Final Fantasy XVI แอ็คชันสนุกเข้าถึงง่ายเป็นมิตรกับเกมเมอร์หน้าใหม่ที่ไม่ใช่แฟนซีรีส์นี้
รีวิวนี้คือสัมผัสแรกที่ผมได้ลอง Final Fantasy XVI ไปได้ไม่ถึง 30% ของเกมด้วยซ้ำก็ยังคงไปตัดสินทั้งเกมไม่ได้ว่ามันดีหรือไมดี แต่ถ้าให้ตัดสินจากเท่าที่เล่นก็คงต้องบอกว่า Final Fantasy XVI เป็นเกมที่ดีเลยและเหมาะกับแฟนเกมน่าใหม่มาก ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้มีความเป็น Action มากขึ้นทำให้คุณเข้าใจเกมเพลย์ง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อน แต่จุดแข็งก็สร้างจุดอ่อนใหม่ขึ้นมาคือมันไม่ต้องคิดเยอะเลยไม่ค่อยท้าทายเท่าไร นอกเสียจากเราจะพลาดท่าเอง
จุดเด่น
- เกมเพลย์สนุกแอ็คชันมันส์เหมาะกับผู้เล่นหน้าใหม่
- การเล่าเรื่องน่าติดตามแต่มีจุดที่น่าเบื่ออยู่
- ฉากการต่อสู้อลังการสมกับเป็น Final Fantasy
The Bad
- ดนตรีประกอบดีแต่ถูกใช้เยอะเกินความจำเป็นไปหน่อย
- มุมกล้องกับการควบคุมที่ลำบาก
- Performance ของเกมบนเครื่อง PS5 ยังมีปัญหาอยู่
Final Fantasy แฟรนไชส์นี้อยู่คู่กับประวัติศาสตร์วงการเกมมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1987 ถึงแม้เนื้อเรื่องจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยสักภาคแต่จิตวิญญาณของความเป็น Final Fantasy ฝังรากลึกลงไปในเกมทุกภาค จากความสำเร็จในหลาย ๆ ภาคทำให้แฟรนไชส์นี้มีภาคใหม่ออกมาเรื่อย ๆ จนลากมาถึง Final Fantasy XVI ที่มีกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มิถุนายน 2023 ต้องขอบคุณทาง Square Enix ที่ส่งโค้ดเกมมาให้เราได้ทดสอบกันบนเครื่อง PlayStation 5 สำหรับ Final Fantasy XVI จะน่าเล่นขนาดไหนมาติดตามกันได้ในรีวิวนี้เลย
ฉากหลังของ Final Fantasy XVI จะอยู่ในดินแดน Valisthea โดยถูกแบ่งเป็น 2 ทวีปคือ Ash ดินแดนฝั่งตะวันออกและ Storm ดินแดนฝั่งตะวันตก ดินแดนแห่งมีสิ่งที่เรียกว่าคริสตัลเวทย์มนตร์ที่เรียกกันว่า Mothercrytal โดยคริสตัลนี้คือสิ่งที่มอบอากาศธาตุให้กับผู้คนและขับเคลื่อนอารยธรรมในดินแดน Valisthea ทั้งการนำมาใช้ในชีวิตประจำหรือนำไปเป็นอาวุธสำหรับทำสงคราม กว่า 1500 ปีก่อนที่เหตุการณ์ในเกมจะเริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากสงครามครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจนทำให้อารยธรรมล่มสลาย อาณาจักรต่าง ๆ ก็ถือกำเนิดขึ้นบนดินแดน Valisthea โดยในแต่ละอาณาจักรนั้นจะมีมนุษย์ที่ถือครอง Eikon ผู้ใช้พลังเวทมนตร์และมนต์อสูรสุดทรงพลัง คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า Dominant โดย Eikon แต่ละตัวก็ถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนของธาตุแต่ละธาตุภายใน Final Fantasy XVI โดย Dominant บางคนก็ใช้พลังนี้เพื่ออาณาจักร แต่ก็มีบางคนนำไปใช้เพื่อทำความต้องการของตัวเอง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า Eikon of Fire ตนที่ 2 นามว่า Ifrit ที่ไม่น่ามีตัวตนได้เกิดขึ้นมา เข้ามาทำลายสมดุลของพลังนี้
ผู้เล่นได้รับบทเป็น Clive Rosfield ลูกชายคนโตของอาร์คดยุคแห่งอาณาจักร Rosaria และเป็นผู้ปกป้อง Joshua Rosfield น้องชายของเขาที่มีพลัง Eikon of Fire นามว่า Phoenix เรื่องราวดำเนินอยู่บนความขัดแย้งของแต่ละอาณาจักร กองกำลังของอาณาจักร Rosaria ต้องไปที่ Phoenix Gate เพื่อเตรียมทำสงคราม แต่ก็ถูกหักหลังจนทหารหลายคนล้มตายไป จนเมื่อ Joshua Rosfield ควบคุมสติไม่อยู่ตัวเขาได้กลายร่างเป็น Phoenix และจัดการกับศัตรูทั้งหมด แต่ทันใดนั้นเองก็ได้มี Eikon of Fire ตนที่ 2 นามว่า Ifrit ปรากฎตัวขึ้นมาแล้วเข้าต่อสู้ Phoenix แต่สุดท้าย Phoenix ก็ถูกจัดการอย่างโหดร้าย Clive สาบานว่าจะออกตามล่า Dominant และแก้แค้นทุกคนที่เป็นสาเหตุให้ Joshua น้องชายของเขาต้องตายไป ความโกรธคือแรงผลักชั้นดีที่ทำให้ Clive อยากมีชีวิตและใช้พลังทั้งหมดที่มีล้างแค้นให้กับน้องชาย
ต้องบอกว่า Final Fantasy XVI มีเนื้อหาที่ค่อนข้างโหดและรุนแรงพอสมควรเลย เลือดเป็นเลือดเนื้อเป็นเนื้อ แถมยังมีเรื่องราวการแก้แค้นที่ดาร์กสุด ๆ สำหรับผมแล้วมันก็ค่อนข้างแปลกแต่สนุกดี เนื้อหาในช่วงเริ่มต้นของเกมนั้นน่าติดตามมาก ๆ เลยล่ะ มันทำให้คุณอยากติดตามเนื้อเรื่องของเกมต่อไปเรื่อย ๆ แต่ว่าเกมไม่ค่อยอธิบายความเป็นของ Valisthea สักเท่าไร ก่อนเล่นเราก็อยากแนะนำให้คุณลองไปอ่านที่หน้าเว็บไซต์ของ Final Fantasy XVI แล้วลองอ่านความเป็นมาในดินแดน Valisthea สักนิดเพื่อให้คุณพอเข้าใจโลกของเกมมากขึ้น
ผู้เล่นจะได้ติดตามการเดินทางของ Clive Rosfield ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ มันทำให้เราเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของเขาตลอดเวลาทั้งสีหน้าแววตา, เป้าหมายและความคิดของเขา ตัวละครหลายตัวมีภูมิหลังที่น่าสนใจหลายตัวเลย อะไรที่ทำให้ตัวละครเหล่านั้นเปลี่ยนไป หรือสิ่งที่คอยผลักดันให้ตัวละครสู้ไม่ถอยจนทำให้คุณได้สัมผัสกับความสนุกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลา 1-2 ชั่วโมง ก่อนที่จะลดความพีคให้ผู้เล่นได้พักสมองบ้าง เพื่อสำรวจผู้คนและโลกของเกมให้มากขึ้น สำหรับผมบางจุดมันก็น่าเบื่อไปหน่อย ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้เกมก็จะค่อยเพิ่มความตื่นเต้นขึ้นไปอีกครั้ง แต่จะเป็นแบบนี้จนถึงตอนจบหรือคงต้องรอติดตามกันเพราะเนื้อเรื่องที่ผมได้สัมผัสนั้นมันยังไม่ถึง 30% เลยด้วยซ้ำ (ตามข้อตกลง กับ Square Enix เพื่อป้องกันสปอย) เวลานี้ผมยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำ
ก่อนเริ่มตัวเกมมีโหมดการเล่นให้เลือก 2 โหมดคือ Action Focus ก็ตามชื่อเลยคือเน้นการต่อสู้แบบเร้าใจ และ Story Focus ที่ตัวของ Clive จะเริ่มเกมโดยมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ใช้ถึง 2 เท่าเพื่อให้คุณดื่มดำกับเรื่องราวในเกมได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องการกังวลเกี่ยวกับต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
โลกของเกมในภาคนี้ไม่ได้เป็น Open World แบบเต็มรูปแบบแต่เป็นโลกกึ่ง Open World เฉกเช่นเดียวกับเกมภาคก่อน หรือแบบเดียวกับ God of War: Ragnarok โดยในแต่ละพื้นที่ก็จะมีภารกิิจหลักและภารกิจรองให้คุณได้ทำแต่ว่าภารกิจรองก็จะปลดออกมาตามเนื้อเรื่อง เท่าที่ได้สัมผัสมาภารกิจเสริมไม่ได้สำคัญเท่าไรนักมีแต่การออกไปช่วยเหลือ, จัดการมอนสเตอร์หรือออกตามหาคนหายแค่นี้
ระบบการต่อสู้ในภาคนี้จะเน้นไปที่การใช้พลัง Eikon รูปแบบต่าง ๆ โดยในระหว่างเล่นคุณสามารถเปลี่ยนพลัง Eikon ได้ทั้งหมด 3 ธาตุโดยในแต่ละธาตุจะมีสกิลให้ใช้อย่างละ 2 สกิลเมื่อคุณใช้สกิลของ Ifrit ที่เป็นธาตุไฟจนหมด ในระหว่างที่คุณรอ Cooldown ผู้เล่นสามารถสลับไปใช้ Eikon รูปแบบอื่นได้เลย นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้สกิลและทำคอมโบต่อเนื่องได้ถึง 6 สกิลเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อคุณอัปเกรดสกิลใหม่ ๆ เข้ามาคุณสามารถปรับเปลี่ยนสกิลและปุ่มเรียกใช้สกิลได้ตามใจชอบเลย
ใน Final Fantasy XVI คู่หูหรือตัวละครอื่นในปาร์ตี้ ผู้เล่นไม่สามารถควบคุมได้ แต่ตัวละครพวกนี้จะเป็น NPC ที่คอยช่วยเหลือคุณเวลาต่อสู้ สามารถออกคำสั่งโจมตีได้เฉพาะบางตัวละครเท่านั้น ซึ่งหลายครั้งตัวละครเหล่านี้ก็มีประโยชน์กับเรามาก
ต้องบอกปัญหาหลัก ๆ ก็คือเรื่องมุมกล้องกับการควบคุมตัวละครที่ในบางครั้งมันดูมั่วซั่วเกินไปหน่อยจนทำให้ดูอะไรแทบไม่รู้เรื่อง บางครั้งมันก็ชอบเข้าไปโจมตีศัตรูที่เราไม่อยากจะสู้ด้วย แต่ก็นั่นแหละปัญหานี้มันก็แล้วแต่คน
ไม่ชัวร์ว่า Final Fantasy XVI ในการพัฒนาแต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ Unreal Engine 4 แบบในเกม Final Fantasy VII Remake หรือ Luminous Engine ที่ถูกใช้สร้าง Final Fantasy XV กราฟิกในเกมสำหรับผมให้ความรู้สึกไม่ต่างจาก Final Fantasy XV เท่าไรนัก ถึงรายละเอียดพื้นผิวของวัตถุจะคมชัดและสมจริงมากขึ้น แต่ถ้าพูดในแง่ของความเป็นเกมระดับ Next-Gen ที่ลงให้เฉพาะ PlayStation 5 สำหรับผมคือสอบตก เพราะมันไม่ได้ต่างกันมาก แต่ถ้าคุณไม่ได้คาดหวังอะไรที่มาก Final Fantasy XVI ก็คืออีกหนึ่งเกมที่มีกราฟิกสวยงามตามยุคสมัย
ตัวเกมมีโหมดการปรับกราฟิกให้เลือกอยู่ 2 โหมดคือ Framrate และ Graphic โหมดไหนเน้นอะไรก็ตามชื่อเลยปัญหาของเกมอยู่ที่โหมด Framerate ถึงแม้รายละเอียดโลกในเกมจะถูกลดลงจนทำให้เฟรมเรตเพิ่มมากขึ้น แต่ในบางจังหวะที่มีเอฟเฟกต์เยอะมาก ๆ เฟรมเรตตกลงไปทันที ซึ่งมีหลายจังหวะเลยที่เป็นแบบนี้ จะพบได้บ่อยสุดก็แค่ช่วงแรก หลังจากนั้นมีบ้างบางครั้งแต่ไม่บ่อยเท่าไร ส่วนในโหมด Graphic รายละเอียดทุกอย่างคมชัดแต่แลกมาด้วยการลดความลื่นไหลของเกมลงไปจนเหลือ 30 FPS
มาพูดถึงดนตรีประกอบกันบ้างหลังจากที่เราพูดเรื่อง Performance กันไปแล้ว สำหรับดนตรีประกอบนี่คือตัวส่งให้อารมณ์ชั้นดีของ Final Fantasy XVI เลยก็ว่าได้ เพลงทำดีทุกเพลงจังหวะไหนควรขึ้น จังหวะไหนควรลง แต่ส่วนตัวผมคิดว่าบางครั้งมันเยอะเกินความจำเป็นไปหน่อย ทั้งๆ ที่การเล่าเรื่องตรงนั้นมันไม่ควรใส่เพลงจังหวะแบบนี้เข้าไป อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นข้อเสียเพียงจุดเดียวเท่านั้นสำหรับผมในแง่ของ Sound Design
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ารีวิวนี้คือสัมผัสแรกที่ผมได้ลอง Final Fantasy XVI ไปได้ไม่ถึง 30% ของเกมด้วยซ้ำก็ยังคงไปตัดสินทั้งเกมไม่ได้ว่ามันดีหรือไมดี แต่ถ้าให้ตัดสินจากเท่าที่เล่นก็คงต้องบอกว่า Final Fantasy XVI เป็นเกมที่ดีเลยและเหมาะกับแฟนเกมน่าใหม่มาก ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้มีความเป็น Action มากขึ้นทำให้คุณเข้าใจเกมเพลย์ง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อน แต่จุดแข็งก็สร้างจุดอ่อนใหม่ขึ้นมาคือมันไม่ต้องคิดเยอะเลยไม่ค่อยท้าทายเท่าไร นอกเสียจากเราจะพลาดท่าเอง สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรซื้อมาเล่นดีหรือเปล่าก็รออ่านรีวิว Final Fantasy XVI เต็ม ๆ จากเราได้เลยในวันที่ 29 มิถุนายนนี้