หลังจากหลายปีที่ชิป Exynos ต้องตกเป็นรอง Snapdragon มาโดยตลอด ปีนี้แฟน Samsung ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นมากนัก เพราะซีรีส์ Galaxy S25 ทั้งหมดใช้ชิป Snapdragon 8 Elite ขณะที่ฝั่ง Exynos ถูกลดบทบาทไปใช้ในรุ่นรองอย่าง Galaxy S FE เท่านั้น
สาเหตุหลักมาจาก Exynos 2500 ที่ล่าช้าและมีปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต จน Samsung ต้องข้ามไปใช้ชิป Qualcomm ทั้งหมดในเรือธงปีนี้ และเมื่อ Exynos 2500 ปรากฏตัวใน Galaxy Z Flip 7 ก็กลับทำผลงานได้น่าผิดหวัง ทั้งความเร็ว CPU ที่แทบไม่ต่างจากปีที่แล้ว และ GPU ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
แต่ในปีหน้า Samsung เตรียมนำชื่อ Exynos กลับมาสู่เรือธงอีกครั้ง กับ Exynos 2600 ที่จะขับเคลื่อนบางรุ่นในตระกูล Galaxy S26 ซึ่งอาจเป็นโอกาสทองในการ “กู้ชื่อ” ของชิปสายเลือดเกาหลีตัวนี้
Exynos 2600 ใช้เทคโนโลยี 2nm GAA รุ่นใหม่
แม้ Samsung ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเต็มของ Exynos 2600 แต่มีข้อมูลยืนยันแล้วว่า ชิปตัวนี้จะผลิตบนกระบวนการ 2nm Gate-All-Around (GAA) ของ Samsung Foundry ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่จากเทคโนโลยี 3nm FinFET ที่ใช้ใน Snapdragon 8 Elite Gen 5 ของ Qualcomm
หากการผลิตเป็นไปตามเป้า เทคโนโลยี 2nm GAA จะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพ ความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ และลดการใช้พลังงานได้อย่างชัดเจน ทว่ามีรายงานว่าผลผลิต (yield rate) ยังต่ำเพียง 30–50% ซึ่งอาจกระทบต้นทุนและความเสถียรของผลิตภัณฑ์ช่วงแรก
โฟกัสใหม่: Exynos 2600 เน้น AI มากกว่าเดิม
Samsung ยืนยันว่าชิปรุ่นใหม่นี้มาพร้อม “AI รุ่นถัดไป (Next-Gen AI)” โดยมีข่าวลือว่า NPU ภายในจะเร็วกว่า Apple A19 Pro ถึง 6 เท่า และอาจเหนือกว่า Snapdragon 8 Elite Gen 5 ราว 30% ในงานประมวลผลด้าน AI
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้อาจขึ้นอยู่กับลักษณะงาน (เช่น ภาพ เสียง หรือข้อความ) แต่สิ่งที่แน่นอนคือ Samsung ต้องการวาง Exynos 2600 ให้เป็น “สมองหลักของสมาร์ตโฟน AI” ในยุค Galaxy S26 ที่เน้นการทำงานแบบออนดีไวซ์เต็มรูปแบบ
ประสิทธิภาพ CPU และ GPU ใกล้เคียงคู่แข่งมากขึ้น
แม้ยังไม่มีผล Benchmark อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า Exynos 2600 จะใช้สถาปัตยกรรม CPU จาก Arm Cortex C1 Ultra ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Qualcomm Oryon ในระดับที่ผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่รู้สึกถึงความต่าง
ในส่วนกราฟิก (GPU) จะใช้ Xclipse 960 ซึ่งมีข่าวลือว่าสามารถแซง Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนหน้า และอาจเฉือนชนกับรุ่น Gen 5 ได้ในบางงานกราฟิก หากเป็นจริงก็จะถือเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จากรุ่น 2500 ที่เคยเป็นจุดอ่อนของ Exynos อย่างชัดเจน
สิ่งที่ Exynos ต้องพิสูจน์ให้ได้
แม้ประสิทธิภาพจะดีขึ้น แต่ความสำเร็จของ Exynos 2600 อาจไม่ได้อยู่ที่การแซง Snapdragon ให้ได้ทั้งหมด เพราะมีข่าวว่า Galaxy S26 Ultra และ S26+ จะยังคงใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ในทุกตลาด ส่วน Exynos 2600 จะถูกใช้เฉพาะในรุ่นมาตรฐาน (อาจชื่อ S26 หรือ S26 Pro) เท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่ Exynos ต้องทำคือ “สร้างความมั่นใจ” ให้ผู้ใช้ว่าไม่ได้ด้อยกว่า Snapdragon ในประสบการณ์จริง ทั้งในแง่ความเสถียร ความร้อน และการใช้พลังงาน ซึ่งหากทำได้สำเร็จ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการ “คืนชีพ” ให้ชื่อ Exynos กลับมายืนบนแถวหน้าของโลกชิปสมาร์ตโฟนอีกครั้ง








