เสียวหมี่ ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว Xiaomi 15T Series สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วย Xiaomi 15T และ Xiaomi 15T Pro การเปิดตัวครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในตระกูล T Series ที่จะก้าวจากการถ่ายภาพระดับเรือธงและการใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ใช้งานยุคใหม่ ไปสู่นวัตกรรมเทคโนโลยีมือถือขั้นสูงพร้อมภาพที่เหนือชั้นและการออกแบบที่ประณีต
ในบทความนี้
เลนส์ที่โดดเด่นเพื่อการถ่ายภาพอันเหนือระดับ
Xiaomi 15T Series ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพของภาพถ่าย โดยมาพร้อมระบบกล้องสามตัวขั้นสูงที่ร่วมพัฒนากับ Leica ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องหลัก กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องเทเลโฟโต้ที่อยู่ใน Xiaomi 15T ในขณะที่ Xiaomi 15T Pro นั้นมาพร้อมกล้องหลัก กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x Pro ทั้งนี้ระบบกล้องของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนั้นถูกออกแบบมาเพื่อมอบผลลัพธ์อันน่าประทับใจในทุกสถานการณ์และเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย Xiaomi 15T Pro และ Xiaomi 15T ให้ตัวเลือกความยาวโฟกัสมาหลายระยะ โดย Xiaomi 15T Pro ให้ความยาวโฟกัสตั้งแต่ 15 มม. ถึง 230 มม. ในขณะที่ Xiaomi 15T ให้ความยาวโฟกัสตั้งแต่ 15 มม. ถึง 92 มม.ในกล้องหลังทั้งสามตัว จึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพมุมกว้างหรือถ่ายภาพระยะใกล้ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
หัวใจสำคัญของกล้องหลักความละเอียด 50MP บน Xiaomi 15T Series คือเลนส์ออปติคอล Leica Summilux ที่สามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยรูรับแสงขนาด ƒ/1.7 ในรุ่นพื้นฐาน และรูรับแสงขนาด ƒ/1.62 ในรุ่น Pro โดยนอกจากจะสามารถเก็บรายละเอียดที่ซับซ้อนได้แล้วยังมอบสีสันสดใสและคอนทราสต์สูงให้กับภาพได้แม้ในสภาพแสงน้อย ทั้งนี้ Xiaomi 15T Pro ยังก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยการใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ประสิทธิภาพสูงที่ให้ช่วงไดนามิกสูงถึง 13.5 EV จึงช่วยเพิ่มความคมชัดและความแม่นยำของโทนสีได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Xiaomi T Series ได้ทำการเปิดตัวกล้องเทเลโฟโต้ Leica 5x Pro เป็นครั้งแรก โดย Xiaomi 15T Pro มาพร้อมประสิทธิภาพการซูมแบบออปติคอล 5 เท่า ซูมระดับออปติคอล 10 เท่า และซูมแบบอัลตร้าสูงสุด 20 เท่า จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพในหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์อันกว้างไกลไปจนถึงภาพที่มีรายละเอียดสูง นอกจากนี้สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นยังให้กล้องหน้าความละเอียด 32MP สำหรับการเซลฟี่และวิดีโอคอลอีกด้วย
ทั้งนี้นอกจากฮาร์ดแวร์ของกล้องที่ล้ำสมัยในซีรีส์นี้แล้ว ตัวอุปกรณ์ยังทำงานร่วมกับ Xiaomi AISP 2.0 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการประมวลผลภาพถ่ายรุ่นใหม่ของแบรนด์ Xiaomi AISP 2.0 มอบฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย เช่น PortraitLM 2.0 และ ColorLM 2.0 ที่จะช่วยปรับแต่งภาพโดยการปรับปรุงการรับรู้ระยะชัดลึก ช่วงโทนสี และความคมชัดของสี ส่งผลให้ภาพถ่ายดูเป็นธรรมชาติและสมจริงมากยิ่งขึ้น โดยแทบไม่ต้องปรับแต่งใดๆ ในทั้งสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น
โหมดนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งโดยเฉพาะสำหรับโหมด Master Portrait ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากโหมด Portrait ของรุ่นก่อนหน้า โดยให้เอฟเฟกต์โบเก้แบบใหม่ทั้งหมดสำหรับแสงของพื้นหลัง เช่น Wide และ Bubbles ทั้งยังให้ผู้ใช้งานสามารถปรับเอฟเฟกต์รูรับแสงและระยะโฟกัสเองได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพสตรีทของ Leica ที่จะให้คุณได้ถ่ายช่วงเวลาสำคัญไว้ได้อย่างรวดเร็วจากหน้าจอที่ล็อก ผู้ใช้ยังสามารถใช้ระยะโฟกัสอันเป็นเอกลักษณ์ที่หลากหลายได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น 28 มม., 35 มม., 50 มม., 75 มม. และพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้ Xiaomi 15T Pro ระยะ 135 มม. สำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้
สำหรับการถ่ายวิดีโอ Xiaomi 15T Series ก็ได้มอบความสามารถระดับมืออาชีพให้กับครีเอเตอร์ โดยสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นรองรับการบันทึกภาพที่ความละเอียด 4K 30fps HDR10+ ในทุกระยะโฟกัสจึงสามารถรักษาความคมชัดของสีและคอนทราสต์ที่สม่ำเสมอไม่ว่าจะใช้เลนส์ใดก็ตาม ทั้งนี้ Xiaomi 15T Pro ยังได้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยการรองรับการถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูง 4K 120fps บนกล้องหลัก จึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์คลิปวิดีโอคุณภาพสูงพร้อมการควบคุมเฟรมที่แม่นยำ นอกจากนี้สำหรับกระบวนการโพสต์โปรดักชั่น ยังให้การบันทึกแบบ 4K 60fps 10-bit Log พร้อมอินพุต LUT จึงมอบความยืดหยุ่นให้คุณเป็นอย่างยิ่ง
Xiaomi 15T Series มอบระบบกล้องที่ครบครันสำหรับทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอ โดยมอบโซลูชันที่ครบครันรอบด้านสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการการควบคุมที่ง่ายดายและผลลัพธ์อันน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกช่วงเวลาที่เกิดขึ้นทันทีหรือจะรังสรรค์เรื่องราวอย่างพิถีพิถัน
การเชื่อมต่อที่ล้ำสมัยผสานเข้ากับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด
นอกเหนือจากการถ่ายภาพแล้ว Xiaomi 15T Series ยังก้าวเข้าสู่การเชื่อมต่อมือถืออย่างเต็มรูปแบบ และยังได้ให้คำนิยามใหม่สำหรับการเชื่อมต่อของผู้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย หัวใจสำคัญของนวัตกรรมนี้คือ Xiaomi Astral Communication ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยีขั้นสูงรวมไปถึงการเปิดตัว Xiaomi Offline Communication เป็นครั้งแรกใน Xiaomi T Series โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารด้วยเสียงโดยตรงระหว่างสมาร์ทโฟน Xiaomi 15T Series ได้ในระยะไกลสูงสุด 1.9 กม. บน Xiaomi 15T Pro และระยะ 1.3 กม. บน Xiaomi 15T แม้จะไม่มีสัญญาณมือถือหรือ Wi-Fi ก็ตาม จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบเปิด เช่น ป่าดงดิบ ทะเลทราย หรือเส้นทางเดินป่าที่ห่างไกล เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจเป็นพิเศษเมื่อเครือข่ายแบบเดิมไม่สามารถใช้งานได้
เพื่อการเชื่อมต่อที่เสถียรและปรับเปลี่ยนได้ในทุกสถานการณ์ Xiaomi Astral Communication จึงได้รวม Xiaomi Surge T1S Tuner เข้าไว้ด้วยกัน โดยรองรับ GPS, Wi-Fi, Bluetooth และสัญญาณมือถือได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งจะทำงานร่วมกับ Super Antenna Array เสาอากาศประสิทธิภาพสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานมือถือโดยรวม และ AI Smart Antenna Switching เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณสูงสุด ดังนั้นไม่ว่าผู้ใช้จะกำลังสตรีมมิ่ง ท่องเว็บ หรือเล่นเกม ระบบจะทำการผสานรวมสัญญาณเพื่อการเชื่อมต่อที่แรงและเสถียร
นอกจากเทคโนโลยีการสื่อสารแล้ว Xiaomi 15T Series ยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ล่าสุดอย่าง Xiaomi HyperOS 3 เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 3 จะเปิดตัวทั่วโลกใน Xiaomi 15T Series พร้อมฟีเจอร์การทำงานแบบมัลติทาสก์ที่ได้รับการปรับปรุง การเปิดแอปพลิเคชันที่รวดเร็วขึ้น และองค์ประกอบอินเทอร์เฟซที่ได้รับการออกแบบใหม่ ซึ่งรวมไปถึงล็อกสกรีน วอลเปเปอร์ ไอคอน วิดเจ็ต และแม้แต่ดีไซน์การแจ้งเตือนแบบใหม่อีกด้วย นอกจากนี้ระบบอัจฉริยะจาก Xiaomi HyperAI และการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ดีขึ้นก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์และซิงค์เนื้อหาได้อย่างราบรื่น
หน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น และสมจริงมากยิ่งขึ้น
Xiaomi 15T Series เสริมประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์และการเชื่อมต่ออันทรงพลังด้วยหน้าจอที่คมชัด สดใส และใหญ่ที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ซีรีส์ Xiaomi 15T Series ให้หน้าจอขนาดใหญ่ 6.83 นิ้วที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ การอ่าน และความบันเทิงด้วยภาพที่สมจริง ทั้งยังให้ความสว่างสูงสุดถึง 3,200 nits หน้าจอแสดงผลจึงยังคงความคมชัดแม้ในสภาวะแสงจ้าจึงช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้นความละเอียด 1.5K ที่คมชัดยังช่วยแสดงผลได้อย่างมีชีวิตชีวาและแม่นยำ ช่วยให้สามารถภาพถ่าย วิดีโอ และกราฟิกให้ดูมีชีวิตชีวาด้วยรายละเอียดอันน่าทึ่ง
Xiaomi 15T Pro ยกระดับภาพขึ้นไปอีกขั้นด้วยขอบจออันบางเฉียบเพียง 1.5 มม.ในทั้งสี่ด้านด้วยเทคโนโลยี LIPO โดยขอบจอจะบางกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 27% จึงมอบประสบการณ์การแสดงผลแบบขอบจรดขอบที่ให้ความรู้สึกกว้างขึ้นโดยไม่ทำให้ขนาดโดยรวมของอุปกรณ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้หน้าจอแสดงผลของ Xiaomi 15T Pro ยังให้อัตราการรีเฟรชที่ลื่นไหลสูงสุด 144Hz จึงช่วยให้เลื่อนหน้าจอได้อย่างราบรื่นและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น Xiaomi 15T Pro รองรับการใช้งานที่สะดวกสบายและยาวนานมากยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีหรี่แสง DC และเทคโนโลยีถนอมสายตาขั้นสูง
ในขณะที่ Xiaomi 15T นั้นรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz เพื่อการเลื่อนหน้าจอที่ลื่นไหล ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสายตาให้ดียิ่งขึ้นด้วยการหรี่แสง PWM 3840Hz จึงช่วยลดการกะพริบของหน้าจอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณรับชมภาพได้อย่างสบายตายิ่งขึ้นสำหรับการรับชมเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการอ่านหนังสือในเวลากลางคืนหรือในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย
พลังที่ผสานเข้ากับความคงทน
การแสดงผลอันทรงพลังต้องใช้องค์ประกอบภายในที่มีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน Xiaomi 15T Series มอบประสิทธิภาพอันทรงพลังและการจัดการความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบัน ทั้ง Xiaomi 15T และ Xiaomi 15T Pro ใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 5500mAh ที่ให้พลังงานอย่างต่อเนื่องภายในตัวเครื่องอันเพรียวบาง โดย Xiaomi 15T Pro ให้ความยืดหยุ่นในการชาร์จด้วย HyperCharge แบบมีสาย 90 วัตต์ และ HyperCharge แบบไร้สาย 50 วัตต์ ในขณะที่ Xiaomi 15T มาพร้อม HyperCharge 67 วัตต์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอนาน ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการออกแบบที่เน้นอายุการใช้งานที่ยาวนาน แบตเตอรี่สามารถรักษาความจุได้สูงสุด 80% แม้จะผ่านการชาร์จ 1600 รอบ ทั้งยังสามารถเปิดเครื่องได้ภายในเวลาไม่ถึงสี่วินาทีเมื่อแบตเตอรี่หมด หลังจากเสียบที่ชาร์จ
Xiaomi 15T Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400+ ที่สร้างด้วยเทคโนโลยีการผลิต 3 นาโนเมตร ในขณะที่ Xiaomi 15T ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8400-Ultra โดยที่โปรเซสเซอร์ทั้งสองตัวมอบประสิทธิภาพ CPU และ GPU ที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า คุณจึงมั่นใจได้ถึงการทำงานที่ราบรื่นในการใช้งานที่หลากหลาย
นอกจากประสิทธิภาพอันแข็งแกร่งแล้ว ระบบจัดการความร้อนอันยอดเยี่ยมยังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการใช้งานที่ยาวนาน Xiaomi 15T Series ใช้ระบบระบายความร้อน Xiaomi 3D IceLoop ที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยจะแตกต่างจากระบบระบายความร้อนแบบพาสซีฟทั่วไปที่ถ่ายเทความร้อนจากส่วนประกอบภายในไปยังพื้นผิวของโทรศัพท์อย่างช้าๆ แต่ระบบ Xiaomi 3D IceLoop นั้นสามารถแยกไอระเหยและของเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดดเด่นด้วยส่วนนูนแบบ 3 มิติที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ CPU ซึ่งการออกแบบนี้จะช่วยระบายความร้อนออกจากแหล่งความร้อนหลัก เช่น SoC และกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอไปทั่วพื้นผิวของอุปกรณ์ ผู้ใช้จึงสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดอย่างต่อเนื่องและการถือที่สบายมือยิ่งขึ้นแม้ในขณะใช้งานหนัก
การออกแบบระดับเรือธงและความทนทาน
ประสิทธิภาพอันล้ำสมัยทั้งหมดนี้รวมอยู่ในดีไซน์ระดับพรีเมียมที่ประณีตบรรจง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเสียวหมี่ในด้านความสง่างาม ความทนทาน และความสะดวกสบายในการใช้งาน Xiaomi 15T Series ใช้ฝาหลังแบบไฟเบอร์กลาสและฝาครอบแบตเตอรี่ที่ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อ ในขณะที่กรอบแบบเรียบแบนนั้นถูกออกมาอย่างทันสมัย และขอบที่โค้งมนเล็กน้อยช่วยเสริมความงามที่ประณีตมากยิ่งขึ้นพร้อมให้สัมผัสที่สบายมือ
Xiaomi 15T Series ไม่เพียงแต่มาพร้อมรูปลักษณ์และสัมผัสระดับพรีเมียมเท่านั้น แต่ยังมอบความทนทานที่มากขึ้นเพื่อการใช้งานที่อุ่นใจยิ่งกว่าเคย ด้วยหน้าจอ Corning Gorilla Glass 7i ที่ให้ความทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น 100% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และฝาหลังไฟเบอร์กลาสที่ทนทานที่ผสานสไตล์เข้ากับความทนทานได้อย่างลงตัว สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นได้รับการปรับปรุงให้สามารถทนน้ำจืดได้ลึกถึง 3 เมตร พร้อมการรับรองมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68
Xiaomi 15T Pro โดดเด่นกว่ารุ่นพื้นฐานด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมอัลลอยด์ 6M ที่มีความแข็งแรงสูง จึงป้องกันการตกกระแทกและให้โครงสร้างที่แข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น มีให้เลือกหลายสี ได้แก่ Black, Gray, และ Mocha Gold อันหรูหราโดยถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ชื่นชอบรายละเอียดและทนทานที่เหนือกว่า ในขณะที่ Xiaomi 15T จะมาในสี Black, Gray และ Rose Gold ที่โดดเด่นสะดุดตา ซึ่งเป็นสีที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานที่ให้ความสำคัญกับสไตล์ที่ทันสมัยและความสง่างามอย่างมีระดับ
การวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
- Xiaomi 15T Pro มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, Gray, และ Mocha Gold พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2568 – 3 ตุลาคม 2568 โดยรุ่นความจุ 12GB + 1TB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาทและรุ่นความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 21,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Shopee, Lazada, และ TikTok Shop
พิเศษ! สำหรับลูกค้าสั่งซื้อ Xiaomi 15T Pro ในระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2568 – 3 ตุลาคม 2568 รับฟรี REDMI Pad 2 รุ่นความจุ 4GB + 128GB, ประกันตัวเครื่อง 24 เดือน , ประกันหน้าจอแตก (เปลี่ยน 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน), ใช้งาน Google AI Pro ฟรี 3 เดือน, ใช้งาน YouTube Premium ฟรี 3 เดือน, ใช้งาน Spotify ฟรี 4 เดือน และรับคูปองส่วนลดจาก Grab ฟรี 200 บาท รวมมูลค่าของสมณาคุณ 17,860 บาท นอกจากนี้ยังนำเครื่องเก่ามาแลกใหม่และรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 3,000 บาท
- Xiaomi 15T มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, Gray และ Rose Gold พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2568 – 3 ตุลาคม 2568 โดยรุ่นความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 17,990 บาทและรุ่นความจุ 12GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 15,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Shopee, Lazada, และ TikTok Shop
พิเศษ! สำหรับลูกค้าสั่งซื้อ Xiaomi 15T ในระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2568 – 3 ตุลาคม 2568 รับฟรี Redmi Watch 5 Active, Xiaomi Power Bank 10000mAh (Integrated Cable) ประกันตัวเครื่อง 24 เดือน, ประกันหน้าจอแตก (เปลี่ยน 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน), ใช้งาน Google AI Pro ฟรี 3 เดือน, ใช้งาน YouTube Premium ฟรี 3 เดือน, ใช้งาน Spotify ฟรี 4 เดือน และรับคูปองส่วนลดจาก Grab ฟรี 200 บาท รวมมูลค่าของสมณาคุณ 14,138 บาท นอกจากนี้ยังนำเครื่องเก่ามาแลกใหม่และรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท