Close Menu
  • Home
  • Android
    • News
    • Tips
  • Apple
    • iPad
      • News
      • Tips
    • iPhone
      • News
      • Tips
  • WINDOWS
    • News
    • Tips
  • Gaming
    • Game Review
    • PlayStation
    • Nintendo
    • Xbox & PC
    • Mobile
  • Gadget Reviews
    • Accessories
    • Devices
  • Wearable
  • EV Car
  • Miscellaneous
    • News
    • Tips
  • Tips and Tricks
  • Video
  • Cooky Policies
  • ติดต่อโฆษณา
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
  • Home
  • Android
    • Tips & Tricks
  • Apple
    • Tips & Tricks
  • Windows
    • Tips & Tricks
  • Gaming
    • Game Review
    • In Spotlight
    • PlayStation
    • Xbox & PC
    • Nintendo
    • Mobile Games
  • Reviews
    • Mobiles & Tablets
    • Game Review
    • Accessories
  • EV Car
  • Miscellaneous
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
คุณกำลังอ่าน :Home » Mobile and Gadget » รีวิว Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G ครบครันทุกด้านในราคาสุดคุ้ม ประสิทธิภาพดี ชาร์จไว กล้อง AI 200MP และความทนทาน IP68
Mobile and Gadget

รีวิว Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G ครบครันทุกด้านในราคาสุดคุ้ม ประสิทธิภาพดี ชาร์จไว กล้อง AI 200MP และความทนทาน IP68

Redmi Note 14 Pro และ Pro+ มาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครัน กล้อง AI 200MP ประสิทธิภาพแรงจากชิปเซ็ตระดับสูง และระบบชาร์จเร็ว ตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยความทนทาน ทั้งสองรุ่นมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่เหมาะสำหรับผู้ใช้และความคุ้มค่าในราคาที่ต่างกัน
11 มกราคม 2025Updated:17 กุมภาพันธ์ 20256 Mins Read

Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G ครบครันทุกมิติ ทั้งประสิทธิภาพ ความทนทาน กล้อง AI 200MP และระบบชาร์จไว 120W

8.0 ตัวทีเด็ดของราคาเบาๆ!

Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่วางสเปคมาได้อย่างครบครันทุกด้าน ภายใต้ระดับราคาที่เข้าถึงไม่ยาก มีประสิทธิภาพการประมวลผลแรง จากชิป Snapdragon 7s Gen 3 และ Dimensity 7300-Ultra
ได้กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 200MP ที่มีโหมดการปรับแต่งภาพก่อนและหลังการถ่ายด้วย AI สามารถติดตัวไปท่องเที่ยวหรือใช้ในการทำงานได้หายห่วง
ระบบนิ่ง ความสามารถเยอะ มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และระบบชาร์จไวที่โดดเด่น โดยเฉพาะรุ่น Pro+ ที่มาพร้อมกับระบบชาร์จไว 120W HyperCharge เลยทีเดียว ชาร์จแบตเต็มได้ในเวลา 19 นาที
งานประกอบเลือกใช้วัสดุมีความทนทานสูง ทั้งฝาหลังและกระจกหน้าจอ ผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
ด้วยคุณสมบัติที่ครอบคลุมหมด ทำให้แต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ในทุกสไตล์การใช้ชีวิต ไม่ว่าจะใช้งานเบาๆ อยู่กับบ้าน หรือใช้ทำงานนอกบ้านที่ต้องลุยแดดลุยฝน

ประสิทธิภาพดีครบ และคุ้มกับราคาจำหน่าย หากใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองทุกความต้องการในราคาคุ้มค่า สองรุ่นนี้ห้ามพลาดในการนำไปพิจารณา

The Good
  1. หน้าจอ AMOLED คุณภาพสูง: ความละเอียด 1.5K, รองรับ HDR10+, Dolby Vision, รีเฟรชเรต 120Hz
  2. ความทนทานสูง: ได้มาตรฐาน IP68, กระจก Corning Gorilla Glass Victus 2
  3. กล้อง 200MP AI: พร้อมเทคโนโลยี Pixel Binning และระบบกันสั่น OIS
  4. แบตเตอรี่ 5110mAh: ใช้งานได้ยาวนาน รองรับระบบชาร์จไว 120W สำหรับรุ่น Redmi Note 14 Pro+ 5G และ 45W สำหรับรุ่น Redmi Note 14 Pro 5G
  5. ระบบปฏิบัติการ HyperOS: เสถียร, ฟีเจอร์ AI เสริมมากมาย
  6. ดีไซน์หรูและจับถนัดมือ ด้วยขอบเครื่องโค้งและการทำลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์
  7. รองรับการใช้งาน eSim ได้แทนซิมในสล็อตที่สอง
The Bad
  1. ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
  2. ไม่รองรับ microSD Card
  • ความคุ้มค่าต่อราคา 9
  • ประสิทธิภาพ 8
  • วัสดุและการประกอบ 8
  • กล้องถ่ายรูป 7.5
  • ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน 7.5

Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ Xiaomi เปิดตัวออกมาพร้อมกัน เด่นที่คุณสมบัติรอบตัวครบตามต้องการของผู้ใช้ได้ครบมาก ตั้งแต่สายถ่ายภาพ สายเกม ไปจนถึงผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนที่มีความทนทานและรองรับการใช้งานหนัก โดยทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่เด่นในด้านการใช้ชิปเซ็ตที่มีความแรงพอตัว มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูง บวกกับกล้อง AI ที่มีความละเอียดสูง และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่รองรับการชาร์จเร็ว

