จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง: Epic vs Apple และ Google
ย้อนกลับไปในปี 2020 Epic Games ผู้สร้างเกมยอดฮิตอย่าง Fortnite ได้ก่อกบฏครั้งใหญ่กับ Apple และ Google ด้วยการแอบใส่ระบบชำระเงินของตัวเองในเกม เพื่อเลี่ยงค่าธรรมเนียม 30% ที่ทั้งสองแพลตฟอร์มเรียกเก็บจากการซื้อในแอป
ผลลัพธ์คือ Fortnite ถูกถอดออกจากทั้ง App Store และ Google Play Store ทันที และ Epic ก็เปิดศึกทางกฎหมาย โดยอ้างว่า Apple และ Google ผูกขาดการค้า และละเมิดกฎหมายการแข่งขันเสรี
แม้ Epic จะ แพ้คดีใหญ่กับ Apple ไปเมื่อปลายปี 2023 แต่กับ Google กลับเป็นอีกเรื่อง…
เพราะแม้คดีของ Epic กับ Apple และ Google จะดูคล้ายกันในแง่ที่ฟ้องเรื่องการผูกขาดระบบจ่ายเงินในแอป แต่ผลลัพธ์กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะศาลมองว่า Apple ใช้ระบบปิด (iOS) ที่บริษัทมีสิทธิ์ควบคุมได้เต็มที่ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกใช้ Android แทนได้หากไม่พอใจ ซึ่งทำให้การควบคุมของ Apple ไม่เข้าข่ายผูกขาดตามกฎหมาย
แต่ในกรณีของ Google แม้ Android จะเป็นระบบเปิดที่อนุญาตให้ติดตั้งแอปจากภายนอกได้ แต่ Google กลับใช้อำนาจเหนือตลาดด้วยพฤติกรรมทางธุรกิจ เช่น การบังคับให้ผู้ผลิตมือถือและนักพัฒนาใช้บริการของ Google เท่านั้น รวมถึงห้ามโปรโมทช่องทางจ่ายเงินอื่น นำไปสู่การปิดกั้นการแข่งขันในทางปฏิบัติ ซึ่งศาลมองว่าเป็นการผูกขาดโดยใช้อิทธิพลในตลาดแบบแอบแฝง แตกต่างจาก Apple ที่แค่ควบคุมระบบของตัวเองโดยตรง
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Epic ถึงแพ้คดี Apple แต่กลับชนะคดี Google อย่างชัดเจน.
คดี Epic vs Google: เมื่อไดรับชัยชนะ เกมก็พร้อมจะเปลี่ยน
ในช่วงปลายปี 2023 คณะลูกขุนในศาลรัฐแคลิฟอร์เนียมีคำตัดสินว่า Google มีพฤติกรรมผูกขาด และปิดกั้นการแข่งขันในระบบ Android จริง
สิ่งที่ Google ทำถูกมองว่า “ไม่ยุติธรรม” ต่อผู้พัฒนาแอปและร้านค้าแอปทางเลือก เช่น:
-
บังคับใช้ระบบ Google Play Billing เท่านั้น
-
ห้ามนักพัฒนาโปรโมทช่องทางการจ่ายเงินอื่น
-
ให้สิทธิพิเศษกับแอปที่พรีโหลดหรืออยู่เฉพาะใน Play Store
Epic ได้รับชัยชนะทางกฎหมาย และสิ่งที่ตามมาคือคำสั่งจากศาลให้ Google ต้องเปิดระบบให้มากขึ้น ภายในระยะเวลาที่กำหนด
เส้นตาย 14 วัน: Google กำลังถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง
ในรายงานล่าสุดจาก The Verge เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ศาลได้กำหนดว่า Google ต้องเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงบางส่วน ภายใน 14 วัน หากคำร้อง “ขอเลื่อนดำเนินการ” (Administrative Stay) ไม่ได้รับอนุมัติ
Google ออกมาโต้ว่า การเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปจะ…
-
กระทบผู้ใช้กว่า 100 ล้านคนในสหรัฐฯ
-
กระทบผู้พัฒนาแอปกว่า 500,000 ราย
-
เสี่ยงต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
-
และอาจ ทำลายความสมดุลของระบบ Android ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ศาลยืนยันว่า Google ไม่จำเป็นต้องปรับทุกอย่างในทันที แต่ต้องมีบางส่วนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงภายในไม่กี่สัปดาห์ และส่วนที่เหลือจะทยอยตามมาในอีกหลายเดือนข้างหน้า
ถ้าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง โลกของ Android จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หาก Google แพ้คำร้องขอเลื่อน และต้องปฏิบัติตามคำตัดสินทันที ระบบ Android จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ:
-
นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องใช้ระบบจ่ายเงินของ Google อีกต่อไป
→ หมดค่าธรรมเนียม 15–30% -
สามารถแนะนำช่องทางชำระเงินนอกระบบได้โดยตรง
→ เช่น พาไปจ่ายผ่านเว็บไซต์หรือร้านอื่น -
แอปอื่นสามารถเสนอ storefront หรือระบบร้านค้าในตัวเองได้ใน Play Store
-
Google จะไม่สามารถให้สิทธิพิเศษกับแอปใน Play Store ได้อีกต่อไป
สรุป
คดีความระหว่าง Epic Games กับ Google ที่ยืดเยื้อมาหลายปี กำลังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Google Play Store ซึ่งอาจถือเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดของระบบ Android เลยก็ว่าได้ ด้วยคำสั่งของศาลระบุว่า Google ต้องเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงบางส่วนภายใน 14 วัน หากคำขอเลื่อนดำเนินการของ Google ไม่ได้รับอนุมัติ โดยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถใช้ระบบชำระเงินของตัวเองได้ โปรโมทช่องทางภายนอกได้ และลดบทบาทความผูกขาดของ Play Store ลงอย่างมาก
แม้ Google จะอ้างถึงความเสี่ยงต่อความปลอดภัยและผลกระทบต่อผู้ใช้นับร้อยล้านราย แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้คือผลสะท้อนจากการที่ระบบ Android เคยถูกควบคุมอย่างเข้มงวดมานาน หากศาลไม่รับคำร้องขอเลื่อน เราอาจได้เห็น Google Play Store เปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และโลกของ Android จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป