“ความสงสัย” สิ่งที่หายไปจากสังคมออนไลน์? : กรณีครูสาวโพสด่าชนชั้นกรรมกร บอกตัวสูงส่งเพราะเป็นข้าราชการ

 

กลับมาเป็นประเด็นกันอีกครั้งกับกรณีครูสุวรรณี ยุทตะรินทร์ หลังจากเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2558 ถูกปลอมบัญชี Facebook ขึ้นมาแล้วโพสดูหมิ่นศาสนาอิสลาม จนคุณครูต้องออกมาชี้แจงทั้งผ่านหน้า Facebook ส่วนตัว แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้าพบตัวแทนมุสลิมที่สำนักจุฬาราชมนตรี จนเรื่องเงียบหายไปหลายเดือน มาวันนี้คุณครูก็เจอปัญหาใหม่ กับบัญชี Facebook ที่คุณครูสุวรรณียืนยันว่าเป็นบัญชีปลอมอีกครั้งหนึ่ง โดยบัญชีนี้ได้โพสด่าอาชีพชนชั้นกรรมกรต่างๆ ดังข้อความต่อไปนี้

 

[quote]พวกเราคือ “ข้าราชการ” เหมือน พล.อ. ประยุทธฯ เรามีสิทธิ์จะด่าหมอลำ นักร้อง แด๊นเซอร์ นักดนตรี ทุกๆ ตัว เราได้รับการยกเว้นตามกฎหมายว่า “ไม่มีความผิดทุกกรณี”[/quote]

 

 

เมื่อเราลองค้นหาชื่อบัญชี Facebook ดังกล่าวก็พบว่าไม่มีชื่อในฐานข้อมูลของ Facebook และค้นใน Google ด้วยชื่อนี้ ก็ไม่มีข้อมูลด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่อาจปิดบัญชีหนีไปแล้วหรือไม่ก็ ภาพที่แชร์กันมาอาจเป็นแค่ภาพตัดต่อก็เป็นไปได้

 

แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น สิ่งที่สำคัญที่เรารู้สึกและอยากตั้งคำถาม ก็คือ

ไม่สงสัยเหรอครับ?

ไม่สงสัยเหรอว่าทำไมเขาโพสด่าแรงๆ ขนาดนั้น เหมือนหาเรื่องมาใส่ตัวแบบชัดเจนจนเกินไป ใช่ครับในกรณีที่บางคนโพสแบบไม่คิดก็อาจเกิดขึ้นได้บ้าง แต่ปัญหาคือ คนที่แชร์หรือด่าไม่นึกสงสัยกันบ้างเหรอครับว่า อาจเป็นบัญชีปลอมก็ได้ ซึ่งมันบัญชีใน Facebook มันปลอมได้ง่ายมาก เพราะ Facebook ไม่มีระบบป้องกันการปลอมแปลงเลย เครื่องมือเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คือการกดรายงาน ซึ่งต้องรอการพิจารณาจาก Facebook พอสมควร กว่าบัญชีนั้นจะโดนปิด คนก็แชร์และด่ากันไปทั่วแล้ว

 

มันปลอมกันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? คำตอบคือ “ใช่ครับ” เพียงแค่เรามีรูปภาพของบุคคลนั้นๆ ซึ่งหาได้ง่ายมากจากหน้า Facebook ของเขาเอง และเบอร์โทรหรืออีเมล์ใหม่ที่เราสมัครได้ง่ายๆ เท่านี้ก็เปิดบัญชี Facebook ใหม่ได้ตามใจชอบแล้ว ตัวอย่างเช่น ในระหว่างเขียนบทความนี้ ผู้เขียนเองได้ปลอมบัญชีตัวเองขึ้นมาได้ในไม่กี่นาที ทำได้ก่อนจะเขียนบทความนี้เสร็จด้วยซ้ำ

 

ปัญหานี้จะไม่หมดไปถ้า Facebook ยังไม่ตระหนักถึงปัญหา แม้ที่ผ่านมา Facebook อาจเคยพยายามบังคับให้เราใช้ชื่อจริงกัน แต่สุดท้ายก็ทนแรงต้านไม่ไหว จนต้องอนุโลมกันไป อย่างไรก็ตามการบังคับให้ใช้ชื่อจริงอาจช่วยได้บ้างระดับหนึ่ง แต่ก็ช่วยไม่ได้ทั้งหมด Facebook คงต้องเพิ่มมาตรการเพื่อแก้ปัญหานี้ให้ได้ เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นมันร้ายแรง คงต้องรอพระเอกขี้ม้าขาวเป็นคนฟ้องเอาเงินค่าชดเชยความเสียหายชนิดที่เรียกว่า Facebook ต้องเจ็บและจำ เพื่อให้ลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังสักที

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดในบทความนี้ เราไม่ได้บอกว่าภาพที่แชร์กันเป็นภาพจากการตัดต่อ หรือใช้บัญชีปลอมโพส หรือเป็นความจริง ? เราเพียงอยากรณรงค์ให้เรารู้จัก “ตั้งคำถาม” บ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมออนไลน์ขาดไป จะเป็นเพราะปุ่ม share มันกดง่าย หรือเราสอนคนให้ตั้งคำถามไม่เป็น อันนี้เราก็ไม่สามารถตอบได้ เราทำเพียงแค่ … สงสัย? และอยากให้คุณรู้จักคำว่า “สงสัย” ก็เท่านั้น

 

 

ความเดิม:

ครูสุวรรณี ยื่นหนังสือถึงสำนักจุฬาฯ แจงกรณีอดีตสามีปลอมชื่อโพสต์ข้อความหมิ่นมุสลิม