รวมถึงดีไซน์ที่หรูหราและดูแปลกใหม่ เสริมความทนทานให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย โดยในรีวิวนี้เราจะนำมาให้รู้จักกับ Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G แม้ทั้งคู่จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้ด้วยคุณสมบัติหลายอย่างที่เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างหลายด้าน และราคาจำหน่ายที่แตกต่างกัน เรามาดูรายละเอียดด้านล่างกันได้เลย

ในบทความนี้

  • จุดเด่นที่เหมือนกันของ Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G
  • ความแตกต่างระหว่าง Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G
  • Redmi Note 14 Pro 5G ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Ultra และระบบช่าร์จระดับ 45W
  • น้ำหนักและดีไซน์
  • สรุปท้ายรีวิว
  • ราคาและโปรโมชั่น

จุดเด่นที่เหมือนกันของ Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G

หน้าจอ AMOLED คุณภาพสูงความละเอียด 1.5K CrystalRes

ทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอเดียวกันเป็นจอขอบโค้งขนาด 6.67 นิ้ว CrystalRes AMOLED มีความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล หรือที่เรียกว่าความละเอียด 1.5K สีสันสดใสในสไตล์จอ AMOLED สีดำดูดำสนิท รีเฟรชเรทสูง 120Hz และค่าความสว่างก็สูงมากด้วยเช่นกัน เพราะจอทั้งสองรุ่นรองรับค่าความสว่างสูงสุดถึง 3000nits

Advertisement
Advertisement
Advertisement

การแสดงสีระดับ 12-bit Contrast ratio 5,000,000:1 รองรับเทคโนโลยี Dolby Vision, HDR10+ ดูหนังได้เต็มสายตาเพราะขอบจอแทบไม่มี เหมาะทั้งใช้ในการดูวิดีโอและเล่นเกม

ในด้านการถนอมสายตาก็ผ่านการรับรองมาหมด จากทั้ง TÜV Rheinland เช่นเรื่อง Low Blue Light Certification และ Flicker Free Certification ช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการใช้งานเป็นเวลานาน

เป็นจอที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง และสแกนใบหน้าด้วยกล้องหน้า 20MP ได้ด้วยเช่นกัน ในด้านของระบบเสียง ก็ให้มาเป็นลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับ Dolby Atmos ฉะนั้นทั้งสองรุ่นนี้ในเรื่องภาพและเสียงผ่านมาตรฐานทั้งคู่ จอสวยเสียงดี ดูหนังเล่นเกมคุ้มกับราคา

ใช้งานในที่ร่มก็ไม่รบกวนสายตาเรามากเกินไป ใช้งานในที่แจ้งก็เห็นภาพได้ชัดเจน

ความทนทานระดับสูง

Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G ถูกผลิตมาในมาตรฐานความทนทานสูง โดยมีมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่น IP68 ที่สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย

สามารถโดนฝนตกหนัก หรือถ้าเครื่องเลอะมากก็นำไปล้างน้ำสะอาดได้ โดยตามมาตรฐานของ IP68 ตกแช่น้ำไม่เกิน 1.5 เมตรในเวลาไม่เกิน 30 นาทีเครื่องก็ยังไม่เป็นอะไร

ในเรื่องของกระจกจอด้านหน้าก็ใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 ที่ช่วยป้องกันลดแรงกระแทกได้ดี ลดโอกาสเกิดความเสียหายรุนแรงเมื่อตกจากที่สูงไม่เกิน 2 เมตร และยังลดการเกิดแสงสะท้อนในเวลาใช้งานกลางแจ้ง ซึ่งเข้ากันกับจอ CrystalRes AMOLED ที่มีความสดของสีและมีความสว่างที่สูง ภาพจะได้ดูใสๆ สีแจ่มๆ ^^ และหน้าจอของทั้งสองรุ่นนี้ยังรองรับฟีเจอร์ Wet Touch 2.0 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถใช้งานหน้าจอได้ดีแม้ในขณะที่มือเราเปียกน้ำ นิ้วเราที่เปียกเหงื่อ หรือหน้าจอโดนละอองฝน ลองทัชบนตัวอุปกรณ์ก็ยังสามารถรับคำสั่งได้อยู่

ขอบเครื่องดูบางเพราะเป็นขอบโค้ง โครงเครื่องแกร่งแข็งแรง จับสัมผัสรู้สึกได้ถึงงานประกอบที่แน่นหนา ปุ่มกดต่างๆ โดนทดสอบความทนทานมาหมดแล้ว ไม่เสื่อมสภาพง่ายๆ แน่นอน

โดยทั้งคู่จะติดตั้ง IR Blaster เป็นอินฟราเรดสำหรับการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ มีมาเป็นมาตรฐานตามสไตล์ของ Redmi เขาเลย แต่ทั้งสองรุ่นจะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรง

การเชื่อมต่อไร้สายก็รองรับทั้ง NFC, IR Blaster, และ Bluetooth 5.4 เชื่อมต่อ WiFi ได้ทั้ง 2.4 และ 5.0Ghz รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ 5G ทั้งสองซิม ไม่รองรับ microSD Card เพิ่มเติม เป็นถาดใส่ซิมแบบ 2 สล็อต

แต่ทั้งคู่รองรับการใช้งาน eSIM ได้ แต่ต้องเลือกใช้ระหว่างช่องซิมการ์ดที่ 2 หรือจะใช้ eSIM ทำงานได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

