Close Menu
  • Home
  • Android
    • News
    • Tips
  • Apple
    • iPad
      • News
      • Tips
    • iPhone
      • News
      • Tips
  • WINDOWS
    • News
    • Tips
  • Gaming
    • Game Review
    • PlayStation
    • Nintendo
    • Xbox & PC
    • Mobile
  • Gadget Reviews
    • Accessories
    • Devices
  • Wearable
  • EV Car
  • Miscellaneous
    • News
    • Tips
  • Tips and Tricks
  • Video
  • Cooky Policies
  • ติดต่อโฆษณา
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
  • Home
  • Android
    • Tips & Tricks
  • Apple
    • Tips & Tricks
  • Windows
    • Tips & Tricks
  • Gaming
    • Game Review
    • In Spotlight
    • PlayStation
    • Xbox & PC
    • Nintendo
    • Mobile Games
  • Reviews
    • Mobiles & Tablets
    • Game Review
    • Accessories
  • EV Car
  • Miscellaneous
แอพดิสคัสแอพดิสคัส
คุณกำลังอ่าน :Home » Apple » เริ่มต้นกับ Homekit และระบบ Smart Home ของ Apple ง่ายๆ กับ Smart Home Guide
Apple

เริ่มต้นกับ Homekit และระบบ Smart Home ของ Apple ง่ายๆ กับ Smart Home Guide

Apple HomeKit เป็นระบบสมาร์ทโฮมที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านได้ง่ายๆ ผ่านแอปและ Siri โดยไม่ต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม ความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงเป็นจุดเด่นหลัก พร้อมฟีเจอร์การเชื่อมต่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบ้านอัจฉริยะทุกหลัง
9 กุมภาพันธ์ 2021Updated:9 มกราคม 20253 Mins Read
Smart Home Cover Share

ชาว iOS ทั้งหลายเคยสังเกตเห็นแอพที่เป็นรูปบ้านสีเหลืองที่ชื่อ “Home” หรือ “บ้าน” กันบ้างไหม รู้กันไหมว่าแอพพลิเคชั่นที่ว่านี้มีหน้าที่อะไร และอะไรคือระบบ Homekit จาก Apple ที่เราคุ้นหูกันมานานแสนนาน วันนี้ APPDISQUS จะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับระบบบ้านอัจฉริยะของ Apple ที่จะทำให้บ้านธรรมดาๆ ของเรากลายเป็นบ้านที่ตอบสนองความต้องการเราได้อย่างชาญฉลาดด้วยความช่วยเหลือจาก AI อย่าง Siri

หากใครกำลังมีความคิดอยากเริ่มต้นกับบ้านสมาร์ทโฮมสักหลังด้วยงบประมาณที่ไม่บานปลาย ติดตามรายการ Smart Home Guide ที่จะออนแอร์ทุกสัปดาห์เอาไว้ได้เลย รับรองว่าได้บ้านสมาร์ทอย่างฝันในราคาที่ไม่ทำให้กระเป๋าแบนแฟนทิ้งอย่างแน่นอน ส่วนใครที่ยังไม่ได้รับชมรายการใหม่จากเรา ก็สามารถรับชมได้จากวิดีโอด้านล่างนี้ กับ Smart Home Guide EP1 : เริ่มต้นกับ Homekit และระบบ Smart Home ของ Apple สำหรับคนที่ฟังไม่ทัน หรืออยากเน้นอ่านเป็นบทความก็ตามอ่านกันได้ต่อในบทความนี้ได้เลย


Homekit ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับคนที่กำลังมองวิธีการทำบ้านให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะ โดย Homekit นั้นเป็นแพลตฟอร์มสมาร์ทโฮมจากทางฝั่ง Apple ซึ่งจะใช้ Siri ในการเป็นตัวกลางการสั่งงานด้วยเสียงและช่วยรับและประมวลผลคำสั่งต่างๆ ไปยังอุปกรณ์ที่รองรับ Homekit หรืออยู่ในแอพพลิเคชั่น “Home” หรือ “บ้าน” บน iOS, iPadOS และ macOS ของเรา ซึ่งก็เหมือนกับ Google Assistant และระบบ Home ของ Google และ Amazon Alexa และระบบบ้านอัจฉริยะของ Amazon นั่นเอง

Advertisement
Advertisement
Advertisement

และเนื่องจากระบบอินเตอร์เน็ตของประเทศไทยเราตอนนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก เราจึงถือว่ามีความพร้อมในการพัฒนาระบบสมาร์ทโฮมได้ไม่ต่างจากประเทศชั้นนำทั้งหลาย และหลายๆ คนเองก็มีการใช้ระบบ Home Automation หรือ Smart Home นี้ในบ้านเช่นเดียวกัน วันนี้ APPDISQUS จึงจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ Homekit กันให้มากขึ้นกว่าเดิม

Homekit และแอพพลิเคชั่น Home คืออะไร?

Homekit คือแพลตฟอร์มบ้านอัจริยะของ Apple โดยออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านที่มีตั้งแต่ตัวควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน (Thermostats) ไปจนถึงปลั๊กไฟและหลอดไฟอัจฉริยะ หรือจะเป็นม่านหน้าต่างและประตูบ้านยันโรงรถเองก็สามารถควบคุมผ่าน Homekit ได้เช่นเดียวกันหากขึ้นชื่อว่าเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะ

โดย Apple นั้นยังมีแอพพลิเคชั่น Home ที่เขียนขึ้นมาเพื่อรองรับเฟรมเวิร์ค Homekit ของตนเองอีก เช่นเดียวกับแอพพลิเคชั่นจากนักพัฒนาอิสระมากมายที่ก็ใช้ประโยชน์จากเฟรมเวิร์ค Homekit เช่นเดียวกัน อาทิ แอพพลิเคชั่น Eve Home และ Home+ ที่ก็ถือว่าเป็นแอพพลิเคชั่นเด่นที่คนเล่นสมาร์ทโฮมบนแพลตฟอร์ม Homekit นิยมกัน

หน้ารายการโปรดในแอพ Home
หน้าบ้านในแอพ Home
ห้องนอนในแอพ Home
ห้องโฮมเธียเตอร์ในแอพ Home

แอพพลิเคชั่น Home ที่เราเห็นบน iPhone, iPad และ Mac ของเรานั้นเปรียบได้กับหน้าต่างควบคุมบ้านอัจฉริยะของเรานั่นเอง โดยแอพพลิเคชั่น Home นั้นจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมของอุปกรณ์ Homekit Compatible ที่เราเชื่อมต่อไว้บน Homekit Framework ของระบบอีโค่ซิสเต็มจาก Apple ทำให้เราสามารถควบคุมอุปกรณ์จากหลากหลายแบรนด์ได้ในแอพพลิเคชั่นเดียว แต่หากต้องการควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้จากระยะไกล เราต้องเชื่อมต่อ Homekit Hub ภายในบ้านของเราก่อนเพื่อให้เจ้า Homekit Hub ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อเราเข้ากับอุปกรณ์อัจฉริยะบน Homekit ของเราอีกทีเวลาที่เราไม่ได้เชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเดียวกันกับบรรดาอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้าน

Homekit Hub คืออะไร และทำไมเราถึงต้องใช้มัน?

Homekit Hub นั้นเปรียบได้กับสมองอัจฉริยะหากเราต้องการสั่งงานอุปกรณ์ที่เราเชื่อมต่อไว้บน Homekit ในเวลาที่เราไม่ได้อยู่ในบ้าน โดยเจ้า Homekit Hub นั้นจะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างเรากับอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ภายในบ้าน ซึ่งแนวทางนี้ Apple คิดขึ้นมาเพราะต้องการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานสมาร์ทโฮมนั่นเอง

ที่บอกว่าปลอดภัยก็เพราะอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านคุณที่เป็น Homekit Compatible นั้นจะไม่สามารถทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและรับคำสั่งหรือส่งคำสั่งใดๆ ออกไปได้เองหากคุณใช้งานมันจากแอพพลิเคชั่น Home เท่านั้น (เว้นแต่จะใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นของผู้ผลิตอุปกรณ์แต่ละรายที่อาจมีวิธีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์นั้นๆ แตกต่างกันไป) โดยอุปกรณ์เหล่านั้นจะต้องรอรับคำสั่งและ/หรือสั่งคำสั่งไปที่ Homekit Hub เท่านั้นในกรณีที่เราไม่อยู่บ้าน แล้วเจ้า Homekit Hub ถึงจะทำหน้าที่ส่งต่อคำสั่งนั้นๆ ไปยังอุปกรณ์ที่เราต้องการต่ออีกทอดหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องการรุกรานจากผู้ไม่หวังดีที่หากสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตรงได้อาจใช้มันทำสิ่งที่ไม่สมควร

นั่นหมายความคำสั่งต่างๆ ที่เราสั่งไปยังอุปกรณ์อัจฉริยะของเรานั้นจะไม่ถูกนำไปประมวลผลและเก็บเป็นข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์ของผู้ให้บริการรายใด เพราะตัวที่คอยสั่งการแทนคำสั่งที่ได้รับจากเรานั้นคืออุปกรณ์ Homekit Hub ที่ว่ามานี่ล่ะ ซึ่งก็ทำให้เรามั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย

Homekit Hub Devices

อุปกรณ์ Homekit Hub ในปัจจุบันนี้ที่ Apple อนุญาตให้ใช้งานในการเป็นตัวรับและถ่ายทอดคำสั่งของเราจากระยะไกลไปยังอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ภายในบ้านนั้นประกอบด้วย iPad, Apple TV4K และ Gen 4, Homepod และ Homepod Mini โดยมีข้อกำหนดว่าอุปกรณ์ที่จะมาเป็น Homekit Hub นั้นจะต้องเชื่อมต่อ Internet วงสัญญาณเดียวกับอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลายภายในบ้านของเราไว้ตลอดเวลา และต้องมีไฟเลี้ยงเสมอ (จะเปิดหน้าจอหรือจะอยู่ในโหมดพักหน้าจอหรือโหมดสแตนด์บายก็ได้) และด้วยข้อกำหนดนี้เอง iPad จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม “น้อยที่สุด” ในการเป็น Homekit Hub ให้กับบ้านของเรา เพราะหากเมื่อไหร่ Homekit Hub ของเราถูกปิด หรือแบตหมด หรือเชื่อมต่อเน็ตไม่ได้ อุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านเราก็จะไม่สามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านทางแอพพลิเคชั่น Home ได้ในทันที

ทั้งนี้ในบ้านหนึ่งหลังเราสามารถมี Homekit Hub ได้มากกว่า 1 ตัว และยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความเสถียรให้กับระบบ Homekit ของเราได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อไหร่ที่ Homekit Hub ตัวใดตัวหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นระหว่างการใช้งาน ระบบจะสลับไปใช้งาน Homekit Hub ตัวอื่นภายในบ้านของเราในทันที ทำให้ประสบการณ์ใช้งานบ้านอัจฉริยะของเราจากระยะไกลนั้นไม่เกิดการสะดุด

Homekit รองรับอุปกรณ์ประเภทใดบ้าง?

Apple พัฒนา Homekit ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นแผนโร๊ดแมฟพัฒนาในทุกปีที่ ซึ่งก็รวมไปจนถึงการเพิ่มชนิดอุปกรณ์ที่รองรับในระบบ Homekit ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย โดยในปัจจุบันนี้ Homekit Framework รองรับอุปกรณ์ต่างๆ ตามรายการดังนี้

เกาะประเด็น:  iOS 26 มาแล้ว ดีไซน์ใหม่ Liquid Glass พร้อมแอปเกม สู่ยุคใหม่เต็มรูปแบบ

Homekit Accessory Types

อุปกรณ์ Homekit แต่ละอย่างนั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุมความต้องการในชีวิตประจำวันของเรา ยกตัวอย่างเช่นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิของที่อยู่อาศัยอย่าง Thermostats ที่ก็เอามาใช้งานร่วมกับอุปกรณ์กลุ่ม Air Conditioners และ Humidifiers ได้เพื่อปรับอุณหภูมิภายในห้องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและสบายตัวกับเรา หรืออุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่างๆ ที่เมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์กลุ่มต่างๆ แล้วจะสามารถสร้างสรรค์ Automation หรือการทำงานอัตโนมัติที่น่าสนใจได้ รวมไปจนถึงเมื่อนำมาใช้กับอุปกรณ์กลุ่ม Security ก็จะเอามาช่วยเสริมทัพความปลอดภัยภายในบ้านของเราได้เช่นเดียวกัน

อุปกรณ์ Thermostats
อุปกรณ์ Lightings
อุปกรณ์ Garage Door
อุปกรณ์ Speakers

นอกจากนี้ Homekit เองก็ยังรองรับอุปกรณ์ในกลุ่มบันเทิง หรือ Entertainment อย่างครอบคลุม เริ่มตั้งแต่โทรทัศน์ เครื่องเสียง (AVR) และลำโพงที่รองรับ AirPlay 2 และอุปกรณ์ภายนอกบ้านอย่างสปริงเกอร์ลดน้ำอัตโนมัติ หรือภายในครัวอย่างก๊อกน้ำเอง ณ ปัจจุบันนี้ก็มีรุ่นที่เป็นก๊อกน้ำอัจฉริยะที่รองรับ Homekit ออกมาให้เห็นแล้วเช่นเดียวกัน

ระบบ Security
เซ็นเซอร์กลุ่มอากาศ
เซ็นเซอร์ตรวจจับควัน
เซ็นเซอร์ความเข้มข้นแสง
เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว

ทั้งหมดนี้น่าจะพอเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ณ ปัจจุบันนี้ Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะนั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัวของพวกเราเลย ดังจะเห็นได้จากอุปกรณ์ที่รองรับในระบบ Homekit ที่ได้อ่านผ่านตาไปข้างต้น ซึ่งแน่นอนว่ารายการอุปกรณ์ที่รองรับนั้นนับวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นใครที่กำลังคิดว่า Smart Home บนระบบ Homekit นั้นจะตอบโจทย์และครอบคลุมบ้านอัจฉริยะของตนหรือไม่ อเล็กซ์เองก็ขอยืนยันตอนนี้เลยว่าตอบโจทย์และครอบคลุมอย่างแน่นอน และเมื่อเราประกอบเอาหลายๆ อุปกรณ์เหล่านี้เข้าใช้งานในฟังก์ชั่น “Scene (ฉาก)” และ “Automation (การทำงานอัตโนมัติ)” แล้ว บ้านอัจฉริยะของเราก็จะกลายเป็นบ้านที่อัจฉริยะจริงสมชื่อ สมดังตั้งใจได้อย่างไม่ยาก

Automation และ Scene หมัดเด็ดของระบบบ้านอัจฉริยะ

ทันทีที่เรากดฉาก “เข้านอน” หรือบอก Siri ว่า “เข้านอน” อุปกรณ์ต่างๆ ที่เราตั้งค่าไว้ในฉาก “เข้านอน” ก็จะเข้าสู่สถานะนั้นๆ ตามที่เราตั้งค่าไว้ในฉากในทันที

บ้านอัจฉริยะนั้นไม่ได้หมายความเพียงแค่เราสามารถสั่งการอุปกรณ์ได้จากภายนอกบ้าน หรือสามารถสั่งการได้ด้วยเสียงเท่านั้น หากแต่หมัดเด็ดที่ทำให้บ้านอัจฉริยะหรือ Smart Home มีประโยชน์จริงๆ นั้นต้องยกให้กับฟังก์ชั่น Automation และ Scene (ใน Google Assistant เรียกว่า Routine ส่วนใน Amazon Alexa เรียกว่า Skill) ซึ่งทั้งสองฟังก์ชั่นนี้นี่เองที่จะทำให้บ้านอัจฉริยะของเราเป็นบ้านอัจฉริยะสมชื่อและใช้ประโยชน์ได้จริง

  • Scene
สร้างฉาก Goodnight ไว้ใช้ก่อนเข้านอน
อุปกรณ์และพร้อมตั้งสถานะในฉาก
สร้างฉาก PS5 เพื่อกดใช้ตอนเล่นเกม
อุปกรณ์และสถานะในฉาก PS5

Scene หรือ ฉาก นั้นคือการสร้างฉากที่รวบรวมเอาอุปกรณ์อัจฉริยะที่เราต้องการสั่งทำงานพร้อมกันเวลาสั่งงานฉากนั้นๆ เข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราเข้านอน เราอาจต้องการให้ไฟภายในบ้านดับลง พร้อมกับเปิดไฟบริเวณรอบบ้านบางจุด และปรับแอร์ในห้องนอนของเราให้อยู่ที่ 25 องศาเพื่อให้เราหลับสบาย พร้อมกับเปิดเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน เราสามารถสร้างฉาก “เข้านอน” ขึ้นมาแล้วเลือกเอาอุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้องการควบคุมเข้าไปอยู่ในฉากนี้ พร้อมตั้งสถานะอุปกรณ์นั้นๆ ตามที่เราต้องการ ทันทีที่เรากดฉาก “เข้านอน” หรือบอก Siri ว่า “เข้านอน” อุปกรณ์ต่างๆ ที่เราตั้งค่าไว้ในฉาก “เข้านอน” ก็จะเข้าสู่สถานะนั้นๆ ตามที่เราตั้งค่าไว้ในฉากในทันที

Scene หรือฉากต่างๆ เหล่านี้ยังสามารถนำมาแมฟเพื่อเรียกใช้งานร่วมกับสวิตช์อัจฉริยะในบ้านเราได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นอุปกรณ์ Stateless Switch ของ Aqara ที่เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับ Homekit แล้ว เราจะสามารถตั้งค่าให้การกดปุ่มแต่ละปุ่มนั้นเรียก Scene หรือฉากที่เราตั้งเอาไว้ขึ้นมาใช้งานได้ รวมไปจนถึงการเรียกฉากต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาใช้งานจาก NFC Automation ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

  • Automation
หน้า Automation ทั้งหมด
หน้าการตั้งค่า Automation
หน้าการสร้างเงื่อนไข Automation

Automation นั้นจะเป็นการตั้งการทำงานของอุปกรณ์ตามเงื่อนไขที่ต้องเกิดขึ้นก่อน (Condition) โดยอุปกรณ์นั้นๆ จะไม่ทำงานโดยอัตโนมัติหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่มีการตั้งค่าไว้ ซึ่ง Automation นี้เองที่เอื้อให้เราสามารถใช้งานบ้านอัจฉริยะของเราได้อย่างอิสระเท่าที่เราจะคิดออกว่าต้องการทำอะไร ตัวอย่างเช่น เราอาจตั้งค่าให้เซ็นเซอร์แสงภายในบ้านตรวจวัดค่า Lux ของแสง โดยตั้งเงื่อนไขว่าหากค่า Lux ต่ำกว่าตัวเลขใดตัวเลขหนึ่ง (ที่เรารู้สึกว่าบ้านมืดเกินไปแล้ว) ให้เปิดไฟภายในบ้านและภายนอกบ้านตามจุดที่เราต้องการ ในขณะเดียวกันเมื่อค่า Lux สูงกว่าตัวเลขใดตัวเลขหนึ่ง (ที่เรารู้สึกว่าบ้านสว่างพอแล้ว) ก็ให้ปิดไฟดวงต่างๆ โดยอัตโนมัตินั่นเอง ซึ่งตัวอย่างที่ว่ามานี้จะเอื้อให้บ้านเราสามารถเปิด/ปิดไฟได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์จริง ไม่เหมือนอย่างการตั้งค่าให้ไฟเปิดและปิดตามเวลา เพราะเวลาในแต่ละวันนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นและตกไม่เท่ากัน รวมทั้งสภาพอากาศและฟ้าฝนเองก็ยังเป็นปัจจัยให้ท้องฟ้ามืดครึ้มได้แม้ดวงอาทิตย์จะยังไม่ตกดิน

อย่างไรก็ตาม การตั้ง Automation บนแอพพลิเคชั่น Home นั้นยังสร้างเงื่อนไขได้ไม่หลากหลายนัก ดังนั้นใครที่คิดจะจริงจังกับ Smart Home ในระบบ Homekit และต้องการสร้างเงื่อนไขที่มีความเจาะจงและหลากหลายมากกว่านี้ APPDISQUS เองแนะนำให้ใช้งานแอพพลิเคชั่นจากผู้พัฒนาอิสระที่พัฒนามาสำหรับ Homekit Framework จะดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น Eve Home และ Home+ ซึ่งสามารถตั้งเงื่อนไขของ Automation ได้หลากหลายและละเอียดกว่ามาก รวมทั้งเงื่อนไขทั้งหมดยังทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น Home ได้อย่างไม่มีปัญหาอีกด้วย ซึ่งเราจะมาพูดถึงประเด็นนี้กันโดยละเอียดกับ Smart Home Guide ในตอนต่อๆ ไป


และนี่คือพื้นฐานที่ควรรู้เกี่ยวกับระบบบ้านอัจฉริยะหรือ Smart Home บน iOS อย่าง Homekit และแอพพลิเคชั่น Home ซึ่งหากเพื่อนๆ สนใจและต้องการเริ่มทำความเข้าใจมันให้มากกว่านี้ อย่าลืมติดตาม APPDISQUS และ Smart Home Guide ตอนต่อไป เพราะเราจะมาพร้อมกับเรื่องราวของโลก Smart Home บน Homekit Framework พร้อมเทคนิกดีๆ ในการเริ่มต้นใช้งานที่มากขึ้น เพื่อให้เพื่อนๆ พร้อมสำหรับการเปลี่ยนบ้านตัวเองให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะตามโลกยุคใหม่นี้ได้โดยไม่ต้องกังวลว่ากระเป๋าจะช้ำอย่างแน่นอน

แล้วพบกันใน Smart Home Guide ตอนที่ 2 อย่าลืมติดตามกันนะครับ =)

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Smart Home ที่น่าสนใจ

  • รีวิว Ambi Climate Mini : อุปกรณ์ควบคุมเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะตัวเล็ก ที่ฟังก์ชั่นไม่เล็กเลย
  • Living Smart: ชอบดู Netflix และ Apple TV+ ควรเลือกทีวีแบบไหนดี? ที่นี่มีคำตอบ
  • Living Smart : ระบบเสียง Dolby Atmos / DTS-X คืออะไร และจะต้องเซ็ตอย่างไรให้ได้เสียงที่ว่าในงบประมาณที่เหมาะสม…ที่นี่มีคำตอบ
  • รีวิว Philips Hue Play HDMI Sync Box เปลี่ยนมิติการดูหนังและเล่นเกมกับไฟที่เปลี่ยนสีตามการแสดงผลจริง
  • รีวิว Ambi Climate 2 มาเปลี่ยนแอร์แก่ๆ ให้กลายเป็นแอร์อัจฉริยะมี AI กัน

Advertisement
apple home HomeKit How To Smart Home Smart Home Guide
Google News YouTube
Share. Facebook Twitter LinkedIn Email Copy Link
Avatar photo
Alex
  • Website
  • Facebook
  • X (Twitter)
  • Instagram

อเล็กซ์ หรือ เอ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเอามือถือหรือ iPad ข้างกายตนมาจับๆ จิ้มๆ ตามประสาคนมีงานแต่ชอบเล่นเกม คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจเอได้เสมอผ่านทางการคอมเมนต์ในบทความนี้

Advertisement
Advertisement
Advertisement

Related Posts

Apple

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025
Apple

iOS 26 มาแล้ว ดีไซน์ใหม่ Liquid Glass พร้อมแอปเกม สู่ยุคใหม่เต็มรูปแบบ

10 มิถุนายน 2025
Apple

WWDC 2025 เปิดฉาก! เผยโฉม iOS 26, macOS Tahoe และอนาคตซอฟต์แวร์ Apple

10 มิถุนายน 2025
Apple

iOS 26 ตัด iPhone รุ่นเก่าออกจากลิสต์ รองรับเฉพาะ iPhone 11 ขึ้นไป

10 มิถุนายน 2025
Apple

3 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดดูงาน Apple WWDC 2025 คืนวันจันทร์นี้

9 มิถุนายน 2025
Apple

Apple หักค่าคอมมิชชันสูง แต่สร้างรายได้มหาศาลให้ผู้พัฒนาแอป

30 พฤษภาคม 2025
What Score?
8.1
Devices

รีวิว iQOO Neo 10 เกิดมาเพื่อเกมเมอร์ สเปกแรง! จัดเต็มแม็กซ์ 7000mAh

By Noppinij5 มิถุนายน 2025282 Views
7.6
Devices

รีวิว realme C71 สมาร์ตโฟนสุดคุ้ม บางเบา สวยงาม แบตอึดที่สุดในรุ่น

By Noppinij4 มิถุนายน 2025
8.4
Your Updates

รีวิวหัวชาร์จ CUKTECH AD1003 120W ชาร์จเร็วครบ! ทุกเรือธงแบรนด์จีน

By Noppinij14 พฤษภาคม 2025
48
Xbox & PC World

Review : Scarred เกมสยองขวัญจากสิงคโปรที่ยังขาดความน่ากลัว

By Teethasade Isarankura Na Ayudhaya6 พฤษภาคม 2025

On AppDisqus Channel

3 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดดูงาน Apple WWDC 2025 คืนวันจันทร์นี้

Follow Us
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
  • TikTok
Latest
Gaming

Sony ปลดล็อกภูมิภาค Steam สำหรับเกม PlayStation ที่พอร์ตลงแล้ว

By Teethasade Isarankura Na Ayudhaya14 มิถุนายน 2025

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025

iOS 26 ส่องฟีเจอร์ใหม่ที่ Android เคยมีมาก่อนแล้วหลายปี

14 มิถุนายน 2025

แท็บเล็ตเกมมิ่งรุ่นเล็ก Redmi K Pad โผล่บน Geekbench ใช้ชิป Dimensity 9400+ พร้อม Android 15

14 มิถุนายน 2025

ข้อมูล Nothing Phone 3 วันวางจำหน่าย ราคา สเปก และอื่นๆ

13 มิถุนายน 2025
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Gaming

Sony ปลดล็อกภูมิภาค Steam สำหรับเกม PlayStation ที่พอร์ตลงแล้ว

14 มิถุนายน 2025
Apple

iOS 26 แปลภาษาสดได้ในสายสนทนา พร้อมทำงานได้แบบออฟไลน์

14 มิถุนายน 2025
Android

iOS 26 ส่องฟีเจอร์ใหม่ที่ Android เคยมีมาก่อนแล้วหลายปี

14 มิถุนายน 2025
Android

แท็บเล็ตเกมมิ่งรุ่นเล็ก Redmi K Pad โผล่บน Geekbench ใช้ชิป Dimensity 9400+ พร้อม Android 15

14 มิถุนายน 2025
แอพดิสคัส
Facebook X (Twitter) Instagram YouTube TikTok
  • Home
  • ติดต่อโฆษณา
  • Cookies Policy & Settings
© 2025 APPDISQUS.COM APPDISQUS : A Source You Can Trust.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าคุกกี้อนุญาตทั้งหมด
ตั้งค่าความยินยอม

Privacy Overview

AppDisqus.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานในขณะที่คุณกำลังอ่านและรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ โดยในบรรดาคุกกี้เหล่านี้ คุกกี้ประเภทข้อมูลที่จำเป็นนั้นจะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณเองที่ใช้สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าคุกกี้เหล่านี้เป็นคุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและสมบูรณ์ นอกจากนี้เรายังใช้คุกกี้บุคคลที่สามเพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และเข้าใจการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ของคุณมากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้เหล่านี้จะถูกจัดเก็บเอาไว้บนอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น และจะจัดเก็บได้ก็ต่อเมื่อคุณได้การอนุญาต ทั้งนี้คุณสามารถจัดการกับการตั้งค่าคุกกี้ของคุณได้เสมอผ่านทางเมนูการตั้งค่านี้

อย่างไรก็ตาม การปิดการใช้งานคุกกี้บางประเภทอาจทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของคุณได้
ข้อมูลจำเป็น
Always Enabled
คุกกี้บางประเภทนั้นจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้งานเพื่อทำให้เว็บไซต์สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ครบฟังก์ชั่นกับผู้ใช้งานได้ โดยคุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เราคงเซ็สชั่นการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณเอาไว้ ตลอดจนป้องกันสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานเว็บไซต์ AppDisqus.com ทั้งนี้ คุกกี้ประเภทนี้จะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น คุกกี้ประเภทนี้จะใช้เพื่อให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบและคงสถานะการเข้าระบบของคุณบนเว็บเว็บไซต์เราเอาไว้ได้นั่นเอง
CookieDurationDescription
AWSALBCORS7 daysAmazon Web Services ใข้คุกกี้นี้เพื่อเป็นการใช้งานฟังก์ชั่น load balancing หรือการกระจายโหลดเซิร์ฟเวอร์
cf_use_obpastCloudflare ใช้คุกกี้นี้เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ เพื่อประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชม
cookielawinfo-checkbox-analytics11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ข้อมูลสถิติ"
cookielawinfo-checkbox-functional11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ฟังก์ชั่นการทำงาน"
cookielawinfo-checkbox-necessary11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "จำเป็น"
cookielawinfo-checkbox-others11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "อื่นๆ"
cookielawinfo-checkbox-performance11 monthsคุกกี้นี้จัดเก็บความยินยอมของผู้ใช้งานให้กับคุกกี้ในหมวดประเภท "ประสิทธิภาพ"
JSESSIONIDsessionคุกกี้ JSESSIONID ถูกใช้โดย New Relic เพื่อเป็นการเก็บไอดีจำเพราะในการเข้าใช้งานของผู้ใช้งานเพื่อให้ New Relic สามารถติดตามและตรวจนับเซ็ตชั่นการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้
viewed_cookie_policy11 monthsคุกกี้นี้ใช้เพื่อเป็นการเก็บความยินยอมในการอนุญาตให้จัดเก็บและใช้งานคุกกี้ของผู้ใช้งาน โดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ใช้งานแม้แต่น้อย
ข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงาน
คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลเพื่อฟังก์ชั่นการทำงานที่อาจไม่ได้จำเป็นที่สุดบนหน้าเว็บไซต์ AppDisqus.com ยกตัวอย่างเช่นฟังก์ชั่นการฝังสื่อประเภทวิดีโอและปุ่มการแชร์บทความไปยังโซเชียลมีเดียต่างๆ บนเว็บไซต์เป็นต้น
ข้อมูลประสิทธิภาพ
คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อวิเคราะห์ความเข้าใจในประสบการณ์การทำงานของเว็บไซต์ต่อผู้ใช้งาน เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลสถิติ
คุกกี้ประเภทนี้จะจัดเก็บข้อมูลประเภทสถิติ เช่นตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์ ตัวเลข UIP หรือผู้ใช้งานที่นับต่อ IP ข้อมูลหน้าเว็บไซต์ที่ถูกเข้าถึงบ่อยที่สุด ข้อมูลแหล่งที่มาของการเข้าถึง และอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์เราได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนชี้ให้เห็นว่าเราควรปรับปรุงในเรื่องใดเพื่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นของผู้ใช้งาน
CookieDurationDescription
_ga_CE4TLMWX4S2 yearsคุกกี้ถูกติดตั้งโดย Google Analytics เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
_gid1 dayติดตั้งโดย Google Analytics โดย คุกกี้ _gid นี้ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของผู้เข้าชม ในขณะเดียวกันก็ยังใช้ในการจัดทำสถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วย โดยข้อมูลที่เก็บนั้นยกตัวอย่างเช่นจำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา และหน้าที่ผู้เข้าชมเปิดอ่านโดยไม่เปิดเผยตัวตนของผู้เข้าชม
ข้อมูลเพื่อการโฆษณา
คุกกี้ประเภทโฆษณาจะช่วยให้เราสามารถเผยแพร่โฆษณาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้เข้าชมเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น โดยคุกกี้ประเภทนี้จะติดตามการใช้งานในเว็บไซต์ AppDisqus เท่านั้นเพื่อการเผยแพร่โฆษณาได้อย่างตรงความต้องการของผู้ใช้งานต่อไป
CookieDurationDescription
IDE1 year 24 daysคุกกี้จาก Google DoubleClick IDE นี้ติดตั้งโดย Google เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อกำหนดมาตรฐานในการเลือกโฆษณาที่ตรงความต้องการของผู้ใช้งานมาแสดงบนหน้าเว็บไซต์
test_cookie15 minutesคุกกี้นี้ถูกติดตั้งโดย Doubleclick.net (Google) เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าบราวเซอร์ที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้งานอยู่รองรับคุกกี้หรือไม่
VISITOR_INFO1_LIVE5 months 27 daysคุกกี้นี้ถูกใช้งานโดย Youtube เพื่อตรวจสอบแบนด์วิดธ์ที่ผู้ใช้งานใช้ในการเปิดดูวิดีโอ เพื่อเป็นการระบุเวอร์ชั่นของตัวเล่นวิดีโอว่าเป็นเวอร์ชั่นใหม่หรือเก่า
YSCsessionคุกกี้ YSC ถูกติดตั้งและใช้งานโดย Youtube โดยใช้เพื่อเป็นการดึงเอาข้อมูลวิดีโอจากเว็บไซต์ Youtube ขึ้นมาแสดงในหน้าที่ดึงเอาวิดีโอนั้นๆ มาแสดง
yt-remote-connected-devicesneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt-remote-device-idneverYoutube ติดตั้งคุกกี้นี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลการตั้งค่าการเล่นวิดีโอของ Youtube บนเว็บไซต์นี้เพื่อใช้ในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
yt.innertube::nextIdneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
yt.innertube::requestsneverคุกกี้จาก Youtube ประเภทนี้ใช้สำหรับการสร้างเลขไอดีจำเพาะเพื่อเก็บข้อมูลของวิดีโอที่ผู้เข้าชมเพิ่งรับชมไปในเว็บไซต์นี้
ข้อมูลอื่นๆ
คุกกี้ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการระบุหมวดหมู่ประเภทเอาไว้ แต่อาจมีผลต่อประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo