
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Chris Capossela ผู้บริหารด้านการตลาดของ Microsoft ได้ให้สัมภาษณ์ในงาน Citi Global Tech Conference นครนิวยอร์ก เกี่ยวกับนโยบายด้านการตลาดสมาร์ทโนของ Microsoft ที่บอกว่าจะ “ตรึงแต่ไม่เจาะ” มันหมายความว่าอย่างไร?
Capossela กล่าวว่า Microsoft จะออกจากตลาดสมาร์ทโฟนระดับทั่วไป “ไม่เจาะ” กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม แต่จะไม่ปิดประตูตาย ซึ่งไม่แน่อีกสัก 3-5 ปีข้างหน้า Microsoft อาจกลับมาอีกครั้ง และความพร้อมที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ ส่วนกลุ่มตลาดที่เราจะไม่ทิ้งและ “ตรึง” เอาไว้อย่างอย่างเหนียวแน่นมีอยู่ 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกนั้นก็เป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของ Microsoft ก็คือ กลุ่มสาวก หรือแฟนคลับ ทั้งของ Microsoft และที่ตามมาจาก Nokia เดิม กลุ่มคนที่รัก Windows 10, Windows 10 Mobile, แท็บเล็ต, Surface หรือคอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไป ทาง Microsoft ก็จะสร้างสมาร์ทโฟนเพื่อพวกเขา มันจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่งดงาม และเหล่าสาวกจะรู้สึกภูมิใจที่ได้ถือมัน ซึ่งนาทีนี้เราก็คงคาดกันได้ไม่ยากว่าเป็น Lumia 950 และ Lumia 950XL มันจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ Microsoft ตั้งใจให้ดีที่สุด ไม่กั๊ก ไม่เน้นขายเป็นปริมาณมากๆ ซึ่งเดาว่าราคาคงออกมาแพงพอสมควรและจะไม่ลดราคาลงง่ายๆ คล้ายกับการตลาดของ Microsoft Surface
อีกกลุ่มตลาดที่ Microsoft จะให้ความสำคัญ ก็คือ เป็นกลุ่มธุรกิจ กลุ่มองค์กร ที่เน้นใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีความปลอดภัยสูง มีแอพฯ จัดการตารางงาน ปฏิทิน อีเมล์ การจัดการสินค้า ที่ดี ดังนั้น Microsoft จึงจะทำสมาร์ทโฟนเพื่อกลุ่มธุรกิจโดยเฉพาะ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุถึงความร่วมมือระหว่าง intel และ Microsoft ในการทำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ตัวเครื่องเป็นโลหะ จะเปิดตัวในช่วงเดือนพฤษภาคม 2016 สามารถทำงานร่วมกับ Intel processor รุ่นต่อไป รันแอพ Win32 ได้ และใช้จะชื่อแบรนด์ว่า Surface Phone ? ดังนั้นเราจึงคาดว่าสมาร์ทโฟนเพื่อกลุ่มธุรกิจที่ว่านั้นก็คือ Surface Phone นี้นั่นเอง เพราะฉะนั้นรับรองว่าสเปคจัดเต็ม แต่ราคาคงสูงลิ่วครับ
การดำเนินการนโยบายการตลาดแบบนี้ หลายคนมองว่า Microsoft กำลังเดินตามรอย Blackberry? แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ครับ เพราะมันเป็นปกติของ Microsoft อยู่แล้ว ที่จะมีผลิตภัณฑ์ไม่เยอะ อาจเปิดตัวแค่ปีละครั้งไม่เน้นจำนวน ไม่ซอยรุ่นให้เยอะจนเกินไป ออกเรือธงราคาสูง คุณภาพเยี่ยม สเปคโดดเด่น เพื่อผู้ที่ชื่นชอบมันจริงๆ พร้อมมีรุ่นหรือเวอร์ชั่นสำหรับกลุ่มธุรกิจที่จะอัพเกรดขึ้นไปอีกสักหน่อย โดยที่ผ่านมาก็ใช้นโยบายนี้กับ Microsoft Surface ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่มันจะใช้โมเดลนี้ได้ผลกับ Windows Phone หรือ Windows 10 Mobile หรือไม่นั้น เราต้องติดตามกันต่อไปครับ
ที่มา: Windows Central
อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีความสุขที่ได้ส่งต่อความรู้ให้คนอื่น ไม่อยากจำกัดเฉพาะนักศึกษาตัวเอง จึงได้ลงมือเขียนสิ่งที่ตนเองรู้ลงในเว็บไซต์ AppDisqus แห่งนี้ ด้วยความสุขและยินดีที่ได้เป็นส่งต่อและรับความรู้เพื่มจากผู้อ่าน มันช่างเป็นสถานที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีจริง ๆ //ขอบคุณ AppDisqus นะครับ
ครั้งแรกที่คุณเลือกเข้าสู่ระบบกับบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์คของคุณนั้น เราจะมีการร้องขอข้อมูลทั่วไป เช่นอีเมลและชื่อผู้ใช้งานจากโซเชียลเน็ตเวิร์คของคุณโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้เราใช้ข้อมูลเพื่อการสร้างบัญชีผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ APPDISQUS.COM เท่านั้น และเมื่อคุณสร้างบัญชีเรียบร้อยแล้ว คุณจะเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีดังกล่าวโดยอัตโนมัติเพื่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่สมบูรณ์
การตอบคอมเมนต์ และการทำกิจกรรมร่วมกับเว็บไซต์จะทำให้คุณได้ แต้มคะแนนสะสม AD$ เพื่อใช้สำหรับการแลกของรางวัลที่เรามีจัดเตรียมไว้ให้คุณมากมายต่อไป
ครั้งแรกที่คุณเลือกเข้าสู่ระบบกับบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์คของคุณนั้น เราจะมีการร้องขอข้อมูลทั่วไป เช่นอีเมลและชื่อผู้ใช้งานจากโซเชียลเน็ตเวิร์คของคุณโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้เราใช้ข้อมูลเพื่อการสร้างบัญชีผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ APPDISQUS.COM เท่านั้น และเมื่อคุณสร้างบัญชีเรียบร้อยแล้ว คุณจะเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีดังกล่าวโดยอัตโนมัติเพื่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่สมบูรณ์
การตอบคอมเมนต์ และการทำกิจกรรมร่วมกับเว็บไซต์จะทำให้คุณได้ แต้มคะแนนสะสม AD$ เพื่อใช้สำหรับการแลกของรางวัลที่เรามีจัดเตรียมไว้ให้คุณมากมายต่อไป
ขอให้ไปต่ออีกเถอะครับขอร้องล่ะ
Surface Phone นี่ลือมาเป็น 1-2 ปีละยังไม่เห็นตัวตน แปลว่ามีอยู่จริงสินะ บางคนจะเข้าใจผิดๆ ว่าไมโครซอฟท์ เลิกทำ Windows Phone Windows 10 Mobile แล้วอันนี้ไม่ใช่นะครับ ที่เขาเลิก เลิกทำโทรศัพท์ขายเอง เปลื่ยนให้ แบรนด์อื่นขายแทน เรื่องซอฟต์แวร์เขาก็ยังพัฒนาต่อไปไม่เลิกทำซอฟต์แวร์ เขาก็ไม่ได้เลิกทำโทรศัพท์ไปทีเดียว แต่เขาเปลื่ยนมาขายปีละ รุ่น 2 รุ่นแทน
ปัญหาอยู่ที่แอพไม่ทันชาวบ้าน
มันต้องมีอะไรมาดึงดูดนักพัฒนามากกว่านี้
ระบบนะดีอยู่แล้ว
เหมือนว่ามันต้องเขียนสามภาษา
ทั้งๆที่เขียนสองภาษาก็รวยแล้ว
อันที่สามขี้เกียจทำ แบบนี้มากกว่า
…..เล่นพูดซะแบบนี้แล้วจะมีนักพัฒนาที่ไหนเขาจะอยากเขียน app ให้ล่ะนี่
เพราะดูเหมือนจะไม่ขยายตลาดมากไปกว่านี้ อยู่แค่นี้ พอใจกับกลุ่มเล็กๆแค่นี้ ?
แบบนี้คนเก่าๆที่เขายังใช้งานอยู่ คงจะแทบหมดหวังว่าจะให้ app ไล่ทันอีกสอง OS
เอาแบบไม่โลกสวย ไม่เป็น FC สุดติ่ง ก็ต้องยอมรับล่ะครับว่า WP คงไม่มีวันไล่ทัน
นักพัฒนาหน้าใหม่ทั้งหลายก็คงไม่หันมาเหลียวแลแล้วล่ะครับ เฮ้อ…..