการจาก Lazada ใครสนใจก็คลิกไปเลือกซื้อเลือกหากันได้เลยครับ

ในส่วนของการตั้งค่านั้นจะต้องใช้ 2 แอพพลิเคชั่นจาก Philips Hue มาประกอบ นั่นก็คือแอพ Philips Hue และ Philips Hue Sync ซึ่งจะทำหน้าที่ต่างกันแต่สำคัญต่อการตั้งค่าและการใช้งานทั้งคู่

Advertisement
Advertisement
Advertisement

หากต้องสรุปในเรื่องของการติดตั้งและการตั้งค่าง่ายๆ แล้วคงอธิบายออกมาได้เพียงประโยคเดียวว่า “สับสน งงงวย ชวนมึนหัว และช่างบั่นทอนความรู้สึกแรกพบ (First Impression) ของตัวโปรดักเสียเหลือเกิน”

Philips Hue แอพมาตรฐานที่ต้องมีสำหรับการใช้งานระบบ Hue

สำหรับการตั้งค่าในส่วนของไฟนั้นสามารถทำได้โดยการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Philips Hue จากนั้นแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะทำการแนะนำการตั้งค่าไปเป็นขั้นตอน โดยเริ่มจากการเพิ่ม Hue Bridge เข้าไปยังระบบ Network ของบ้านเราผ่านสาย Lan จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มไฟแต่ละดวงเข้าไปในห้องต่างๆ ที่ต้องการ โดยหากยังไม่มีห้อง เราสามารถสร้างห้องใหม่ได้ในทันทีบนแอพพลิเคชั่น Philips Hue

หน้าหลักการตั้งค่า Hue
การตั้งค่า Philips Hue
หน้าเลือกและสร้างห้องในแอพ Hue
หน้าการเพิ่มไฟในแอพ Hue

หลังจากที่ทำการเพิ่มห้องเพิ่มไฟที่ต้องการแล้ว ข้อดีของ Philips Hue คือมันเป็นอุปกรณ์ที่รองรับระบบ Homekit ของ Apple ดังนั้นไฟต่างๆ เหล่านี้จะไปปรากฏที่แอพพลิเคชั่น Home App บน iPhone/iPad ของเราเช่นเดียวกัน พร้อมกับห้องที่เราได้สร้างขึ้นมาในแอพพลิเคชั่นของ Philips Hue ซึ่งทำให้เราสามารถเลือกสั่งงานได้ทั้งผ่านทางแอพพลิเคชั่น Home บน iPhone / iPad และสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri เช่นเดียวกับการสั่งงานผ่านแอพ Philips Hue เองด้วย

ไฟโทน และ ไฟทีวี คือไฟที่มาจาก Philips Hue
รายละเอียดไฟทีวีใน Homekit
การแสดงผล Hue ใน Apple Homekit
รายละเอียดไฟโทนใน Homekit

หลังจากเซ็ตอัพไฟแล้ว ต่อไปเราจะต้องทำการเซ็ตอัพพื้นที่รับชมของเราก่อน โดยจะเป็นการเอาไฟแต่ละดวงไปติดในจุดที่เราต้องการใช้งาน ซึ่งในกรณีของผมนั้นจะเป็นการติดตั้งไฟหลังทีวีทั้งสิ้น 7 ดวง โดยแบ่งเป็นใช้ Play Light Bar 2 ดวงที่ขอบบนของจอทีวี และมุมซ้ายและขวาบนของจอภาพอีกด้านละ 1 ดวง ส่วนขอบด้านข้างซ้ายและขวานั้นก็ใช้ Play Light Bar ที่เหลืออีก 2 ดวงไปติดตั้ง และขอบล่างสุดของทีวีนั้นเป็น Hue Light Strip Plus นั่นเอง

ส่วน Hue White and Color Ambiance Light Bulbs อีก 2 ดวงนั้นติดแทนไฟฝ้าดวงเก่าที่ตรงฝ้าเพดาน ในตำแหน่งเยื้องมาข้างหน้าทีวีเล็กน้อย ซึ่งต้องบอกตรงนี้ก่อนว่าการเซ็ตอัพไฟนั้นไม่มีอะไรผิดหรือถูก เพราะขึ้นอยู่กับลักษณะหน้างานของแต่ละคน บางคนอาจจะไม่จำเป็นต้องเอาไฟไปติดใต้ฝ้าหากไม่มีบล็อกเหมือนบ้านผม แต่อาจจะหา Philips Hue Go หรือโคมไฟมาใส่ Bulbs สองดวงแล้วเอาไปวางไว้ด้านข้างทีวีให้ไกลจากตัวทีวีไปสักหน่อยแทนหากพอมีพื้นที่ เพื่อให้ได้บรรยากาศโอบล้อมของแสงในมุมกว้าง ทั้งนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึงและน่าจะเป็นส่วนที่ยากที่สุดในการติดตั้งคือการตกกระทบและการหักเหของแสงที่เราต้องบาลานซ์มันให้ดีเพื่อให้ได้แสงที่เสมอและดูสะอาดตาที่สุด

สำหรับเซ็ตอัพที่จอทีวีไม่ได้ใหญ่ขนาด 85 นิ้วก็อาจพิจารณาลดจำนวนไฟลง หรือหาวิธีการติดตั้งตามเหมาะสม โดยใน 1 เอ็นเตอร์เทนเมนต์แอเรียนั้น Philips Hue อนุญาตให้เซ็ตไฟได้สูงสุด 10 ดวง ลองครีเอตกันได้ตามต้องการเลยครับ

ภาพมุมบนการติดตั้งไฟฝั่งซ้ายของทีวี
ภาพมุมบนการติดตั้งไฟฝั่งขวาของทีวี

ทั้งนี้น่าเสียดายที่ Philips เองไม่ได้มีวิดีโอหรือ How To ที่แนะนำวิธีการติดตั้งไฟในรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการ แน่นอนว่าความต้องการคนเราไม่เหมือนกัน และเซ็ตอัพแต่ละคนก็ต่างกันไปอีกต่างหาก แต่หาก Philips มีการทำมาตรฐานเป็นไกด์ไลน์การติดตั้งเอาไว้สักหน่อยว่าทีวีขนาดต่างๆ นั้นควรใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง และควรติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้นแบบไหน การติดตั้งน่าจะทำได้ง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องมางมกันเองถึงขนาดนี้

ในเซ็ตอัพที่เห็นนี้ อเล็กซ์ใช้เวลาติดตั้ง ย้าย เปลี่ยน และแก้ไขอยู่นานถึง 2 วันกว่าจะได้ตามแบบที่ต้องการ และแน่นอนว่าเทปกาว 3M 2 หน้าที่ Philips แถมมานั้นเมื่อโดนแกะเข้าออกบ่อยๆ ก็ย่อมใช้งานไม่ได้ เลยเดือดร้อนให้ต้องไปหาซื้อเทปกาว 3M แบบแข็งพิเศษใช้ภายนอกมาใช้เพิ่ม โดยในแต่ละจุดนั้นจะต้องกดไว้อย่างต่ำ 30 วินาทีแล้วค่อยปล่อยเมื่อได้มุมที่ต้องการ มันถึงจะเกาะติดกับจุดที่ติดตั้งได้ เล่นเอาเหนื่อยเอาเรื่องเลยทีเดียว

เซ็ตอัพ Entertainment Area ในแอพพลิเคชั่น Philips Hue ความท้าทายด่านต่อไป

หลังจากการตั้งค่าตัวไฟที่เราต้องการใช้งานในโลกจริงอย่างสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปเราต้องทำการตั้งค่าตำแหน่งของไฟเหล่านั้นในแอพพลิเคชั่น Philips Hue โดยจะอยู่ในเมนู Entertainment Areas ซึ่งในที่นี้ เราต้องตั้งค่าตำแหน่งของไฟแต่ละดวง และระดับความสูงของไฟเพื่อให้ไฟที่เราติดตั้งสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามตำแหน่งของภาพที่ปรากฎในจอแสดงผล

การตั้งค่า Philips Hue
การสร้าง Entertainment Areas
เลือกไฟใส่ใน Entertainment Area ของเรา

ปัญหาคือ Philips Hue ไม่ได้สนใจที่จะสอนเรามานักว่าการตั้งค่านั้นควรจะทำอย่างไร เลยทำให้เป็นอีกหนึ่งจุดที่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยจะยูเซอร์เฟรนด์ลี่สักเท่าไหร่นัก โดยในวินาทีแรกที่เห็นนั้นผมคิดว่าการตั้งค่าคงมีแค่การเลื่อนดวงไฟที่เราต้องการเพิ่มใน Entertainment Area ของเราไปวางยังตำแหน่งที่ต้องการ แต่ที่ไหนได้ เมื่อเซ็ตเสร็จในรอบแรกกลับพบว่าสีที่ได้นั้นไม่เหมือนที่ควรจะเป็นในความเป็นจริง โดยปัญหาคือเจ้า Hue Light Strip Plus ที่อยู่ตรงขอบล่างของจอนั้นดันแสดงผลสีเดียวกับ Hue Play Light Bar สองตัวที่อยู่ด้านบน กลายเป็นมิติของแสงที่ได้นั้นไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น ดังรูปที่ผมเอามาให้ดูข้างล่างนี้เลย

philips-hue-wrong-light-setup-in-entertainment-area
ภาพแสดงผลการแสดงสีเพี้ยนเมื่อเซ็ตค่าไม่ถูกต้อง โดยขอบบนและล่างแสดงเป็นสีขาวเหมือนกัน

เพราะเหตุนี้เลยทำให้ต้องหาข้อมูลช่วยเหลือตัวเองเอาว่าปัญหามันเกิดจากอะไร ก่อนที่จะได้ข้อสรุปออกมาว่าจริงๆ แล้วในการตั้งค่า Entertainment Area นั้นยังมีอีกหนึ่งค่าที่สำคัญนอกเหนือไปจากการจับเอาไฟไปวางตามตำแหน่งต่างๆ โดยค่าที่ว่านั้นคือค่าระดับความสูงของไฟแต่ละดวง โดยจะสามารถเปลี่ยนได้เมื่อกดลงไปยังตำแหน่งของดวงไฟดวงที่เราต้องการบนแอพพลิเคชั่น

การตั้งค่าห้อง Entertainment Areas

ทั้งนี้ค่าระดับความสูงของมันจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ “Ceiling Height” หรือไฟในตำแหน่งสูงสุดเช่นเพดานหรือขอบจอบน “Ground Height” หรือไฟที่วางระดับพื้นเช่นพวกหลอด Hue Go และ “TV Height” หรือไฟที่อยู่ในระดับทีวีนั่นเอง พอเห็นแบบนี้จึงได้เข้าใจว่าไฟด้านข้างจอทั้งสองข้างนั้นควรจัดวางในตำแหน่ง TV Height ในขณะที่ไฟแสดงผลส่วนขอบจอบนนั้นควรจัดวางในระดับ Ceiling Height เช่นเดียวกับหลอด Bulbs อีกสองหลอดที่ฝังอยู่บนฝ้า ในขณะที่ Light Strip Plus ในตำแหน่งขอบจอล่างนั้นต้องจัดวางในตำแหน่ง Ground Height เพื่อให้สีที่ได้นั้นต่างกันในแต่ละจุดและแสดงผลได้อย่างถูกต้องที่สุด โดยหลังจากที่ได้ทำการตั้งค่าไฟทุกอย่างแบบครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้องแล้ว ในที่สุดเจ้าระบบไฟ Bias Lighting แบบ Responsive ของเราก็ทำงานได้อย่างถูกต้องเสียที

จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้อเล็กซ์คิดว่า Philips Hue ควรที่จะใส่ใจรายละเอียดในการแนะนำผู้ใช้งานถึงการตั้งค่าการใช้งานอุปกรณ์แต่ละอย่างของตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ โดยเริ่มตั้งแต่การติดตั้งอุปกรณ์จริงหลังทีวีแต่ละเครื่องที่ควรมีคำแนะนำชุดอุปกรณ์และตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสมตามขนาดหน้าจอแสดงผลที่ต้องการใช้งาน ไปจนถึงการตั้งค่า Entertainment Area ในแอพ Philips Hue ซึ่งหากตัวแอพพลิเคชั่นมี UI สอนแนะนำการใช้งานที่ดีกว่านี้ ประสบการณ์การติดตั้งไฟก็คงจะดีกว่านี้ขึ้นมาก และคงมีโอกาสเข้าถึงคนที่ไม่ค่อยจะเทคแซฟวี่สักเท่าไหร่นักได้ดียิ่งขึ้น

เอาล่ะ หลังจากจบส่วนที่ท้าทายกันไปแล้ว ต่อไปเราจะพูดถึงแอพพลิเคชั่นที่ 2 ที่จำเป็นต้องใช้ในการเซ็ตอัพระบบกันบ้างดีกว่า โดยแอพพลิเคชั่นตัวนี้จะเกี่ยวข้องกับพระเอกของเราอย่างเจ้า Philips Hue Play HDMI Sync Box โดยตรง

เพิ่ม Hue Play HDMI Sync Box เข้าสู่ระบบ Hue ของเราด้วยแอพพลิเคชั่น Hue Sync บอสใหญ่ตัวสุดท้ายก่อนจะได้ว้าว

เมื่อผ่านด่านแรกไปได้ คุณก็ต้องมาเจอกับด่านที่ 2 คือการเพิ่มเจ้า Philips Hue Play HDMI Sync Box เข้ากับระบบของคุณ โดยการเชื่อมต่อเจ้ากล่องแปลงสัญญาณตัวนี้เข้ากับ Hue Bridge ตัวเดียวกับที่เราใช้ในการเชื่อมต่อไฟแต่ละดวงของเราในตอนแรก แต่ขั้นตอนนั้นจะต่างไปจากเดิมเล็กน้อยเพราะคุณต้องใช้แอพพลิเคชั่นใหม่อีกแอพที่ชื่อว่า Philips Hue Sync เข้ามาช่วยนั่นเอง

ทั้งนี้การเชื่อมต่อ Hue Play HDMI Sync Box เข้ากับ Hue Bridge นั้นทำได้ง่ายๆ เพียงทำตามขั้นตอนที่ปรากฏในคำแนะนำหลังจากเปิดแอพพลิเคชั่นขึ้นมา และหลังจากที่เราได้ทำการเชื่อมต่อ Hue Play HDMI Sync Box เข้ากับ Hue Bridge ของเราได้แล้ว เราก็จะสามารถเลือก Entertainment Area ที่เราต้องการใช้งานกับ Hue Play Sync Box ตัวนี้ได้ ซึ่งเราได้ทำการตั้งค่ากันไปก่อนหน้านี้แล้ว

หน้าหลักควบคุม Bias Light ของ Hue Sync
หน้าการตั้งค่าเพิ่มเติมหากต้องการเปิด Dolby Vision / HDR10+
หน้าการเปิดใช้งาน Dolby Vision / HDR10+

ในแอพพลเคชั่น Hue Sync นี้ เราจะสามารถปรับโหมดการแสดงผลของแสง รวมไปจนถึงความเข้มข้นและความสว่างของแสงได้ ซึ่ง UI การใช้งานนั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างง่ายดายและไม่ได้ติดขัดอะไร

แต่ปัญหาจะเกิดหากจอแสดงผลที่เพื่อนๆ ใช้งานนั้นเป็นจอแสดงผลที่รองรับการใช้งาน Dolby Visioin หรือ HDR10+ และเราต้องการที่จะเปิดใช้งานฟังก์ชั่นนี้ โดยแรกสุดเลยนั้นผมยังเข้าใจว่า Philips น่าจะเซ็ตค่าเปิดใช้งาน Dolby Vision และ HDR10+ นี้มาเป็นค่ามาตรฐาน แต่เมื่อลองใช้งานจริงกลับพบว่าภาพ Dolby Vision หรือ HDR10+ นั้นถูกดาวน์เกรดลงมาเป็น HDR ธรรมดาทั้งหมดเพื่อการซิงค์กับไฟในระบบ หรือไม่ตัวกล่องก็เลือกที่จะไม่ซิงค์ไฟใดๆ เลย ซึ่งแน่นอนว่า Philips Hue Sync เองก็ไม่ได้มีการอธิบายปัญหาอะไรเอาไว้ให้เห็น และต้องหาทางแก้กันเองอีกครั้ง จนในที่สุดก็ค้นพบว่า Dolby Vision นั้นถูกปิดการใช้งานไว้โดยอัตโนมัติจากระบบเอง ซึ่งเราต้องเข้าไปทำการเปิดใช้งานในเมนู Settings > Advance Sync Settings > เปิดใช้งาน ARC Bypass ถึงจะสามารถใช้งานฟังก์ชั่นซิงค์กับคอนเทนต์ที่เป็น Dolby Vision ได้ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผมต่อสาย HDMI จาก AVR (Audio Video Receiver) เข้า Hue Sync Box ช่อง 2 และต่อช่อง HDMI ARC จาก Hue Sync Box เข้าทีวีช่อง ARC อีกที เลยทำให้ต้องมาเปิดใช้งานฟังก์ชั่นนี้ก่อน คอนเทนต์ Dolby Vision ถึงจะสามารถใช้งานฟังก์ชั่นซิงค์ไฟได้ แต่จริงๆ แล้ว Philips Hue เองน่าจะมีอธิบายไว้ในแอพพลิเคชั่นให้ละเอียดกว่านี้ว่าเซ็ตอัพที่ต่อผ่าน AVR นั้นจำเป็นต้องไปเปิด Bypass ARC ก่อนถึงจะใช้งานได้ตามที่ควร ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ใช้งานงมเอาเองแบบนี้ (อีกแล้ว)

และที่น่าเสียใจอีกเรื่องคือหากเราเปิดใช้งาน ARC Bypass นั้น ช่อง HDMI ทั้งหมด 4 ช่องของ Hue Play Sync Box จะสามารถใช้งานได้เพียงช่องเดียวในทัน ซึ่งอเล็กซ์เองก็ได้ลองทำการเสียบสาย HDMI อีกเส้นเข้าไปที่ช่อง HDMI 4 ของตัวกล่องเพื่อทดลองว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผลปรากฏว่าเจ้าแอพ Hue Sync จะทำการปิดฟังก์ชั่น ARC Bypass ลง ซึ่งส่งผลให้เราไม่สามารถซิงค์ไฟกับระบบ Dolby Vision / HDR10+ ได้เหมือนเดิม ทำให้อดรู้สึกเสียดายพอร์ต HDMI ที่เหลือไม่ได้ และรู้สึกเหมือนหนึ่งในฟังก์ชั่นสำคัญอย่างการเป็น HDMI Splitter ในตัวนั้นหายไปทันที ค่าตัวที่แพงเป็นทุนเดิมของมันอยู่แล้วก็เลยยิ่งทำให้ดูแพงเข้าไปอีกทีนี้…เสียดายของมากๆ

https://www.facebook.com/AppDisqus/posts/3753312338021642

 

หากต้องสรุปในเรื่องของการติดตั้งและการตั้งค่าง่ายๆ แล้วคงอธิบายออกมาได้เพียงประโยคเดียวว่า “สับสน งงงวย ชวนมึนหัว และช่างบั่นทอนความรู้สึกแรกพบ (First Impression) ของตัวโปรดักส์เสียเหลือเกิน” และ Philips Hue เองควรหาวิธีการแก้ไขในจุดนี้อย่างเร่งด่วน เพราะนี่คือด่านแรกของการทำให้ Hue HDMI Sync Box ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่ออกคำแนะนำการใช้งานให้ละเอียด อาจทำให้หลายๆ คนตัดสินใจหันหลังให้กับมันเพราะความยุ่งยากซับซ้อนในการตั้งค่านี่ล่ะ

เอาล่ะ ในหัวข้อต่อไป เราจะไปทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของมันกัน

Advertisement
1 2 3 4
Bias Lighting Gaming HDMI Sync Box philips hue Tips Tricks
Google News YouTube
Share. Facebook Twitter LinkedIn Email Copy Link
Avatar photo
Alex
  • Website
  • Facebook
  • X (Twitter)
  • Instagram

อเล็กซ์ หรือ เอ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเอามือถือหรือ iPad ข้างกายตนมาจับๆ จิ้มๆ ตามประสาคนมีงานแต่ชอบเล่นเกม คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจเอได้เสมอผ่านทางการคอมเมนต์ในบทความนี้

Advertisement
Advertisement
Advertisement

Related Posts

Your Updates

เปิดผลิตภัณฑ์ ‘Philips Hue’ ใหม่ในไทย ระบบไฟ IoT อัจฉริยะ เน้นด้านโฮมเอนเตอร์เทน และ PC gaming

31 ตุลาคม 2023
Accessories

รีวิว Razer Naga V2 Pro เมาส์ไร้สายตัวท็อป สลับเพลตข้างได้ 3 แบบ เมาส์เดียวเข้ามือได้ทุกประเภทเกม

24 ธันวาคม 2022
10 เกม JRPG สำหรับ iOS และ Android แบบเสียเงินที่ดีที่สุดประจำปี 2022
Mobile

10 เกม JRPG สำหรับ iOS และ Android แบบเสียเงินที่ดีที่สุดประจำปี 2022

26 กันยายน 2022
Your Updates

รีวิว RAZER DEATHADDER V2 PRO เมาส์สรีระศาสตร์ยอดเยี่ยม ใช้เทคโนโลยีไร้สาย Razer HyperSpeed เซฟเซ็ตติ้งลงหน่วยความจำตัวเองได้

31 ตุลาคม 2020
Your Updates

รีวิว Razer NAGA PRO เมาส์งูจำแลง แปลงร่าง 3 in 1 มีตัวเดียวจบรับมือได้ทุกแนวเกม

4 ตุลาคม 2020
Miscellaneous

รีวิวแนะนำ ฟิลิปส์ ฮิว (Philips Hue) ชุดหลอดไฟที่จะทำให้การเปิดไฟไม่ใช่เรื่องธรรมดา

14 มีนาคม 2018
What Score?
8.1
Devices

รีวิว iQOO Neo 10 เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ สเปกแรง! จัดเต็มแม็กซ์ 7000mAh

By Noppinij5 มิถุนายน 2025288 Views
7.6
Devices

รีวิว realme C71 สมาร์ตโฟนสุดคุ้ม บางเบา สวยงาม แบตอึดที่สุดในรุ่น

By Noppinij4 มิถุนายน 2025
8.4
Your Updates

รีวิวหัวชาร์จ CUKTECH AD1003 120W ชาร์จเร็วครบ! ทุกเรือธงแบรนด์จีน

By Noppinij14 พฤษภาคม 2025
48
Xbox & PC World

Review : Scarred เกมสยองขวัญจากสิงคโปรที่ยังขาดความน่ากลัว

By Teethasade Isarankura Na Ayudhaya6 พฤษภาคม 2025

On AppDisqus Channel

3 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดดูงาน Apple WWDC 2025 คืนวันจันทร์นี้

Follow Us
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
  • TikTok
Latest
Your Updates

เทคโนโลยีทะลุขีดจำกัด! สมองคอมพิวเตอร์บางระดับอะตอม ไร้ความหนาแบบ 2D มาแล้ว

By Noppinij15 มิถุนายน 2025

Sony ปลดล็อกภูมิภาค Steam สำหรับเกม PlayStation ที่พอร์ตลงแล้ว

14 มิถุนายน 2025

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025

iOS 26 ส่องฟีเจอร์ใหม่ที่ Android เคยมีมาก่อนแล้วหลายปี

14 มิถุนายน 2025

แท็บเล็ตเกมมิ่งรุ่นเล็ก Redmi K Pad โผล่บน Geekbench ใช้ชิป Dimensity 9400+ พร้อม Android 15

14 มิถุนายน 2025
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Your Updates

เทคโนโลยีทะลุขีดจำกัด! สมองคอมพิวเตอร์บางระดับอะตอม ไร้ความหนาแบบ 2D มาแล้ว

15 มิถุนายน 2025
Gaming

Sony ปลดล็อกภูมิภาค Steam สำหรับเกม PlayStation ที่พอร์ตลงแล้ว

14 มิถุนายน 2025
Apple

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025
Android

iOS 26 ส่องฟีเจอร์ใหม่ที่ Android เคยมีมาก่อนแล้วหลายปี

14 มิถุนายน 2025
แอพดิสคัส
Facebook X (Twitter) Instagram YouTube TikTok
  • Home
  • ติดต่อโฆษณา
  • Cookies Policy & Settings
© 2025 APPDISQUS.COM APPDISQUS : A Source You Can Trust.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าคุกกี้อนุญาตทั้งหมด
ตั้งค่าความยินยอม

Privacy Overview

AppDisqus.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานในขณะที่คุณกำลังอ่านและรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ โดยในบรรดาคุกกี้เหล่านี้ คุกกี้ประเภทข้อมูลที่จำเป็นนั้นจะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณเองที่ใช้สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าคุกกี้เหล่านี้เป็นคุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ นอกจากนี้เรายังใช้คุกกี้บุคคลที่สามเพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และเข้าใจการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ของคุณมากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้เหล่านี้จะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น และจะจัดเก็บได้ก็ต่อเมื่อคุณได้การอนุญาต ทั้งนี้คุณสามารถจัดการกับการตั้งค่าคุกกี้ของคุณได้เสมอผ่านทางเมนูการตั้งค่านี้

อย่างไรก็ตาม การปิดการใช้งานคุกกี้บางประเภทอาจทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของคุณได้
ข้อมูลจำเป็น
Always Enabled
คุกกี้บางประเภทนั้นจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้งานเพื่อทำให้เว็บไซต์สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ครบฟังก์ชั่นกับผู้ใช้งานได้ โดยคุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เราคงเซ็สชั่นการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณเอาไว้ ตลอดจนป้องกันสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ทั้งนี้ คุกกี้ประเภทนี้จะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น คุกกี้ประเภทนี้จะใช้เพื่อให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบและคงสถานะการเข้าระบบของคุณบนเว็บเว็บไซต์เราเอาไว้ได้นั่นเอง
CookieDurationDescription
AWSALBCORS7 daysAmazon Web Services ใข้คุกกี้นี้เพื่อเป็นการใช้งานฟังก์ชั่น load balancing หรือการกระจายโหลดเซิร์ฟเวอร์
cf_use_obpastCloudflare ใช้คุกกี้นี้เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ เพื่อประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชม
cookielawinfo-checkbox-analytics11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ข้อมูลสถิติ"
cookielawinfo-checkbox-functional11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ฟังก์ชั่นการทำงาน"
cookielawinfo-checkbox-necessary11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "จำเป็น"
cookielawinfo-checkbox-others11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "อื่นๆ"
cookielawinfo-checkbox-performance11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ประสิทธิภาพ"
JSESSIONIDsessionคุกกี้ JSESSIONID ถูกใช้โดย New Relic เพื่อเป็นการเก็บไอดีจำเพราะในการเข้าใช้งานของผู้ใช้งานเพื่อให้ New Relic สามารถติดตามและตรวจนับเซ็ตชั่นการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้
viewed_cookie_policy11 monthsคุกกี้นี้ใช้เพื่อเป็นการเก็บความยินยอมในการอนุญาตให้จัดเก็บและใช้งานคุกกี้ของผู้ใช้งาน โดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ใช้งานแม้แต่น้อย
ข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงาน
คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงานที่อาจไม่ได้จำเป็นที่สุดบนหน้าเว็บไซต์ AppDisqus.com ยกตัวอย่างเช่นฟังก์ชั่นการฝังสื่อประเภทวิดีโอและปุ่มการแชร์บทความไปยังโซเชียลมีเดียต่างๆ บนเว็บไซต์เป็นต้น
ข้อมูลประสิทธิภาพ
คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อวิเคราะห์ความเข้าใจในประสบการณ์การทำงานของเว็บไซต์ต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลสถิติ
คุกกี้ประเภทนี้จะจัดเก็บข้อมูลประเภทสถิติ เช่นตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์ ตัวเลข UIP หรือผู้ใช้งานที่นับต่อ IP ข้อมูลหน้าเว็บไซต์ที่ถูกเข้าถึงบ่อยที่สุด ข้อมูลแหล่งที่มาของการเข้าถึง และอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์เราได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนชี้ให้เห็นว่าเราควรปรับปรุงในเรื่องใดเพื่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นของผู้ใช้งาน
CookieDurationDescription
_ga_CE4TLMWX4S2 yearsคุกกี้ถูกติดตั้งโดย Google Analytics เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
_gid1 dayติดตั้งโดย Google Analytics โดย คุกกี้ _gid นี้ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของผู้เข้าชม ในขณะเดียวกันก็ยังใช้ในการจัดทำสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วย โดยข้อมูลที่เก็บนั้นยกตัวอย่างเช่นจำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา และหน้าที่ผู้เข้าชมเปิดอ่านโดยไม่เปิดเผยตัวตนของผู้เข้าชม
ข้อมูลเพื่อการโฆษณา
คุกกี้ประเภทโฆษณาจะช่วยให้เราสามารถเผยแพร่โฆษณาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้เข้าชมเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้ประเภทนี้จะติดตามการใช้งานในเว็บไซต์ AppDisqus เท่านั้นเพื่อการเผยแพร่โฆษณาได้อย่างตรงความต้องการของผู้ใช้งานต่อไป
CookieDurationDescription
IDE1 year 24 daysคุกกี้จาก Google DoubleClick IDE นี้ติดตั้งโดย Google เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อกำหนดมาตรฐานในการเลือกโฆษณาที่ตรงความต้องการของผู้ใช้งานมาแสดงบนหน้าเว็บไซต์
test_cookie15 minutesคุกกี้นี้ถูกติดตั้งโดย Doubleclick.net (Google) เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าบราวเซอร์ที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้งานอยู่รองรับคุกกี้หรือไม่
VISITOR_INFO1_LIVE5 months 27 daysคุกกี้นี้ถูกใช้งานโดย Youtube เพื่อตรวจสอบแบนด์วิดธ์ที่ผู้ใช้งานใช้ในการเปิดดูวิดีโอ เพื่อเป็นการระบุเวอร์ชั่นของตัวเล่นวิดีโอว่าเป็นเวอร์ชั่นใหม่หรือเก่า
YSCsessionคุกกี้ YSC ถูกติดตั้งและใช้งานโดย Youtube โดยใช้เพื่อเป็นการดึงเอาข้อมูลวิดีโอจากเว็บไซต์ Youtube ขึ้นมาแสดงในหน้าที่ดึงเอาวิดีโอนั้นๆ มาแสดง
yt-remote-connected-devicesneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt-remote-device-idneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt.innertube::nextIdneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
yt.innertube::requestsneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
ข้อมูลอื่นๆ
คุกกี้ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการระบุหมวดหมู่ประเภทเอาไว้ แต่อาจมีผลต่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo