Mozilla ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่า Firefox จะถูกพัฒนาไปสู่การเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในระดับแกนหลักของระบบ เพื่อรับมือการแข่งขันในยุคที่ AI กำลังกลายเป็นจุดขายสำคัญของซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การประกาศครั้งนี้กลับจุดกระแสต่อต้านจากผู้ใช้งานจำนวนมากในทันที
ผู้บริหารของ Mozilla ระบุว่า AI ใน Firefox จะถูกออกแบบให้เป็นฟีเจอร์แบบเลือกใช้งานได้ ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ และจะให้ความสำคัญกับความโปร่งใส รวมถึงการควบคุมข้อมูลของผู้ใช้เป็นหลัก โดยย้ำว่าการนำ AI เข้ามาไม่ได้หมายถึงการละทิ้งหลักการด้านความเป็นส่วนตัวที่ Firefox ยึดถือมาโดยตลอด
แม้จะมีคำยืนยันดังกล่าว แต่ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยมองว่าแนวคิด “AI Browser” เป็นสิ่งที่สวนทางกับเหตุผลที่พวกเขาเลือกใช้ Firefox ตั้งแต่แรก หลายเสียงวิจารณ์ว่าการเพิ่ม AI อาจทำให้เบราว์เซอร์ซับซ้อน หนักเครื่อง และมีความเสี่ยงด้านข้อมูลมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ผู้ใช้เริ่มระแวงการเก็บและประมวลผลข้อมูลโดยระบบอัตโนมัติ
ก่อนหน้านี้ Firefox เริ่มทดลองฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับ AI บางส่วนแล้ว เช่น เครื่องมือช่วยสรุปข้อมูลหรือโต้ตอบระหว่างการท่องเว็บ ซึ่งแม้จะมีผู้ใช้บางกลุ่มมองว่าเป็นประโยชน์ แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้สายดั้งเดิมที่ต้องการเบราว์เซอร์เรียบง่ายและควบคุมได้เต็มที่
การเปลี่ยนทิศทางครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันในตลาดเบราว์เซอร์ยุคใหม่ ที่คู่แข่งหลายรายต่างเร่งนำ AI เข้ามาเป็นหัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ ขณะที่ Mozilla ต้องพยายามรักษาสมดุลระหว่างการก้าวตามเทคโนโลยี กับการไม่ทำลายความเชื่อมั่นของฐานผู้ใช้เดิม
ท้ายที่สุด Firefox จะสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปสู่การเป็น AI Browser โดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์ด้านความเป็นส่วนตัวได้หรือไม่ ยังคงเป็นคำถามสำคัญที่ต้องพิสูจน์ในระยะยาว และเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของ Mozilla ในยุคที่คำว่า “AI” ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้ผู้ใช้ทุกคนอีกต่อไป
แหล่งที่มา : Window Central