กล้อง AI 200MP ultra-clear ความละเอียดสูง 200MP

ทั้ง Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5Gทั้งสองรุ่นจะให้ชุดกล้องหลังมาเหมือนกันทุกประการ รวมถึงกล้องหน้าด้วยเช่นกัน โดยกล้องหลังตัวหลักจะมาพร้อมกล้อง AI ที่มีความละเอียดสูง 200MP เทคโนโลยี 16-in-1 Pixel Binning และติดตั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS ทำงานร่วมกับกล้อง 8MP Ultra-WIde และกล้อง 2MP สำหรับการถ่ายภาพมาโคร

กล้องทั้งสองรุ่นไม่ได้มีความแตกต่างกันที่เห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องของคุณภาพ และโหมดการถ่ายภาพ เหมือนกันมาก

ทาง Redmi ได้พัฒนาระบบ AI Imaging Engine เข้ามาช่วยปรับปรุงภาพโดยอัตโนมัติ แค่เล็งแล้วถ่าย ตัว AI คอยปรับแต่งสีและโทนแสงให้เอง โฟกัสได้ไว คุณภาพถือว่าพอใช้ได้ รองรับการซูมภาพตั้งแต่มุมกว้าง 0.6x ไปจนถึงซูมดิจิทัลที่ 30x จากที่ทดสอบ การซูมในระดับประมาณ 4x ภาพยังดูคมอยู่เลย เป็นระดับการซูมที่เครื่องควบคุมได้อยู่

มีโหมดครบทั้งมาโคร, มุมกว้าง, ภาพกลางคืน ติดตัวเอาไว้ใช้ถ่ายเล่นตอนไปท่องเที่ยวได้เลย

1x
4x

โหมดถ่ายภาพบุคคลมีฟิลเตอร์มาให้เลือกใช้เยอะเลย แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับบิวตี้ปรับแต่งใบหน้า โดยกล้องทั้งสองรุ่นนี้สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ 2 ระยะ เป็นการถ่ายในระยะ 23mm กับ 46mm ภาพออกมาดูดีทั้งสองระยะ

23mm
46mm

ส่วนกล้องหน้า 20MP ก็สามารถถ่ายภาพหนัาชัดหลังเบลอได้ มาพร้อมกับการปรับบิวตี้และเลือกระดับชัดลึกได้เช่นกัน ให้อารมณ์ภาพแบบใสๆ สไตล์กล้องวัยรุ่น

โหมดถ่ายภาพอาจจะมีไม่เยอะมากนักแบบเครื่องเรือธง แต่ก็มีโหมดเฉพาะตัวอย่างการถ่ายภาพในระดับความละเอียด 200MP โหมดนี้ช่วยทำให้เราสามารถถ่ายก่อนแล้วนำมาครอปใช้บางส่วนของภาพในภายหลัง โดยภาพที่ตัดครอบแล้วก็ยังชัด

ภาพเต็มของโหมด 200MP
ไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่
สามารถนำมาครอบตัดใช้บางส่วนได้คมชัด

ตัวระบบแก้ไขภาพหลังการถ่ายของ Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5Gสามารถเลือกชัดลึกชัดตื่นได้ใหม่หลังการถ่าย รวมถึงการปรับตำแหน่งลายน้ำของภาพซะใหม่ ลากไปวางตรงไหนก็ได้ และยังสามารถปรับระดับคุณภาพและขนาดของภาพที่ถ่ายได้แล้วได้ เพื่อปรับให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการจะนำไปใช้งานได้ด้วยแอปรูปภาพภายในเครื่องเลย

ฟีเจอร์เสริมอย่าง AI สามารถเข้ามาช่วยปรับแต่งภาพหลังการถ่ายได้สนุก โดยใน Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G มี AI ที่สามารถเปลี่ยนท้องฟ้าและการจำลองแสงกลางวันแสงกลางคืนได้ด้วย AI ตัวระบบจะรับรู้ได้เองว่าส่วนใดของภาพเป็นท้องฟ้า และปรับเปลี่ยนมันไปเป็นสภาพอากาศแบบอื่นได้ รวมถึงการเปลี่ยนท้องฟ้าในยามเที่ยงกลายเป็นเที่ยงคืนก็ได้เช่นกัน ^^

เปลี่ยนท้องฟ้าในวันฟ้าหม่น ให้กลายเป็นฟ้าแบบเมืองนอกไปเลยก็ได้

สำหรับการแต่งภาพบุคคล เรามี AI Beautify ที่สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมจากในไฟล์ภาพหลังการถ่ายไปแล้ว เช่น ถ้าหน้านางแบบไม่ใสมากพอ แสงลงจนดูมีเงา เราสามารถใช้ความสามารถ “พอร์ตเทรต HD” เกลี่ยใบหน้าได้ รวมถึงปรับร่างกายและใบหน้าได้ทุกส่วน อยากปรับรูปร่างสูง ผอม อ้วน เอาบาง ก็ปรับได้ด้วยแอปจัดการภาพในเครื่องได้เลย รับรองว่าหน้าใส หุ่นเป๊ะ ขอบภาพไม่เบี่ยวแน่นอน ^^

มีตัว AI Erase สำหรับการลบวัตถุและบุคคลในภาพ สามารถลบได้เนียนแค่วงในสิ่งที่ต้องการจะลบ ตัว AI จะระบุวัตถุนั้นให้ หรือจะเลือกด้วยการทัชเองเพื่อลบก็ได้เช่นกัน

ก่อนลบส่วนเกิน (ผมเอง)
หลังลบส่วนเกิน (ก็ผมเอง)

โดยจะมีความสามารถที่เข้ามาเพิ่มเติมอีก เช่น AI Erase Pro การลบวัตถุในขั้นที่ละเอียดได้มากขึ้น และ AI Expansion การขยายภาพเพิ่มเติมไปจากต้นฉบับ รวมถึง AI Film ที่เพิ่มลูกเล่นการสร้างคลิปสำหรับผู้ที่ชอบสร้างคอนเทนต์ ซึ่งทั้งหมดเป็นความสามารถด้าน AI ที่จะมีมาให้ใช้ในการอัปเดตประมาณสิ้นเดือนมกราคม 2568

ระบบปฏิบัติการ HyperOS พร้อม Circle to Search

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ HyperOS ที่พัฒนาโดย Xiaomi ครอบทับบน Android 14 ระบบ HyperOS ที่ในปัจจุบันทาง Redmi ได้นำมาใช้เป็น UI หลักของระบบมาหลายรุ่น มีความเสถียรสูง ปัญหาน้อย ไร้โฆษณากวนใจ

เกาะประเด็น:  รีวิว iQOO Neo 10 เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ สเปกแรง! จัดเต็มแม็กซ์ 7000mAh

ซึ่งได้ฟังก์ชั่น Circle to Search มาจาก Google แล้วทั้งสองรุ่น เป็นฟังก์ชั่นที่ผมชอบจริงๆ การทำงานเล็กๆ ที่สะดวกมาก อยากหาอะไรก็แค่กดปุ่มโฮมค้าง แล้ววง สำหรับการค้นหาเฉพาะจุดแบบเจาะจง ง่ายกว่าระบบ Google Lens ตัวเดิม

ระบบ HyperOS สามารถกำหนดระดับประสิทธิภาพที่เราต้องการใช้งานได้เอง มีตั้งแต่โหมดสมดุล ที่จะควบคุมบาลานซ์ระหว่างประสิทธิภาพและการใช้พลังงานให้เหมาะสมที่สุด และมีโหมดประสิทธิภาพสูงที่เน้นการตอบสนองว่องไวแต่อาจจะกินพลังงานมากกว่าปกติสักหน่อย และสุดท้ายคือโหมดที่เน้นประหยัดพลังงานเป็นหลัก ทั้งสามโหมดสลับใช้งานได้เองในการตั้งค่าพลังงานแบตเตอรี่

มีฟังก์ชั่นที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้เยอะ เป็นระบบที่มีธีม, วอลล์เปเปอร์ และเสียงเรียกเข้าเอาไว้แจกฟรี เยอะแยะอยู่เช่นเดิม แม้จะมีการขายหรือการแสดงโฆษณาก่อนดาวน์โหลดอยู่บ้างก็ตาม แต่อีกหลายๆ แบรนด์เริ่มไม่มีของเหล่านี้แจกฟรีให้มาสักระยะแล้ว

รวมถึงระบบดูแลความปลอดภัย การสแกนไวรัส ไฟล์ขยะ รวมถึงระบบล็อคแอปด้วยรหัสผ่าน มีมาให้เช่นเดิม

ใน HyperOS ยังใส่ฟังก์ชั่นให้เราสามารถสแกนอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองได้ด้วยนะ โดยการใช้ที่สแกนลายนิ้วมือในการตรวจจับหัวใจ เอาไว้ทดสอบในยามต้องการแบบฉุกเฉิน หาอุปกรณ์อะไรมาวัดไม่ได้

ความแตกต่างระหว่าง Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G

สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างสมาร์ตโฟนสองรุ่นนี้คือด้านประสิทธิภาพเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดที่สุด เพราะใช้ชิปเซ็ตระดับกลาง-บนจากต่างค่ายกัน และให้เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน มาดูกันว่าแต่ละรุ่นให้ประสิทธิภาพมาเป็นอย่างไรกันบ้าง

Redmi Note 14 Pro+ 5G : ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 และระบบชาร์จระดับ 120W

Redmi Note 14 Pro+ 5G : ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 4 นาโนเมตร แน่นอนว่าชิปตัวนี้ให้ประสิทธิภาพการประมวลผลที่รวดเร็ว รองรับการใช้งานหนักๆ ได้เต็มที่ เช่น การเล่นเกมกราฟิกสูง หรือการตัดต่อวิดีโอ ได้คะแนนทดสอบ AnTuTu อยู่ที่ประมาณ 720,000 คะแนน ถือว่าเป็นตัวที่ค่อนข้างสูงในตลาดระดับกลางในปัจจุบัน

ประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไปแรงเพียงพอสบายๆ สามารถเล่นเกมได้แบบจริงจัง แม้จะไม่แรงเท่าเครื่องรุ่นใหญ่ระดับท็อป แต่ในงบเท่านี้ได้แรงขนาดนี้ถือว่าเพียงพอ และคุ้มกับราคามากเลย

ให้ RAM มาเป็นเทคโนโลยี LPDDR4X และหน่วยความจำ UFS2.2 มีเข้ามาขนาดเดียวคือ 12GB+512GB ให้หน่วยความจำมาใหญ่ใช้ได้เลย และตัว RAM ยังสามารถขยายได้เพิ่มอีก 6GB ด้วยพื้นที่หน่วยความจำที่ยังไม่ใช้งาน

Redmi Note 14 Pro+ 5G จะมีความพิเศษตรงที่จะรองรับฟีเจอร์ AI ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เช่น AI Notes หรือ “บันทึกย่อ” ใช้สำหรับบันทึกพร้อมกับความสามารถด้าน AI ในการพิสูจน์อักษรให้เราได้ หรือแปลภาษาบันทึกนั้นให้เป็นภาษาอื่นได้

พร้อมการสรุปเนื้อหาและจัดเค้าโครงใหม่ให้เราอ่านได้สะดวกและเป็นระบบมากขึ้น โดยรองรับการใช้งานในปัจจุบันได้มากกว่า 30 ภาษาแล้ว มีครบทุกภาษาหลัก เช่น อังกฤษ, สเปน, จีน, รวมถึงภาษาไทย พร้อมใช้ได้เลยไม่ต้องรออัปเดท

มีความสามารถในการแปลภาษา AI Interpreter ซึ่งใช้ได้ทั้งการแปลจากเสียงที่กำลังได้ยิน เช่นเสียงผู้บรรยายในห้องประชุม หรือใช้เป็นล่ามแปลภาษาในระหว่างเราสนทนากับชาวต่างชาติแบบตัวต่อตัว ต่อหน้ากัน จะช่วยแปลให้เราเห็นได้แบบเรียลไทม์เลย

และ AI Subtitles ซึ่งเป็นการแปลจากเสียงแบบเรียลไทม์ แต่สามารถรองรับทั้งเสียงที่มาจากไมโครโฟน และเสียงที่มาจากในระบบของเครื่องเอง เช่นการเปิดคลิปในเครื่อง การเล่นเสียงที่บันทึกไว้ หรือจากแอปพลิเคชั่นใดๆ ที่มีเสียงออกจากภายในระบบของเครื่องเอง เราแค่ระบุภาษาต้นทางและภาษาปลายทางที่ต้องการให้แปล ตัว AI จะสามารถจับแปลให้เราเข้าใจได้แบบตลอดเวลา

พร้อมกับสามารถทำงานแบบเป็นป๊อบอัปหน้าต่างเล็กๆ เพื่อไม่บดบังเวลาเราใช้งานคู่กับแอปอื่น ทำให้เราสามารถดูรายการ ดูหนัง ที่ไม่มีการแปลหรือบรรยายภาษาไทยได้รู้เรื่องมากขึ้น

Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังมีแอปบันทึกเสียงที่ทำงานร่วมกับ AI ได้ด้วยนะ สามารถถอดข้อความออกมาจากเสียงที่บันทึก ซึ่งทำงานได้ฉลาดมาก เพราะสามารถถอดเสียงออกมาโดยการแยกระบุผู้พูด (เราสามารถตั้งชื่อผู้พูดแต่ละคนได้)

รวมทั้งสามารถให้ AI แปลภาษาจากเสียงที่ถอดออกมาได้เลย และยังทำเป็นสรุปออกมาให้เราอ่านง่ายมากขึ้นได้อีกด้วย เรียกว่าครบเลยสำหรับความสามารถในการบันทึกเสียงของ Redmi Note 14 Pro+ 5G

Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังมีฟังก์ชั่นที่พิเศษของตัวเอง เป็นความสามารถที่รองรับการสั่งงานโดยการแตะที่ฝาหลัง สามารถกำหนดค่าได้ว่าการแตะที่ฝาหลังสองที และแตะสามที จะให้ตัวเครื่องเปิดการทำงานอะไรขึ้นมา เพิ่มเป็นทางลัดในการเรียกใช้งานได้อีกรูปแบบหนึ่ง

ในเรื่องของแบตเตอรี่ Redmi Note 14 Pro+ 5G จะมีแบตขนาด 5110mAh ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับ Redmi Note 14 Pro 5G แต่สิ่งที่เป็นความยอดเยี่ยมของตัว Redmi Note 14 Pro+ 5G คือรองรับระบบชาร์จไว 120W HyperCharge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 5110mAh ได้เต็มในเวลาเพียง 19 นาที! เร็วระดับความไวแสง เสียบชาร์จและแวะเข้าห้องน้ำ ออกมาแบตเต็ม! แถมยังคุมความร้อนได้ดี แม้จะชาร์จไวแต่ความร้อนไม่ได้มากมายจนต้องรู้สึกเป็นกังวล ต่อให้ชาร์จไปด้วยและใช้งานไปด้วยก็ตาม

ความเร็วการชาร์จระดับ 120W เทคโนโลยีนี้ยอดเยี่ยมมาก มีให้ใช้แล้วใน Redmi Note 14 Pro+ 5G ซึ่งอุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีที่ชาร์จ 120W HyperCharge แถมมาให้เลย พร้อมเคสซิลิโคน และสายดาต้า USB Type-C

Redmi Note 14 Pro 5G : ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Ultra และระบบช่าร์จระดับ 45W

Redmi Note 14 Pro 5G : ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Ultra เป็นชิปที่ร่วมพัฒนามาเป็นพิเศษระหว่าง Redmi และ MediaTek มีประสิทธิภาพใกล้เคียงไม่ต่างกันมากกับ Snapdragon 7s Gen 3 ที่ใช้ในรุ่น Pro+  ถูกผลิตด้วยกระบวนการ 4 นาโนเมตรมาไม่ต่างกัน ได้คะแนนทดสอบ Antutu อยู่ที่ประมาณ 620,000 คะแนน

เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกม เพียงพอต่อการใช้งานกับทุกแอปพลิเคชั่นใน Google Play Store แต่ในตัว Redmi Note 14 Pro 5G จะไม่มีฟังก์ชั่น AI ในด้านการแปลภาษาจากทาง Redmi ใส่เข้ามาให้นะครับ ถ้าต้องการใช้อาจจะต้องติดตั้งเองจากแอปพลิเคชั่นที่มีความสามารถด้านการแปลภาษาจากใน Play Store เอาเอง

Redmi Note 14 Pro 5G ใช้เทคโนโลยี RAM LPDDR4X และหน่วยความจำ UFS2.2 เหมือนกับรุ่น Redmi Note 14 Pro+ 5G มีเข้ามาจำหน่ายไทยในขนาด RAM 12GB + 256GB ตั

edmi Note 14 Pro 5G จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5110mAh รองรับการชาร์จเร็ว 45W Turbo Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วมากพอตัว ใช้เวลาประมาณแค่ 45 นาทีเท่านั้นในการชาร์จแบตให้เต็ม 100%

ภายในกล่องของ Redmi Note 14 Pro 5G ก็จะมีที่ชาร์จ 45W  แถมมาให้ เคสซิลิโคน และสาย USB Type-C

น้ำหนักและดีไซน์

Redmi Note 14 Series ในแต่ละรุ่นแต่ละสี จะมีลวดลายฝาหลังที่แตกต่างกันในแบบเฉพาะตัว ใช้เทคนิคการผลิตและออกแบบที่ต่างกันชัดเจน

โดยตัว Redmi Note 14 Pro+ 5G จะมาในสี Frost Blue, Midnight Black และสีที่เห็นในรีวิวนี้คือ Lavender
Purple สีโทนม่วงที่ให้ผิวสัมผัสแบบหนังเทียม

ออกแบบลวดลายคล้ายการเย็บตลอดแนวฝาหลังซ้ายขวา นุ่มมือเวลาถือ ไม่เกิดคราบมัน ไม่ลื่นมือ แต่เช็ดทำความสะอาดง่ายเพราะไม่ยึดติดกับคราบสกปรก มีน้ำหนักตัวเครื่องประมาณ 205.13 กรัม

ส่วนตัว Redmi Note 14 Pro 5G จะมาในสี Corel Green, Midnight Black และ Lavender Purple ซึ่งสีที่เห็นในรีวิวนี้คือ Corel Green เป็นสีที่ทำลวดลายแปลกตาดีครับ แยกตัดกันเป็นสี่ส่วน สองโทนสองพื้นผิว แต่เป็นวัสดุชิ้นเดียว เวลาสะท้อนแสงจะเห็นลวดลายของฝาหลังในลายนี้ได้ชัดเจน

ตัวเครื่องของ Redmi Note 14 Pro 5G  จะมีน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย น้ำหนักของสี Corel Green อยู่ที่ 190 กรัมเท่านั้น ด้วยตัวเครื่องขอบโค้ง มีความบางเบา พกพาง่าย ใช้งานในชีวิตประจำวันได้คล่องตัวสบายๆ

สรุปท้ายรีวิว

Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่วางสเปคมาได้อย่างครบครันทุกด้าน ภายใต้ระดับราคาที่เข้าถึงไม่ยาก มีประสิทธิภาพการประมวลผลแรง จากชิป Snapdragon 7s Gen 3 และ Dimensity 7300-Ultra
ได้กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 200MP ที่มีโหมดการปรับแต่งภาพก่อนและหลังการถ่ายด้วย AI สามารถติดตัวไปท่องเที่ยวหรือใช้ในการทำงานได้หายห่วง
ระบบนิ่ง ความสามารถเยอะ มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และระบบชาร์จไวที่โดดเด่น โดยเฉพาะรุ่น Pro+ ที่มาพร้อมกับระบบชาร์จไว 120W HyperCharge เลยทีเดียว ชาร์จแบตเต็มได้ในเวลา 19 นาที
งานประกอบเลือกใช้วัสดุมีความทนทานสูง ทั้งฝาหลังและกระจกหน้าจอ ผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
ด้วยคุณสมบัติที่ครอบคลุมหมด ทำให้แต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ในทุกสไตล์การใช้ชีวิต ไม่ว่าจะใช้งานเบาๆ อยู่กับบ้าน หรือใช้ทำงานนอกบ้านที่ต้องลุยแดดลุยฝน

ประสิทธิภาพดีครบ และคุ้มกับราคาจำหน่าย หากใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ตอบสนองทุกความต้องการในราคาคุ้มค่า สองรุ่นนี้ห้ามพลาดในการนำไปพิจารณา

ราคาและโปรโมชั่น

Redmi Note 14 Pro+ 5G รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 14,990 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Lavender Purple, Frost Blue และ Midnight Black

พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2568 ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าสั่งซื้อ Redmi Note 14 Pro+ 5G ในระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2568 รับฟรีของแถมมูลค่ารวม 13,790 บาท

  • Redmi Note 14 Series x BamBam Exclusive Gift Set
  • ประกัน VIP Service

Redmi Note 14 Pro 5G รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 11,990 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Lavender Purple และ Coral Green ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 14 Pro 5G ในระหว่างวันที่ 11 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 รับฟรีของแถมมูลค่ารวม 11,290 บาท

  • Redmi Watch 5 Active
  • ประกัน VIP Service

นอกจากนี้ เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G ทั้งสองรุ่น ได้รับสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีเข้าร่วมงาน Iconic Fan Meet สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ BamBam ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สยามพารากอน โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อลุ้นเป็น 1 ใน 150 lucky Fans จาก QR Code ด้านล่าง 

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page ของ Xiaomi Thailand

Advertisement
Dimensity 7300-Ultra hypercharge Redmi Redmi Note 14 Pro+ Redmi Note 14 Series Review Snapdragon 7s Gen 3 Xiaomi กล้อง AI รีวิว สมาร์ทโฟน
Google News YouTube
Share. Facebook Twitter LinkedIn Email Copy Link
Avatar photo
Noppinij
  • Website
  • Facebook
  • X (Twitter)

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Advertisement
Advertisement

Related Posts

Android

แท็บเล็ตเกมมิ่งรุ่นเล็ก Redmi K Pad โผล่บน Geekbench ใช้ชิป Dimensity 9400+ พร้อม Android 15

14 มิถุนายน 2025
Miscellaneous

หลุดหมด! Xiaomi Smart Band 10 มาพร้อมจอ AMOLED 1.72 ฟีเจอร์แน่น

6 มิถุนายน 2025
8.1
Devices

รีวิว iQOO Neo 10 เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ สเปกแรง! จัดเต็มแม็กซ์ 7000mAh

5 มิถุนายน 2025
7.6
Devices

รีวิว realme C71 สมาร์ตโฟนสุดคุ้ม บางเบา สวยงาม แบตอึดที่สุดในรุ่น

4 มิถุนายน 2025
News

หลุดสเปก Xiaomi 16: ชิป Snapdragon 8 Elite 2, กล้อง 50MP 3 ตัว และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่

29 พฤษภาคม 2025
Android

Huawei และ Xiaomi ครองอันดับสูงสุดในการจัดส่งสมาร์ทโฟนในจีน ไตรมาสแรกปี 2025

25 พฤษภาคม 2025
What Score?
8.1
Devices

รีวิว iQOO Neo 10 เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ สเปกแรง! จัดเต็มแม็กซ์ 7000mAh

By Noppinij5 มิถุนายน 2025283 Views
7.6
Devices

รีวิว realme C71 สมาร์ตโฟนสุดคุ้ม บางเบา สวยงาม แบตอึดที่สุดในรุ่น

By Noppinij4 มิถุนายน 2025
8.4
Your Updates

รีวิวหัวชาร์จ CUKTECH AD1003 120W ชาร์จเร็วครบ! ทุกเรือธงแบรนด์จีน

By Noppinij14 พฤษภาคม 2025
48
Xbox & PC World

Review : Scarred เกมสยองขวัญจากสิงคโปรที่ยังขาดความน่ากลัว

By Teethasade Isarankura Na Ayudhaya6 พฤษภาคม 2025

On AppDisqus Channel

3 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดดูงาน Apple WWDC 2025 คืนวันจันทร์นี้

Follow Us
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
  • TikTok
Latest
Gaming

Sony ปลดล็อกภูมิภาค Steam สำหรับเกม PlayStation ที่พอร์ตลงแล้ว

By Teethasade Isarankura Na Ayudhaya14 มิถุนายน 2025

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025

iOS 26 ส่องฟีเจอร์ใหม่ที่ Android เคยมีมาก่อนแล้วหลายปี

14 มิถุนายน 2025

แท็บเล็ตเกมมิ่งรุ่นเล็ก Redmi K Pad โผล่บน Geekbench ใช้ชิป Dimensity 9400+ พร้อม Android 15

14 มิถุนายน 2025

ข้อมูล Nothing Phone 3 วันวางจำหน่าย ราคา สเปก และอื่นๆ

13 มิถุนายน 2025
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Gaming

Sony ปลดล็อกภูมิภาค Steam สำหรับเกม PlayStation ที่พอร์ตลงแล้ว

14 มิถุนายน 2025
Apple

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025
Android

iOS 26 ส่องฟีเจอร์ใหม่ที่ Android เคยมีมาก่อนแล้วหลายปี

14 มิถุนายน 2025
Android

แท็บเล็ตเกมมิ่งรุ่นเล็ก Redmi K Pad โผล่บน Geekbench ใช้ชิป Dimensity 9400+ พร้อม Android 15

14 มิถุนายน 2025
แอพดิสคัส
Facebook X (Twitter) Instagram YouTube TikTok
  • Home
  • ติดต่อโฆษณา
  • Cookies Policy & Settings
© 2025 APPDISQUS.COM APPDISQUS : A Source You Can Trust.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าคุกกี้อนุญาตทั้งหมด
ตั้งค่าความยินยอม

Privacy Overview

AppDisqus.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานในขณะที่คุณกำลังอ่านและรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ โดยในบรรดาคุกกี้เหล่านี้ คุกกี้ประเภทข้อมูลที่จำเป็นนั้นจะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณเองที่ใช้สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าคุกกี้เหล่านี้เป็นคุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ นอกจากนี้เรายังใช้คุกกี้บุคคลที่สามเพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และเข้าใจการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ของคุณมากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้เหล่านี้จะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น และจะจัดเก็บได้ก็ต่อเมื่อคุณได้การอนุญาต ทั้งนี้คุณสามารถจัดการกับการตั้งค่าคุกกี้ของคุณได้เสมอผ่านทางเมนูการตั้งค่านี้

อย่างไรก็ตาม การปิดการใช้งานคุกกี้บางประเภทอาจทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของคุณได้
ข้อมูลจำเป็น
Always Enabled
คุกกี้บางประเภทนั้นจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้งานเพื่อทำให้เว็บไซต์สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ครบฟังก์ชั่นกับผู้ใช้งานได้ โดยคุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เราคงเซ็สชั่นการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณเอาไว้ ตลอดจนป้องกันสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ทั้งนี้ คุกกี้ประเภทนี้จะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น คุกกี้ประเภทนี้จะใช้เพื่อให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบและคงสถานะการเข้าระบบของคุณบนเว็บเว็บไซต์เราเอาไว้ได้นั่นเอง
CookieDurationDescription
AWSALBCORS7 daysAmazon Web Services ใข้คุกกี้นี้เพื่อเป็นการใช้งานฟังก์ชั่น load balancing หรือการกระจายโหลดเซิร์ฟเวอร์
cf_use_obpastCloudflare ใช้คุกกี้นี้เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ เพื่อประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชม
cookielawinfo-checkbox-analytics11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ข้อมูลสถิติ"
cookielawinfo-checkbox-functional11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ฟังก์ชั่นการทำงาน"
cookielawinfo-checkbox-necessary11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "จำเป็น"
cookielawinfo-checkbox-others11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "อื่นๆ"
cookielawinfo-checkbox-performance11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ประสิทธิภาพ"
JSESSIONIDsessionคุกกี้ JSESSIONID ถูกใช้โดย New Relic เพื่อเป็นการเก็บไอดีจำเพราะในการเข้าใช้งานของผู้ใช้งานเพื่อให้ New Relic สามารถติดตามและตรวจนับเซ็ตชั่นการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้
viewed_cookie_policy11 monthsคุกกี้นี้ใช้เพื่อเป็นการเก็บความยินยอมในการอนุญาตให้จัดเก็บและใช้งานคุกกี้ของผู้ใช้งาน โดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ใช้งานแม้แต่น้อย
ข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงาน
คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงานที่อาจไม่ได้จำเป็นที่สุดบนหน้าเว็บไซต์ AppDisqus.com ยกตัวอย่างเช่นฟังก์ชั่นการฝังสื่อประเภทวิดีโอและปุ่มการแชร์บทความไปยังโซเชียลมีเดียต่างๆ บนเว็บไซต์เป็นต้น
ข้อมูลประสิทธิภาพ
คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อวิเคราะห์ความเข้าใจในประสบการณ์การทำงานของเว็บไซต์ต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลสถิติ
คุกกี้ประเภทนี้จะจัดเก็บข้อมูลประเภทสถิติ เช่นตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์ ตัวเลข UIP หรือผู้ใช้งานที่นับต่อ IP ข้อมูลหน้าเว็บไซต์ที่ถูกเข้าถึงบ่อยที่สุด ข้อมูลแหล่งที่มาของการเข้าถึง และอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์เราได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนชี้ให้เห็นว่าเราควรปรับปรุงในเรื่องใดเพื่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นของผู้ใช้งาน
CookieDurationDescription
_ga_CE4TLMWX4S2 yearsคุกกี้ถูกติดตั้งโดย Google Analytics เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
_gid1 dayติดตั้งโดย Google Analytics โดย คุกกี้ _gid นี้ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของผู้เข้าชม ในขณะเดียวกันก็ยังใช้ในการจัดทำสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วย โดยข้อมูลที่เก็บนั้นยกตัวอย่างเช่นจำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา และหน้าที่ผู้เข้าชมเปิดอ่านโดยไม่เปิดเผยตัวตนของผู้เข้าชม
ข้อมูลเพื่อการโฆษณา
คุกกี้ประเภทโฆษณาจะช่วยให้เราสามารถเผยแพร่โฆษณาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้เข้าชมเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้ประเภทนี้จะติดตามการใช้งานในเว็บไซต์ AppDisqus เท่านั้นเพื่อการเผยแพร่โฆษณาได้อย่างตรงความต้องการของผู้ใช้งานต่อไป
CookieDurationDescription
IDE1 year 24 daysคุกกี้จาก Google DoubleClick IDE นี้ติดตั้งโดย Google เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อกำหนดมาตรฐานในการเลือกโฆษณาที่ตรงความต้องการของผู้ใช้งานมาแสดงบนหน้าเว็บไซต์
test_cookie15 minutesคุกกี้นี้ถูกติดตั้งโดย Doubleclick.net (Google) เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าบราวเซอร์ที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้งานอยู่รองรับคุกกี้หรือไม่
VISITOR_INFO1_LIVE5 months 27 daysคุกกี้นี้ถูกใช้งานโดย Youtube เพื่อตรวจสอบแบนด์วิดธ์ที่ผู้ใช้งานใช้ในการเปิดดูวิดีโอ เพื่อเป็นการระบุเวอร์ชั่นของตัวเล่นวิดีโอว่าเป็นเวอร์ชั่นใหม่หรือเก่า
YSCsessionคุกกี้ YSC ถูกติดตั้งและใช้งานโดย Youtube โดยใช้เพื่อเป็นการดึงเอาข้อมูลวิดีโอจากเว็บไซต์ Youtube ขึ้นมาแสดงในหน้าที่ดึงเอาวิดีโอนั้นๆ มาแสดง
yt-remote-connected-devicesneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt-remote-device-idneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt.innertube::nextIdneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
yt.innertube::requestsneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
ข้อมูลอื่นๆ
คุกกี้ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการระบุหมวดหมู่ประเภทเอาไว้ แต่อาจมีผลต่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo