Close Menu
  • Home
  • Android
    • News
    • Tips
  • Apple
    • iPad
      • News
      • Tips
    • iPhone
      • News
      • Tips
  • WINDOWS
    • News
    • Tips
  • Gaming
    • Game Review
    • PlayStation
    • Nintendo
    • Xbox & PC
    • Mobile
  • Gadget Reviews
    • Accessories
    • Devices
  • Wearable
  • EV Car
  • Miscellaneous
    • News
    • Tips
  • Tips and Tricks
  • Video
  • Cooky Policies
  • ติดต่อโฆษณา
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
  • Home
  • Android
    • Tips & Tricks
  • Apple
    • Tips & Tricks
  • Windows
    • Tips & Tricks
  • Gaming
    • Game Review
    • In Spotlight
    • PlayStation
    • Xbox & PC
    • Nintendo
    • Mobile Games
  • Reviews
    • Mobiles & Tablets
    • Game Review
    • Accessories
  • EV Car
  • Miscellaneous
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
คุณกำลังอ่าน :Home » Miscellaneous » Living Smart: ชอบดู Netflix และ Apple TV+ ควรเลือกทีวีแบบไหนดี…ที่นี่มีคำตอบ
Miscellaneous

Living Smart: ชอบดู Netflix และ Apple TV+ ควรเลือกทีวีแบบไหนดี…ที่นี่มีคำตอบ

2 กันยายน 2020Updated:2 กันยายน 20204 Mins Read
how to choose the right tv for netflix article cover

ปัจจุบันนี้คงต้องพูดว่าเทรนด์การนอนอยู่บ้านดูหนังนั้นกำลังได้รับความนิยมจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นจากบริการต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้งานมากมาย ร่ายตั้งแต่ Netflix, Apple TV+, Disney Plus, Line TV หรือ HBO Go ไปจนถึงสถานการณ์การระบายของ COVID-19 ในปัจจุบันที่หลายๆ เลือกทางออกเป็นการเสพย์ความบันเทิงอยู่บ้านแทนดีกว่า แต่จะทำอย่างไรหากเราต้องการให้การชมภาพยนตร์อยู่บ้านนั้นสามารถมอบความบันเทิงให้กับเราได้อย่างเต็มที่ประหนึ่งนั่งชมในโรงภาพยนตร์ วันนี้อเล็กซ์และ APPDISQUS จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับระบบภาพและเสียงที่ควรลงทุนสำหรับการใช้งานบริการสตรีมมิ่งให้เต็มประสิทธิภาพอย่างในปัจจุบัน รวมไปจนถึงการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ มาเนรมิตรความบันเทิงให้กับตัวเองได้ในราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อมกัน

ในบทความพิเศษนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักและทำความเข้าใจเรื่องยากกันแบบง่ายๆ ไปเป็นเรื่องๆ จนครอบคลุมทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการจัดเซ็ตอุปกรณ์ให้รองรับบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, Apple TV+ และอื่นๆ ในปัจจุบันนี้ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ

  1. ระบบภาพ : มาดูเทคโนโลยีการแสดงผลภาพที่น่าสนใจที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในบริการสตรีมมิ่งในปัจจุบัน ทั้ง HDR, HDR10+ และ Dolby Vision และรู้จักกับจอโทรทัศน์ประเภทต่างๆ และความแตกต่างของมัน เพื่อการเลือกเซ็ตภาพได้ตามที่เพื่อนๆ ต้องการ (โดยจะโฟกัสที่จอทีวีเป็นสำคัญ ใครขาโปรเจคเตอร์อาจไม่ได้มีพูดถึงนะครับ)
  2. ระบบเสียง : อะไรคือ Dolby Atmos หรือ Dolby Digital 5.1 ที่เราเห็นอยู่บนปกหนังเวลาที่เลือกหนังบน Netflix หรือ Apple TV+ และจะทำอย่างไรให้ได้มาซึ่งระบบเหล่านั้นในราคาที่พอสู้ไหวกันนะ

ซึ่งในบทความตอนที่ 1 นี้เราจะเริ่มกันที่เรื่องของงานภาพกันก่อนเลยละกัน

How To Choose the Right Netflix TV

Advertisement
Advertisement
Advertisement

หากเป็นห้องโฮม ขนาดห้องไม่กว้าง กันแสงได้ดี ห้องมืดสนิท สนใจหน้าจอใหญ่ๆ 75 นิ้วขึ้นไป LED แบบ VA Panel Full Array ที่รองรับ Dolby Vision คือตอบโจทย์นี้มากที่สุดนั่นเองสำหรับคำแนะนำของผม ทั้งในแง่ของคุณภาพและงบประมาณ


ตอนที่ 1 : ระบบภาพ

สิ่งสำคัญที่สุดในห้องดูหนังสักห้องคือจอภาพแน่ๆ ครับ บางคนอาจจะเป็นสาย Projector บางคนอาจเป็นสายจอทีวี สำหรับตัวอเล็กซ์เองเป็นสายจอ เลยจะขออนุญาตแนะนำจากประสบการณ์โดยโฟกัสไปที่จอทีวีนะครับ

LED / LCD / QLED / OLED เรื่องมันเป็นยังไง ไหนลองเล่ามาสิ

TV In Hometheater Room

จอทีวีหลักๆ ปัจจุบันนี้แยกง่ายๆ ออกเป็น LED (ซึ่งเป็น LCD ชนิดหนึ่ง ซึ่ง QLED ของ Samsung นั้นก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้) และ OLED ที่เป็นเทคโนโลยีอีกประเภทไปเลย

สิ่งสำคัญที่สุดในห้องดูหนังสักห้องคือจอภาพแน่ๆ ครับ บางคนอาจจะเป็นสาย Projector บางคนอาจเป็นสายจอทีวี สำหรับตัวผมเองเป็นสายจอ เลยจะขออนุญาตแนะนำจากประสบการณ์โดยโฟกัสไปที่จอทีวีนะครับ

จอทีวีหลักๆ ปัจจุบันนี้แยกง่ายๆ ออกเป็น LED (ซึ่งเป็น LCD ชนิดหนึ่ง ซึ่ง QLED ของ Samsung นั้นก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้) และ OLED ที่เป็นเทคโนโลยีอีกประเภทไปเลย โดยลักษณะของการเปร่งแสงภาพของจอ 2 ประเภทนี้จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อธิบายง่ายๆ คือ LED เนี่ยจะประกอบด้วย LCD + Back Light (จำคำนี้ไว้นะครับ เดี๋ยวมีผลกับการเลือก) ส่วน OLED นั้นไม่จำเป็นต้องอาศัย LCD Panel แล้ว แต่หลอด Organic Light Emitting Diodes (OLED) นั้นมันมีความสามารถที่เก่งมากในตัวของมันเอง คือสามารถเปร่งแสงสว่างไปได้พร้อมๆ กับสี เลยทำให้ LCD Panel ไม่จำเป็นสำหรับมันอีกต่อไป

OLED and LED Different Placement

เพราะอย่างนี้ถ้าเราว่ากันตามเทคโนโลยีแล้ว OLED จะสามารถให้ค่าคอนทราสต์และสีสันที่สวยงามกว่า มีค่า Nit หรือค่าความสว่างที่ดีกว่า มืดก็มืดได้ดีกว่า (เพราะหลอดมันดับสนิทได้เป็นจุดๆ) แต่ข้อเสียของมันก็มีคือเรื่องภาพเบิร์นอินแบบที่เมื่อก่อน Plasma เป็น ในขณะที่ LED นั้นต้องอาศัย Back Light ในการช่วยเติมแสงและสี ทำให้ความคอนทราสต์และสีสันนั้นตามหลักการแล้วจะสู้ OLED ไม่ได้ และบ่อยครั้งจะมีแสงรอดสีเทาๆ ทั่วจอในฉากมืดๆ ดำๆ ที่ศัพท์ทีวีเรียกว่า Dirty Screen Effect และ Grey Uniformity โดยเฉพาะเวลารับชมในห้องมืดอย่างห้องดูหนัง แต่ทั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเรื่องจอเบิร์นอิน เพราะจอกลุ่ม LCD นั้นจะไม่เจอปัญหานี้

ภาพแสดง Grey Uniformity ที่ไม่ดี
ภาพแสดง Grey Uniformity ที่อยู่ในระดับดี

ภาพจาก Rtings.com

แล้วแบบนี้ OLED ก็ดีกว่าสิ? ก็ถ้าว่ากันตามหลักการก็ใช่ แต่อย่าลืมว่า OLED นั้นเป็นจอที่มีราคาสูงมาก ส่วนมากจะนิยมกันไม่เกิน 65 นิ้ว (แค่นี้ก็หลายหมื่นแล้ว) และหากใหญ่ไป 75 จะสิ้นเนื้อประดาตัวได้ ส่วนใหญ่กว่า 75 นั้นยังไม่เคยเห็นในคอนซูมเมอร์โปรดักส์เลย (ถ้ามีคงต้องขายบ้านซื้อ) นั่นเลยทำให้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ใครหลายๆ คนที่มีห้องโฮมสักเท่าไหร่นัก เพราะขึ้นชื่อว่าห้องดูหนัง จอใหญ่ๆ คงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนฝันถึง

พอเห็นโจทย์แบบนี้ ใครสนใจจอใหญ่กว่า 65 นิ้วคงต้องพิจารณา LED เป็นตัวเลือกแทน ดังนั้นปัจจัยในการเลือกจอ LED เลยตามมาด้วย จำก่อนหน้านี้ที่ผมพูดถึง Back Light ได้ไหมครับ ที่บอกให้จำไว้ นั่นล่ะคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เราจะนำมาเลือก LED ที่เหมาะกับเรา รวมถึงชนิดของจอ LED เองที่มีทั้ง IPS (In-Plane Switching) และ VA (Vertical Alignment) อีก ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ

หากเรามีห้องโฮมเธียร์เตอร์ ไม่กว้างมาก เป็นห้องคุมแสงได้ และเราต้องการจอใหญ่ๆ ระยะการมองอาจจะครอบคลุมทั้งจอได้สบายๆ ไม่ว่าจะนั่งดูจากจุดไหน โดยส่วนตัวผมจะเชียร์ให้ไปทาง VA Panel แบบ Full Array ซึ่งจะตอบโจทย์การใช้งานด้านภาพเรามากที่สุดนั่นเอง

LED : IPS (In-Plane Switching) VS. VA (Vertical Alignment) ความ (เกือบจะ) เหมือนที่ (โคตรจะ) แตกต่าง

ก่อนไปไกล เรามาดูข้อดีขอเสียของ VA และ IPS กันก่อน

VA Panel บน Sony X9000F
IPS Panel บน LG SK9000

ภาพจาก Rtings.com

VA: Vertical Alignment

พวกนี้เป็นจอที่มีโครงสร้างพิกเซลแบบเป็นเส้นตรง ภาพที่ได้จะมีความสว่าง และดูใสมากทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถคุมความดำบนหน้าจอในฉากมืดได้ดีอีกด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยมุมมองการรับชมที่แคบลง

IPS: In-Plane Switching

จอพวกนี้จะจัดวางพิกเซลเป็นแบบหัวลูกศร ภาพที่ได้จะมีสีสันที่สดใสกว่า มุมมองการรับชมก็กว้างกว่า แต่ก็ต้องแลกด้วยความดำที่ไม่สนิท และมีโอกาสเจอ Dirty Screen Effect มากกว่า

ทีนี้ทั้งจอ VA และ IPS ก็ยังมีรูปแบบการจัดวาง Back Light ย่อยลงไปอีก 2 ชนิด คือ

Full Array : เป็นการจัดวาง Back Light แบบเต็มๆ ครอบคลุมทั้งจอ ซึ่งการจัดวางประเภทนี้จะมีข้อดีที่เห็นชัดมากๆ คือสามารถดับแสง Back Light ได้ทั่วทั้งจอ ทำให้ภาพนั้นดำสนิทกว่า และในหลายๆ รุ่นทำได้ดีถึงขั้นอาจไม่เจอปัญหา Dirty Screen Effect ที่เกิดกับ LCD เลย หรือเจอน้อยมาก และยังไม่เจอปัญหา Blooming Effect (สังเกตในฉากมืดๆ รอบๆ Subtitle จะสว่างเรืองแสง) หรือเจอน้อยมากในบางรุ่นอีกด้วย ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาสำคัญทั้งสิ้นเมื่อต้องรับชมในห้องมืด แต่ข้อเสียสำคัญของมันคือราคาที่แพงกว่า Edge Lit พอควร และมักจะอยู่ใน Premium LED ทั้งหลาย พวกนี้มักจะมาพร้อมฟังก์ชั่น Local Dimming ด้วย

นอกจาก Full Array แล้วก็ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีลักษณะการจัดวางแบบเดียวกัน แต่มีแถว LED ที่น้อยกว่า โดยจะเรียกว่า Direct Lit โดยจอประเภทนี้จะไม่มี Local Dimming และในปัจจุบันไม่ได้เป็นที่นิยมแล้วเนื่องจากคุณภาพของภาพที่ทำออกมาได้ด้อยกว่า Full Array มากนั่นเอง

Edge Lit : มีการจัดวาง Back Light ตามขอบหรือมุมจอ มำให้เวลาต้องดับจอมืดในฉากดำๆ จะดับได้เป็นจุดๆ เกิดปัญหาแสงรอดและอื่นๆ รวมถึงไม่สามารถแสดงผลสีดำได้ดี ไม่เหมาะกับการรับชมในห้องมืดเลย แต่ข้อดีคือราคาถูก และจะถูกใช้ใน LED ทั่วไปเป็นส่วนใหญ่

ทีนี้พอเห็นข้อแตกต่างก็จะทราบแล้วใช่ไหมว่า หากเรามีห้องโฮมเธียร์เตอร์ ไม่กว้างมาก เป็นห้องคุมแสงได้ และเราต้องการจอใหญ่ๆ ระยะการมองอาจจะครอบคลุมทั้งจอได้สบายๆ ไม่ว่าจะนั่งดูจากจุดไหน โดยส่วนตัวผมจะเชียร์ให้ไปทาง VA Panel แบบ Full Array ซึ่งจะตอบโจทย์การใช้งานด้านภาพเรามากที่สุดนั่นเอง

HDR10, HDR10+, Dolby Vision และ HLG ความแตกต่างของมาตรฐาน HDR ที่ควรรู้

Dolby Vision vs HDR 10

ทั้งนี้การพิจารณาด้วยข้อมูลเท่านี้ก็ยังไม่พออีก อย่าลืมว่า Streaming ในปัจจุบันนั้นรองรับระบบภาพความละเอียด 4k กันแล้วแทบทั้งนั้น แถมหลายๆ บริการยังเสริมทัพงานภาพด้วย HDR (High Dynamic Range) อีก ซึ่งก็มีให้เราปวดหัวมากมายหลายสแตนดาร์ด แต่หลักๆ ที่เห็นคงหนีไม่พ้น HDR10(+) กับ Dolby Vision (และบางคนอาจเคยเห็น HLG ด้วยซึ่งยังไม่จำเป็นในบ้านเรา) ดังนั้นหากเลือกได้ก็ให้โฟกัสไปที่ทีวีที่รองรับ Dolby Vision ไปเลย ซึ่งกลุ่มนี้จะรองรับ HDR พื้นฐานอยู่แล้ว ต่างกันตรงที่ Dolby Vision นั้นจะสามารถปรับ HDR ได้ในระดับจุดต่อจุด ในขณะที่ HDR ทั่วไป (ที่ไม่ +) นั้นจะปรับ HDR ได้เป็นฉากๆ เท่านั้น ทำให้การไกล่แสงและสีเทียบต่อฉากแล้ว Dolby Vision ทำได้ดีกว่านั่นเอง และ Netflix เองก็มีหลายเรื่องเลยที่รองรับ Dolby Vision ส่วน Apple TV+ นั้นต้องบอกว่าทุกเรื่องเลยด้วยซ้ำ

Dolby Vision: Single Layer VS. Dual Layer มันคืออะไรกัน?

Dolby Vision นั้นเป็นมาตรฐานด้าน HDR ที่เรียกได้ว่ามาแรงและน่าสนใจที่สุดแล้วในขณะนี้เมื่อว่ากันถึงจำนวนผู้เล่นในตลาดที่เอาด้วยกับเทคโนโลยีดังกล่าว แต่ทั้งนี้ Dolby Vision เองก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยที่คุ้นหูกันดี เอาล่ะ…เราลองมาดูความแตกต่างกัน

DV Single Layer: เจ้าตัวนี้คือ Dolby Vision ที่มีเพียงสัญญาณ HDR เท่านั้น โดยเป็น Dolby Vision แบบที่ใช้กันในบริการสตรีมมิ่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Apple TV+, Disney+ หรือ Amazon Prime (และอื่นๆ อีกมากมาย) รวมไปจนถึงแอพที่นิยมใช้บน Apple TV อย่าง Infuse 6 Pro ด้วย

DV Dual Layer: เจ้าตัวนี้คือ Dolby Vision ที่มีทั้งสัญญาณ HDR และ SDR (Standard Dynamic Range) ซึ่งจะทำให้ไฟล์ Dolby Vision นั้นใหญ่ขึ้นมากถึง 30% จึงทำให้ไม่ถูกนำมาใช้ในบริการสตรีมมิ่ง แต่จะเป็นรูปแบบมาตรฐานสำหรับสื่อประเภท UHD หรือพวกอัดลงแผ่น BluRay แทน

สรุปสั้นๆ เกี่ยวกับการเลือกโทรทัศน์ที่เหมาะสมสำหรับห้องดูหนังส่วนตัวของเรา

Home Theater Room Built Alex

หากเป็นห้องโฮม ขนาดห้องไม่กว้าง กันแสงได้ดี ห้องมืดสนิท สนใจหน้าจอใหญ่ๆ 75 นิ้วขึ้นไป LED แบบ VA Panel Full Array ที่รองรับ Dolby Vision คือตอบโจทย์นี้มากที่สุดนั่นเองสำหรับคำแนะนำของผม ทั้งในแง่ของคุณภาพและงบประมาณ โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ Sony 85X9000F ที่ซื้อมาได้ประมาณสองปีกว่าแล้ว และหากมองข้ามเรื่อง eARC ที่ตัวนี้ออกมาตอนช่วงที่ทีวียังนิยมรองรับกันแค่ ARC แล้ว เจ้า Sony Bravia 85X9000F ก็ถือว่ายังเป็นตัวเลือกที่ชอบมากจนถึงปัจจุบันและคงไม่คิดที่จะเปลี่ยนในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

ส่วนใครที่กำลังมองหาทีวีใหม่ ตอนนี้คงต้องแนะนำให้เลือกเผื่อสเป็กที่รองรับ eARC เอาไว้ด้วยเลย ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะมาแน่ๆ เมื่อ PS5 พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เพราะรองรับคุณสมบัติสำคัญอย่างการแสดงผลภาพ 4k ที่ค่าอัตราการกระพริบสูงถึง 120Hz เต็มประสิทธิภาพที่ PS5 จะทำได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาว่า PS5 เองก็อยู่ไม่ไกลแล้ว ก็คิดว่าควรจ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อซื้ออนาคตไปเลยทีเดียวดีกว่าครับ โดยตัวเลือกที่น่าสนใจนั้นคงหนีไม่พ้น Sony Bravia x9000h ซึ่งรองรับทั้ง Dolby Vision และมีพอร์ต eARC มาให้พร้อมในสนนราคาตัว 85 นิ้วที่เห็นหาได้ไม่ถึงแสน ยังไงในวินาทีนี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มมากๆ ทีเดียว (ย้อนกลับไปเมื่อ 2 – 3 ปีก่อนนั้น 85X9000F ที่ผมใช้อยู่ราคาอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาท)


ในบทความต่อไปเราจะมาว่ากันที่ระบบเสียงในปัจจุบันบ้าง อะไรคือ Dolby Atmos ที่เห็นบ่อยๆ  บนบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Apple TV+ อะไรคือ DTS-X ที่เค้าพูดว่าเป็นคู่แข่งของ Dolby Atmos หรืออะไรคือความหมายของสัญลักษณ์ 5.1 ที่แสดงบนหน้าปกหนังใน Netflix และ iTunes รวมไปจนถึงเราจะต้องจัดเครื่องเสียงอย่างไรให้ได้ตามมาตรฐานเหล่านี้ และต้องใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณเท่าไหร่ ในบทความตอนต่อไป เราจะพาเพื่อนๆ ไปไขคำตอบร่วมกัน

และหากชอบก็อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์บทความนี้ รวมถึงกดรับข่าวสารจาก APPDISQUS ไว้ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดเมื่อตอนต่อไปพร้อมเสิร์ฟ หรือเวลาที่มีข่าวในแวดวงมือถือและ IT มาอัพเดตเพื่อนๆ กันนะครับ

Advertisement
Apple TV How To Living Smart Netflix Trick and Tip
Google News YouTube
Share. Facebook Twitter LinkedIn Email Copy Link
Avatar photo
Alex
  • Website
  • Facebook
  • X (Twitter)
  • Instagram

อเล็กซ์ หรือ เอ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเอามือถือหรือ iPad ข้างกายตนมาจับๆ จิ้มๆ ตามประสาคนมีงานแต่ชอบเล่นเกม คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจเอได้เสมอผ่านทางการคอมเมนต์ในบทความนี้

Advertisement
Advertisement
Advertisement

Related Posts

Mobile

Netflix เตรียมเปิดตัวซีรีส์แอนิเมชันจากเกม Clash of Clans!

21 พฤษภาคม 2025
Gaming

Devil May Cry ฉบับ Anime เข้า Netflix แล้ววันนี้!

4 เมษายน 2025
News

Netflix เริ่มสตรีมวิดีโอในรูปแบบ HDR10+ แล้ว! เริ่มจากของ Samsung

25 มีนาคม 2025
Your Updates

Netflix เจอพิษโกง $55 ล้าน ผู้กำกับซื้อรถ-โรงแรมหรู! หนังไม่ได้สร้าง และใช้เงินเพื่อกลับมาฟ้อง Netflix เอง

20 มีนาคม 2025
Apple

NSA เตือนด่วน! ผู้ใช้ iPhone ต้องปิดการตั้งค่าเหล่านี้เพื่อป้องกันแฮกเกอร์

15 กุมภาพันธ์ 2025
Apple TV+ will soon come to Android
Apple

Apple เตรียมปล่อยแอป Apple TV+ บน Android เร็วๆ นี้ เพิ่มช่องทางรับชมคอนเทนต์ระดับพรีเมียม

13 กุมภาพันธ์ 2025
What Score?
8.1
Devices

รีวิว iQOO Neo 10 เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ สเปกแรง! จัดเต็มแม็กซ์ 7000mAh

By Noppinij5 มิถุนายน 2025288 Views
7.6
Devices

รีวิว realme C71 สมาร์ตโฟนสุดคุ้ม บางเบา สวยงาม แบตอึดที่สุดในรุ่น

By Noppinij4 มิถุนายน 2025
8.4
Your Updates

รีวิวหัวชาร์จ CUKTECH AD1003 120W ชาร์จเร็วครบ! ทุกเรือธงแบรนด์จีน

By Noppinij14 พฤษภาคม 2025
48
Xbox & PC World

Review : Scarred เกมสยองขวัญจากสิงคโปรที่ยังขาดความน่ากลัว

By Teethasade Isarankura Na Ayudhaya6 พฤษภาคม 2025

On AppDisqus Channel

3 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดดูงาน Apple WWDC 2025 คืนวันจันทร์นี้

Follow Us
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
  • TikTok
Latest
Your Updates

เทคโนโลยีทะลุขีดจำกัด! สมองคอมพิวเตอร์บางระดับอะตอม ไร้ความหนาแบบ 2D มาแล้ว

By Noppinij15 มิถุนายน 2025

Sony ปลดล็อกภูมิภาค Steam สำหรับเกม PlayStation ที่พอร์ตลงแล้ว

14 มิถุนายน 2025

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025

iOS 26 ส่องฟีเจอร์ใหม่ที่ Android เคยมีมาก่อนแล้วหลายปี

14 มิถุนายน 2025

แท็บเล็ตเกมมิ่งรุ่นเล็ก Redmi K Pad โผล่บน Geekbench ใช้ชิป Dimensity 9400+ พร้อม Android 15

14 มิถุนายน 2025
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Your Updates

เทคโนโลยีทะลุขีดจำกัด! สมองคอมพิวเตอร์บางระดับอะตอม ไร้ความหนาแบบ 2D มาแล้ว

15 มิถุนายน 2025
Gaming

Sony ปลดล็อกภูมิภาค Steam สำหรับเกม PlayStation ที่พอร์ตลงแล้ว

14 มิถุนายน 2025
Apple

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025
Android

iOS 26 ส่องฟีเจอร์ใหม่ที่ Android เคยมีมาก่อนแล้วหลายปี

14 มิถุนายน 2025
แอพดิสคัส
Facebook X (Twitter) Instagram YouTube TikTok
  • Home
  • ติดต่อโฆษณา
  • Cookies Policy & Settings
© 2025 APPDISQUS.COM APPDISQUS : A Source You Can Trust.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าคุกกี้อนุญาตทั้งหมด
ตั้งค่าความยินยอม

Privacy Overview

AppDisqus.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานในขณะที่คุณกำลังอ่านและรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ โดยในบรรดาคุกกี้เหล่านี้ คุกกี้ประเภทข้อมูลที่จำเป็นนั้นจะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณเองที่ใช้สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าคุกกี้เหล่านี้เป็นคุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ นอกจากนี้เรายังใช้คุกกี้บุคคลที่สามเพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และเข้าใจการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ของคุณมากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้เหล่านี้จะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น และจะจัดเก็บได้ก็ต่อเมื่อคุณได้การอนุญาต ทั้งนี้คุณสามารถจัดการกับการตั้งค่าคุกกี้ของคุณได้เสมอผ่านทางเมนูการตั้งค่านี้

อย่างไรก็ตาม การปิดการใช้งานคุกกี้บางประเภทอาจทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของคุณได้
ข้อมูลจำเป็น
Always Enabled
คุกกี้บางประเภทนั้นจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้งานเพื่อทำให้เว็บไซต์สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ครบฟังก์ชั่นกับผู้ใช้งานได้ โดยคุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เราคงเซ็สชั่นการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณเอาไว้ ตลอดจนป้องกันสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ทั้งนี้ คุกกี้ประเภทนี้จะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น คุกกี้ประเภทนี้จะใช้เพื่อให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบและคงสถานะการเข้าระบบของคุณบนเว็บเว็บไซต์เราเอาไว้ได้นั่นเอง
CookieDurationDescription
AWSALBCORS7 daysAmazon Web Services ใข้คุกกี้นี้เพื่อเป็นการใช้งานฟังก์ชั่น load balancing หรือการกระจายโหลดเซิร์ฟเวอร์
cf_use_obpastCloudflare ใช้คุกกี้นี้เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ เพื่อประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชม
cookielawinfo-checkbox-analytics11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ข้อมูลสถิติ"
cookielawinfo-checkbox-functional11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ฟังก์ชั่นการทำงาน"
cookielawinfo-checkbox-necessary11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "จำเป็น"
cookielawinfo-checkbox-others11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "อื่นๆ"
cookielawinfo-checkbox-performance11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ประสิทธิภาพ"
JSESSIONIDsessionคุกกี้ JSESSIONID ถูกใช้โดย New Relic เพื่อเป็นการเก็บไอดีจำเพราะในการเข้าใช้งานของผู้ใช้งานเพื่อให้ New Relic สามารถติดตามและตรวจนับเซ็ตชั่นการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้
viewed_cookie_policy11 monthsคุกกี้นี้ใช้เพื่อเป็นการเก็บความยินยอมในการอนุญาตให้จัดเก็บและใช้งานคุกกี้ของผู้ใช้งาน โดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ใช้งานแม้แต่น้อย
ข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงาน
คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงานที่อาจไม่ได้จำเป็นที่สุดบนหน้าเว็บไซต์ AppDisqus.com ยกตัวอย่างเช่นฟังก์ชั่นการฝังสื่อประเภทวิดีโอและปุ่มการแชร์บทความไปยังโซเชียลมีเดียต่างๆ บนเว็บไซต์เป็นต้น
ข้อมูลประสิทธิภาพ
คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อวิเคราะห์ความเข้าใจในประสบการณ์การทำงานของเว็บไซต์ต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลสถิติ
คุกกี้ประเภทนี้จะจัดเก็บข้อมูลประเภทสถิติ เช่นตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์ ตัวเลข UIP หรือผู้ใช้งานที่นับต่อ IP ข้อมูลหน้าเว็บไซต์ที่ถูกเข้าถึงบ่อยที่สุด ข้อมูลแหล่งที่มาของการเข้าถึง และอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์เราได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนชี้ให้เห็นว่าเราควรปรับปรุงในเรื่องใดเพื่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นของผู้ใช้งาน
CookieDurationDescription
_ga_CE4TLMWX4S2 yearsคุกกี้ถูกติดตั้งโดย Google Analytics เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
_gid1 dayติดตั้งโดย Google Analytics โดย คุกกี้ _gid นี้ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของผู้เข้าชม ในขณะเดียวกันก็ยังใช้ในการจัดทำสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วย โดยข้อมูลที่เก็บนั้นยกตัวอย่างเช่นจำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา และหน้าที่ผู้เข้าชมเปิดอ่านโดยไม่เปิดเผยตัวตนของผู้เข้าชม
ข้อมูลเพื่อการโฆษณา
คุกกี้ประเภทโฆษณาจะช่วยให้เราสามารถเผยแพร่โฆษณาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้เข้าชมเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้ประเภทนี้จะติดตามการใช้งานในเว็บไซต์ AppDisqus เท่านั้นเพื่อการเผยแพร่โฆษณาได้อย่างตรงความต้องการของผู้ใช้งานต่อไป
CookieDurationDescription
IDE1 year 24 daysคุกกี้จาก Google DoubleClick IDE นี้ติดตั้งโดย Google เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อกำหนดมาตรฐานในการเลือกโฆษณาที่ตรงความต้องการของผู้ใช้งานมาแสดงบนหน้าเว็บไซต์
test_cookie15 minutesคุกกี้นี้ถูกติดตั้งโดย Doubleclick.net (Google) เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าบราวเซอร์ที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้งานอยู่รองรับคุกกี้หรือไม่
VISITOR_INFO1_LIVE5 months 27 daysคุกกี้นี้ถูกใช้งานโดย Youtube เพื่อตรวจสอบแบนด์วิดธ์ที่ผู้ใช้งานใช้ในการเปิดดูวิดีโอ เพื่อเป็นการระบุเวอร์ชั่นของตัวเล่นวิดีโอว่าเป็นเวอร์ชั่นใหม่หรือเก่า
YSCsessionคุกกี้ YSC ถูกติดตั้งและใช้งานโดย Youtube โดยใช้เพื่อเป็นการดึงเอาข้อมูลวิดีโอจากเว็บไซต์ Youtube ขึ้นมาแสดงในหน้าที่ดึงเอาวิดีโอนั้นๆ มาแสดง
yt-remote-connected-devicesneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt-remote-device-idneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt.innertube::nextIdneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
yt.innertube::requestsneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
ข้อมูลอื่นๆ
คุกกี้ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการระบุหมวดหมู่ประเภทเอาไว้ แต่อาจมีผลต่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo