vivo V60 Lite ดีไซน์บางหรู สีสะดุดตา
"สมดุลครบเครื่องในดีไซน์พรีเมียม ที่ราคาเข้าถึงง่าย" ต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ “ครบเครื่อง” ที่สุดของปีสำหรับเรทราคานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไซน์ ความบางเบา การออกแบบพรีเมียม หรือความทนทานที่ผ่านมาตรฐาน Military-Grade ทั้งหมดนี้อยู่ในเครื่องที่ถือสบายเพียง 7.59 มม.
จอ AMOLED 120Hz สีสดคมสวยระดับ HDR10+ สีสันสว่างชัดเจน ผสานกับ ลำโพงคู่สเตอริโอพลังเสียง 400% ขณะเดียวกันชิป MediaTek Dimensity 7360-Turbo ก็ให้ความลื่นไหลในการใช้งานได้ทุกแอป พร้อม RAM 12GB (ขยายได้อีก 12GB) และ ROM 256GB เพียงพอสำหรับทุกการใช้งานจริงบนระบบ Android
แบตเตอรี่ BlueVolt 6500mAh คืออีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่น มีความอึดใช้งานได้ตลอดวัน และชาร์จไว 90W เต็มในไม่ถึงชั่วโมง
รวมถึงระบบ AI ที่เข้ามาช่วยจัดการทุกอย่าง ทั้งด้านการสื่อสาร การแปลภาษา และการถ่ายภาพที่ใช้ได้สนุกแน่นอนในชีวิตประจำวัน
คุณภาพของกล้องสามารถเป็นเครื่องคู่หูในการท่องเที่ยว ช่วยเก็บภาพบรรยากาศต่างๆ โดยเฉพาะ AI Aura Light Portrait และ AI Four Season Portrait ที่ทำให้ภาพพอร์ตเทรตดูมีความพิเศษไม่เหมือนใคร แปลกตา สวยงาม เพราะไม่ใช่แค่มีมาให้ใช้ แต่ใช้แล้วมีคุณภาพที่ดีมากอีกด้วย
สรุปสั้น ๆ คือ vivo V60 Lite เหมาะกับคนที่อยากได้สมาร์ตโฟนที่ “ครบทั้งความสวย ความทน และความลื่นไหล” ในราคาเข้าถึงง่าย พร้อมดีไซน์ที่ถือแล้วดูดี มีฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงทุกวัน — สมเป็นมือถือที่มาพร้อมสโลแกน “เปิดโหมดพักเลิกกั๊กแล้วลุยต่อ" เพราะไปกับคุณได้ในทุกช่วงเวลาเลยครับ
The Good
- ดีไซน์บางหรูเพียง 7.59 มม. ถือจับถนัดมือ
- หน้าจอ AMOLED 120Hz สีสดคมชัด HDR10+ 1 พันล้านสี
- ลำโพงคู่สเตอริโอ เสียงดังชัดกว่าเดิมถึง 400%
- แบตเตอรี่ใหญ่ 6500mAh ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน
- ระบบชาร์จไว 90W ชาร์จเต็มในไม่ถึงชั่วโมง
- กล้องหลัก IMX882 50MP ถ่ายภาพคมชัด สีสวยธรรมชาติ
- กล้องหน้า 32MP รองรับถ่ายวิดีโอ 4K ทั้งหน้าและหลัง
- ชิป MediaTek Dimensity 7360-Turbo แรงและประหยัดพลังงาน
- RAM 12GB ขยายได้อีก 12GB รวมสูงสุด 24GB
- ผ่านมาตรฐานทนทาน SGS 5 ดาว และ Military-Grade
- ระบบ AI อัจฉริยะช่วยแปลภาษา ประชุม และแต่งภาพได้จริง
- ดีไซน์สี Pop Pink, Titanium Blue, Elegant Black สวยโดดเด่น
The Bad
- ไม่รองรับการ์ด microSD เพิ่มหน่วยความจำ
- ไม่มีรูหูฟังบนตัวเครื่องโดยตรง
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
ถ้าใครกำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่ “ครบทั้งดีไซน์ ความแรง และความอึด” แต่ยังคงถือได้เบาและพกพาสะดวก vivo V60 Lite คือรุ่นที่น่าใจที่สุดในช่วงนี้แล้วครับ รุ่นนี้ต่อยอดมาจากความสำเร็จของตระกูล V Series ที่เน้นความพรีเมียมแบบเข้าถึงง่าย ในราคาเริ่มแค่ 9,999 บาท
สิ่งที่โดดเด่นของรุ่นนี้คือสมดุล “ความสวย” กับ “การใช้งาน” — ตัวเครื่องบางเพียง 7.59 มม. แต่ซ่อนแบตเตอรี่ใหญ่ถึง 6500mAh รองรับชาร์จไว 90W พร้อมชิป MediaTek Dimensity 7360-Turbo ที่ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแบบรู้สึกได้
แถมยังมาพร้อมกล้องหลัก Sony IMX882 ความละเอียด 50MP และกล้องหน้า 32MP ที่รองรับการถ่าย 4K ทั้งคู่ ถือเป็นจุดขายที่หาได้ยากในระดับราคานี้ และเพราะ vivo V60 Lite ไม่ได้มีดีแค่ “แรงและแบตอึด” แต่ยังโดดเด่นด้านการออกแบบตัวเครื่องที่ดูหรูหรา ทันสมัย สีสันน่ารักแบบเด็กรุ่นใหม่ แต่ยังมีความทนทานระดับ Military-Grade มาพร้อมกันอีกด้วย!
vivo V60 Lite มากับสโลแกนประจำรุ่น ว่า “เปิดโหมดพักเลิกกั๊กแล้วลุยต่อ” ก็หมายถึงการ”พักชาร์จพลัง” — ทั้งในความหมายตรง (แบตเตอรี่ใหญ่ ชาร์จไว) และความหมายเชิงอารมณ์ คือการพักจากความเหนื่อย ความจำเจ ส่วน”เลิกกั๊ก” ก็หมายถึงเลิกจำกัด หรือเลิกหวงฟีเจอร์ สุดท้าย “แล้วลุยต่อ” ก็คือการที่โทรศัพท์พร้อมลุยกับผู้ใช้ไปได้ทุกสถานการณ์ ทั้งทำงาน ถ่ายรูป เล่นเกม หรือใช้ชีวิตประจำวัน เพราะมีความทนทานมาเป็นจุดขายด้วยนั้นเอง
วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกกันทีละประเด็นว่าจะจริงหรือครบตามสโลแกนแค่ไหน — เริ่มต้นจาก ดีไซน์ สีสัน และความแข็งแกร่งของตัวเครื่อง และค่อยไปดูประสิทธิภาพการใช้งานของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้กันครับ
ราคาเปิดจำหน่าย vivo V60 Lite ใน 2 รุ่นความจุ
• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 9,999 บาท
• รุ่น 12GB + 256GB ราคา 11,999 บาท
ในบทความนี้
vivo V60 Lite ดีไซน์บางหรู สีสะดุดตา พร้อมความทนทานระดับ Military Grade
สัมผัสแรกกับ vivo V60 Lite ต้องบอกเลยว่ารุ่นนี้ให้ความรู้สึกเหนือความคาดหมายทั้งในแง่ของงานออกแบบและการประกอบ ตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 7.59 มิลลิเมตร (เฉพาะสีดำและน้ำเงิน) และ 7.69 มิลลิเมตรสำหรับสีชมพู ซึ่งนับว่าบางมากในกลุ่มสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ระดับ 6500mAh ตัวเครื่องขอบแบนและหน้าจอเรียบเสมอเฟรมให้ความรู้สึกหรูหราทันสมัย และถูกใจคนชอบหน้าจอแบบแบนราบแน่นอน
เมื่อถือใช้งานจริงจะสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่สมดุล ไม่หนักมือแม้ใช้ดูวิดีโอหรือเล่นเกมต่อเนื่อง ดีไซน์โดยรวมยังคงเอกลักษณ์ความ “มินิมอล” แบบ V Series ที่เน้นเส้นสายสะอาดตาและความหรูเรียบ ตัวโมดูลกล้องถูกจัดเรียงแนวตั้งอย่างเป็นระเบียบ ช่วยให้ดูพรีเมียมโดยไม่รกสายตา ทั้งยังจับถนัดมือไม่ว่าจะถือแนวตั้งถ่ายภาพเซลฟี่หรือแนวนอนสำหรับดูหนัง
ในด้าน “สีสัน” รุ่นนี้ถือว่าทำได้โดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะเปิดตัวด้วย 3 เฉดที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน ได้แก่ Pop Pink โทนชมพูระยิบระยับสดใส ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีพลัง,
Titanium Blue สีฟ้าเมทัลลิกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธารน้ำแข็งอาร์กติก สื่อถึงความบริสุทธิ์และความมั่นใจในตัวเอง
และอีกหนึ่งสีคือ Elegant Black สีดำเมทัลลิกสุดคลาสสิกที่ผสานความเรียบหรูกับประกายเงางาม ให้ลุคพรีเมียม
แม้รูปลักษณ์จะบางเบา แต่ vivo V60 Lite ก็ผ่านการทดสอบความทนทานระดับสูงทั้งจาก SGS Five-Star Drop Resistance Certification และการรับรอง Military-Grade MIL-STD-810H ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในอุปกรณ์ทางทหาร หมายความว่าสามารถทนต่อแรงกระแทก การตกจากที่สูง และการสั่นสะเทือนได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP65 พร้อมกระจกหน้าจอ Diamond Shield Glass ที่ช่วยลดความเสียหายจากรอยขีดข่วนหรือการตกกระแทกในชีวิตประจำวัน
ถาดใส่ซิมแบบสองสล็อต รองรับ 5G + 5G Dual SIM Dual Standby รุ่นนี้จะไม่รองรับการใส่ microSD card เพิ่มเติมนะครับ
จากการถือใช้งานจริง บอกได้เลยว่าเข้ามือ ถือง่าย “ความบางเบา ความสวยงาม และดูแข็งแรง” แม้จะเป็นเครื่องที่ราคาไม่สูงมากนัก แต่เทคนิคการผลิตดี ฝาหลังแม้จริงๆ จะเป็นวัสดุพลาสติก แต่ให้สัมผัสคล้ายกระจกขัด สีสวยมาก สะท้อนแสงเหมือนเมทัลลิก เหมาะกับคนที่ต้องการมือถือดีไซน์หรูแต่ใช้งานได้ลุยจริง ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรือทริปท่องเที่ยว ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียหายได้ง่ายๆ
ความพิเศษอีกอย่างของ vivo V60 Lite คือดวงไฟ Aura Light ด้านหลังตัวเครื่อง มีหน้าที่เป็นไฟเสริม AI สำหรับการถ่ายภาพเพื่อช่วยชดเชยแสงในที่มืด และช่วยปรับค่าสมดุลแสงขาว เพราะตัวมันเองสามารถปล่อยแสงไฟออกไปได้ทั้งอุณหภูมิแสงแบบอุ่นและเย็น รวมถึงทำหน้าที่เป็นไฟแจ้งเตือนการทำงานได้ เช่น มีสายโทรเข้า หรือให้กระพริบตามเพลงที่กำลังเปิดเล่นอยู่เป็นต้น
เราสามารถกำหนดหน้าที่ และระยะเวลาการทำงานของไฟด้านหลัง vivo V60 Lite ได้ในการตั้งค่าภายในครับ ช่วยได้มากเวลาเราต้องการปิดเสียงเรียกเข้า ใช้เพียงสัญญาณแสงในการแจ้งเตือน
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องก็มีเคสใสซิลิโคน สายดาต้า USB Type-C และที่ชาร์จ 90W FlashCharge แถมมาให้เลย
หน้าจอและระบบเสียง: ภาพเต็มตา พลังเสียงเต็มอารมณ์ 400%
หนึ่งในจุดที่ vivo V60 Lite ทำได้ดีเกินคาดคือ “ประสบการณ์ด้านภาพและเสียง” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ตโฟนยุคนี้ หน้าจอของรุ่นนี้ใช้พาเนล AMOLED ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผลสีมากกว่า 1.07 พันล้านเฉด พร้อมค่ารีเฟรชเรตสูงถึง 120Hz
จากการใช้งานจริง สีสันของจอมีความสมจริงแบบที่ “เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นจอของ vivo” โทนภาพมีความนุ่มตา ไม่จัดจ้านเกินไป และให้คอนทราสต์ที่สมดุล เหมาะทั้งการใช้งานกลางแจ้งและในห้องมืด
เพราะเป็นจอที่ให้ความสว่างสูงสุดเฉพาะส่วนสูงถึง 3000nits และได้ผ่านการรับรอง SGS Low Blue Light Certification ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าทำร้ายตา มาพร้อมฟีเจอร์อย่าง Anti-Fatigue 2.0 และ 2160Hz PWM Dimming ที่ช่วยลดการกระพริบของจอเมื่อเปิดใช้งานในที่แสงน้อย ช่วยให้ใช้งานต่อเนื่องได้นานโดยไม่ล้าสายตา
นอกจากนี้ยังรองรับการแสดงผล HDR10+, ดูวิดีโอจาก Netflix HDR และ Amazon Prime Video HDR ได้เต็มประสิทธิภาพ ใครชอบดูซีรีส์หรือหนังบนมือถือจะรู้เลยว่าภาพมีมิติ แสงและเงาในฉากสวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จัดว่าเป็นหนึ่งในจอที่ดีที่สุดในระดับราคานี้
จอสู้แสงได้ดีมาก ใช้งานกลางแจ้งภาพยังเห็นได้ชัดเจน สีสันก็สวยเช่นเดิมครับขนาดใช้งานกลางแดด และด้วยขอบจอที่เล็กมาก เวลาเห็นในขณะถือใช้จะรู้สึกว่าเหมือนจอสมาร์ตโฟนราคาแพงเลยทีเดียว
ส่วนเรื่องเสียง — รุ่นนี้มาพร้อม ลำโพงคู่สเตอริโอ (Dual Stereo Speaker) ที่ให้การอัปเกรดพลังเสียงให้ดังขึ้นถึง 400% เสียงชัดเจนแม้อยู่ในที่พลุกพล่าน เช่น ร้านกาแฟหรือกลางแจ้งโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งหูฟังตลอดเวลา
สำหรับการใช้งานในห้อง อาจจะเปิดลำโพงแค่ 100% ก็ดังเพียงพอแล้วครับ เปิดสุดอาจจะดังและหนวกหูมากเกินไป ลำโพงเสียงดังมากจริงๆ
เรียกได้ว่า vivo V60 Lite ให้จอที่สวยมาก สว่างสูงสู้แสง และจัดเต็มระบบเสียงที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ดีทั้งในบ้านนอกบ้าน เหมาะทั้งสายดูคอนเทนต์และสายเกมที่ต้องการมือถือเครื่องเดียวจบ ภาพเสียงได้ยินและเห็นได้ชัดเจนในทุกสถานที่
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ: อึดเกินคาด ชาร์จไวในชั่วโมงเดียว
อีกหนึ่งจุดที่ทำให้ vivo V60 Lite โดดเด่นกว่าหลายรุ่นในระดับราคาเดียวกันคือ “ความอึด” ที่จับต้องได้จริง รุ่นนี้มาพร้อม BlueVolt Battery 6500mAh ขนาดแบตใหญ่มาก อยู่ภายใต้ตัวเครื่องที่บางเพียง 7.59 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นการออกแบบที่พิเศษมากของทาง vivo
ในการใช้งานจริง แบตเตอรี่ของรุ่นนี้ถือว่า “อึดใช้ได้เกินวัน” แบบไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงก์เลยครับ ผมทดลองใช้งานตลอดทั้งวัน ทั้งเล่นโซเชียล ถ่ายรูป ฟังเพลง เล่นเกม และดู YouTube ต่อเนื่องรวมกว่า 5 ชั่วโมง ตัวเครื่องยังเหลือแบตเกินครึ่ง ถ้าจะใช้เล่นเกมต่อเนื่อง ก็สามารถเล่นได้ยาวถึง 12 ชั่วโมง โดยไม่ต้องชาร์จเพิ่ม
ส่วนระบบชาร์จไวที่ให้มาก็ไม่ธรรมดา — 90W FlashCharge ชาร์จจาก 1% ถึง 100% ได้ในเวลาเพียง ประมาณ 52 นาที ระหว่างวันไหนลืมชาร์จมา ก็แวะชาร์จแค่ 10 นาที ก็สามารถใช้ดู YouTube ได้ถึง 6 ชั่วโมง
อีกหนึ่งดีเทลที่ vivo ทำมาได้ดีคือ “การควบคุมความร้อน” ระหว่างชาร์จ ซึ่งรุ่นนี้ใช้ระบบกระจายความร้อนแบบหลายชั้น พร้อมชิปจัดการพลังงานอัจฉริยะอยู่ข้างใน จากการทดสอบใช้ ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนจนเกินไปแม้จะชาร์จขณะใช้งาน มีอุณหภูมิขึ้นมาให้รู้สึกบ้างแต่ไม่มาก ไม่เจอปัญหาใดๆ จากการใช้งานตลอดการทดสอบ
ในขณะที่เราเล่นเกม ยังมีโหมด “บายพาส” ในการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยนะครับ โดยจะเป็นการส่งไฟผ่านเข้าไปยังตัวเครื่องโดยตรง ลดการสะสมพลังงานเข้าตัวแบต เพื่อลดการเกิดความร้อนในขณะที่เราเล่นเกมไปพร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกันด้วย และยังยืดอายุแบตให้ยาวนานมากขึ้นได้อีก
ทาง vivo ยังเคลมว่าระบบ BlueVolt Battery Technology สามารถรักษาสุขภาพแบตเตอรี่ให้อยู่ได้นานถึง 5 ปี ก่อนประสิทธิภาพจะลดลงต่ำกว่า 80% ถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจมากในระดับรองรับการใช้งานได้นานขนาดนี้
เมื่อรวมเข้ากับความสามารถด้านการจัดการพลังงาน นี่คือสมาร์ตโฟนที่ “อึดและชาร์จไว” แบบซ่อนรูป มองภายนอกจะไม่ต่างไปจากสมาร์ตโฟนที่ยังใช้แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh เลยสักนิด
ประสิทธิภาพและการใช้งานจริง: แรง ลื่น เสถียร
เมื่อพูดถึงเรื่อง “ประสิทธิภาพ” vivo V60 Lite ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ให้พลังแรงนะครับ ใช้ชิปใหม่ MediaTek Dimensity 7360-Turbo ชิปบนสถาปัตยกรรม 6 นาโนเมตร สมดุลดี ระหว่าง “ความแรง” และ “การประหยัดพลังงาน” แรงเพียงพอใช้งานได้ทุกอย่างบนระบบ Android ได้ลื่นแล้วรวมถึงการเล่นเกม ไม่กินพลังงาน ไม่ร้อนมาก และทำให้เครื่องมีราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยากด้วย
RAM มีเข้ามาสองขนาด 8GB/12GB LPDDR4X ขนาดค่อนข้างใหญ่ พร้อมระบบ Extended RAM 3.0 ที่สามารถขยายได้อีกสูงสุด 12GB จากพื้นที่เก็บข้อมูล (ROM) รวมแล้วเหมือนมี RAM ถึง 24GB ทำให้การใช้งานแบบ Multitasking เช่น การเปิดเกมพร้อมสตรีมหรือสลับไปแอปแชต ไม่เกิดอาการค้างหรือหน่วงให้เห็น พื้นที่เก็บข้อมูลภายในให้มา 256GB UFS 3.1
จากการทดสอบใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหลายแอปพร้อมกัน การลองตัดต่อคลิปสั้น หรือเล่นเกมแนวกราฟิกหนัก ๆ อย่าง ZZZ [Zenless Zone Zero] ก็ทำได้ลื่นไหลครับ ไม่กระตุกค้างช้าจนเสียอารมณ์
อย่าง PUBG Mobile หรือเกม MOBA ก็เล่นได้อย่างลื่นไหลสุดๆ แหละครับ เกมไม่ได้กินสเปกมากอยู่แล้ว และชิปเซ็ตตัวนี้ก็มีประสิทธิภาพ CPU ที่เร็วขึ้น 49% และ GPU แรงขึ้นกว่า 105% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (Dimensity 6300) อยู่แล้วด้วย ในระดับการใช้งานจริงก็ไม่ต้องห่วง
ในการนำมาเล่นเกมระดับจริงจัง vivo V60 Lite ก็พร้อมรองรับได้นะครับ มีการใส่ Ultra Game Mode หรือโหมดสำหรับช่วยในการเล่นเกมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเลือกระดับประสิทธิภาพเครื่องได้ 3 ระดับ ประหยัดพลังงาน, สมดุล และแบบเน้นประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการช่วยเหลือให้เราเล่นได้สนุกมากขึ้น เช่นการเปลี่ยนเสียงพูด, การสั่นสมจริงแบบ 4 มิติ และอื่นๆ อีกมาก มาครบครับ
อีกจุดที่ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานคือระบบ AI Superlink ที่ใส่เข้ามาช่วยจัดการสัญญาณ Wi-Fi และ 5G ให้เชื่อมต่อได้เร็วขึ้น ลดการดีเลย์ขณะเล่นเกมหรือดูวิดีโอสตรีมมิ่ง รวมถึงปรับเสถียรการเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อเปลี่ยนสัญญาณเครือข่าย ตลอดการใช้งานมาก็ไม่เจอจุดอัปสัญญาณหรือมีปัญหาในการเชื่อมต่อใดๆ คุยสนทนาได้ชัดเจนแม้จะอยู่ในที่สาธารณะ ไมค์รับเสียงได้ดี ลดเสียงสภาพแวดล้อมแทรกในขณะใช้สาย
ในส่วนของซอฟต์แวร์ vivo V60 Lite มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 15 (บน Android 15) มีการปรับแต่งให้ใช้งานง่าย ตอบสนองไว มีฟีเจอร์หลายอย่างที่ช่วยให้เราคล่องตัวมากขึ้นในการใช้งานจริง เช่น “แถบด้านข้างอัจฉริยะ” เป็นไอคอนคำสั่งด่วน ที่จะแนะนำขึ้นมาตามความเหมาะสมตามการใช้งานของเราในขณะนั้น
ชุดการทำงาน iManager ภายในเป็นเครื่องมือสำหรับจัดการระบบเครื่อง เช่น สแกนไฟล์ขยะ, สแกนไวรัส, จัดการล้างพื้นที่ให้มีพื้นที่ทำงานมากขึ้น
โดยภายในจะมีเครื่องมือสำหรับการล็อคแอป และ “App Clone” ก็ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ใช้ที่ต้องสลับบัญชีโซเชียลหรือทำงานหลายหน้าพร้อมกัน
อีกทั้งยังมีความสามารถในการไล่ฝุ่น ไล่น้ำ ออกจากช่องลำโพง ในกรณีเราไปลุยน้ำหรือฝุ่นมาหนัก จนอยากจะขจัดสิ่งที่ตกค้างอยู่ในช่องให้ออกไป ตัวโทรศัพท์จะใช้คลื่นเสียงและการสั่นเพื่อไล่สิ่งสกปรกออกไปจากช่องของตัวมันเองได้ครับ
ระบบ AI อัจฉริยะ: ผู้ช่วยที่เข้าใจชีวิตจริง
ฟังก์ชัน AI ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่ไม่น้อยสำหรับ Funtouch OS 15 บน vivo V60 Lite ทั้งในด้านการทำงานด้านเอกสาร, แปลภาษา สรุปเนื้อหา ช่วยย่อใจความ ปรับรูปแบบให้ถูกต้องได้ ลดเวลาและขั้นตอนในการทำงานได้อย่างมากครับ โดยเฉพาะคนที่ใช้มือถือทำงาน เรียน หรือสื่อสารข้ามภาษา รุ่นนี้มีฟีเจอร์ AI หลากหลายที่ใช้งานได้จริง
เริ่มจาก AI Smart Call Assistant ที่สามารถ “แปลเสียงสนทนาแบบเรียลไทม์” ระหว่างการโทรได้ทันที ปัจจุบันรองรับได้ถึง 15 ภาษา เช่น ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี สามารถแปลงเสียงของเราให้กลายเป็นภาษาปลายทาง และยังสามารถปิดเสียงต้นฉบับเพื่อกันความสับสน ให้เราและเขาได้ยินเพียงเสียงจากภาษาที่เข้าใจได้เท่านั้นด้วยครับ
และไม่ใช่แค่การแปลแบบเรียลไทม์ธรรมดา แต่พร้อมแสดงข้อความแปลบนหน้าจอและสรุปใจความสำคัญหลังจบการโทร เหมาะมากกับคนที่ต้องสื่อสารกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานต่างชาติ นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยลดอุปสรรคด้านภาษาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงครับอันนี้ จับคำพูดของเราและแปลออกมาได้ค่อนข้างแม่น
ต่อด้วย AI Captions ระบบแปลและถอดเสียงอัตโนมัติสำหรับการประชุมออนไลน์หรือรับชมวิดีโอในต่างภาษา ตัวระบบสามารถจับเสียง แล้วพิมพ์คำพูดออกมาเป็นข้อความ พร้อมแปลออกมาเป็นภาษาที่ผู้ใช้ต้องการแบบเรียลไทม์ ด้วยการที่ AI ตัวนี้สามารถจับเสียงได้ทั้งจากไมโครโฟนของเครื่องและจากภายในแอปที่กำลังเปิดทำงานบนเครื่อง เราจึงสามารถใช้มันในการแปลภาษาออกมาเป็นข้อความได้ทั้งกับแอปยอดนิยมอย่าง Zoom, Teams, Google Meet, WhatsApp
หรือแม้แต่ใช้ชมคลิปต่างประเทศที่ใช้ภาษาอื่นในการสื่อสารจากแพลตฟอร์มต่างๆ พร้อมกับใช้ AI ให้สรุปเนื้อที่แปลออกมาให้กระชับ จับแค่ใจความ เหมาะกับทั้งคนทำงานสายครีเอทีฟ นักเรียน และฟรีแลนซ์ที่ต้องตามเนื้อหาต่างภาษาอยู่บ่อย ๆ
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Gemini Assistance ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะที่รวมพลังการค้นหาของ Google และ Machine Learning เข้าด้วยกัน ผู้ใช้สามารถกดปุ่มด้านข้างค้างไว้เพื่อเรียกใช้ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเตือนนัดหมาย ค้นหาข้อมูล ตอบคำถาม หรือสรุปวิดีโอที่กำลังดูอยู่แบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้ทำให้มือถือกลายเป็นผู้ช่วยได้จริง ๆ
และแน่นอนว่ารวมถึง Circle To Search ก็รองรับแล้วด้วยเช่นกัน แค่วงหรือเลือกคำที่ต้องการค้นหาหรือจะแปลภาษาจากภาพบนหน้าจอ ก็ทำได้ในคลิกเดียว
นอกจากนี้ยังมีระบบ Block Spam Calls ที่ทำงานร่วมกับฐานข้อมูล AI ทั่วโลก สามารถระบุและบล็อกสายก่อกวนหรือสายหลอกลวงได้โดยเป็นบริการฟรี และไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่นใดๆ เพิ่ม ซึ่งถือว่าช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสบายใจให้กับผู้ใช้งานได้มากทีเดียว
โดยรวมแล้ว จะเห็นว่าระบบของ vivo V60 Lite เน้นมาในตัวที่ได้ใช้งานกันจริงๆ ไม่ได้มีไว้แค่โชว์ ทั้งด้านการสื่อสาร การทำงาน และความบันเทิง ช่วยงานเราได้เยอะครับ
กล้องถ่ายภาพและวิดีโอ: เซนเซอร์ดี ฟังก์ชันเยอะ
สายถ่ายภาพใช้สนุกเลยครับ เพราะ vivo V60 Lite ให้กล้องมาครบและมีคุณภาพที่ดีมาก และยังรองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ซึ่งหาได้ยากในสมาร์ตโฟนระดับกลางแบบนี้ โดยกล้องหลักใช้เซนเซอร์ Sony IMX882 ความละเอียด 50MP ขนาดใหญ่ 1/1.95 นิ้ว ทำงานกับเลนส์มุมกว้าง 120° ความละเอียด 8MP ก็ช่วยถ่ายภาพวิวหรือกลุ่มเพื่อน จากผลลัพธ์ยังคงรักษาความคมของภาพไว้ได้ดีทั่วเฟรมจนถึงขอบภาพ
ความนิ่งของภาพอยู่ในเกณฑ์ดี การเก็บสีและรายละเอียดในสภาพแสงต่าง ๆ ทำได้แม่นยำ โดยเฉพาะเวลาถ่ายกลางคืน ภาพยังคงชัดและคอนทราสต์ดี
รองรับการซูมภาพตั้งแต่ระยะ 0.6x ไปจนถึงซูมดิจิทัลที่ 10x จากการทดสอบภาพที่ได้คม กล้องถูกปรับจูนออกมาให้มีความเป็นวัยรุ่น สีสันแนวสดใสครับ ภาพออกมาดูดีทั้งกลางวันและกลางคืน
โหมดการถ่ายภาพ มีพรีเซ็ตฟิลเตอร์ที่น่าสนใจอยู่สามตัว ซึ่งออกแบบมาให้ได้แนวภาพที่ต่างกัน คือ Texture-ภาพโทนเข้ม เน้นคอนทราสและเก็บรายละเอียด, vivo-เป็นโปรไฟล์ตัวพื้นฐานที่ vivo ออกแบบมาเอง สมดุลระหว่างรายละเอียดและความสดใสของภาพ และ Natural-เน้นความเป็นธรรมชาติ ปรับแต่งน้อย เน้นสีจริงตามบรรยากาศที่ตามองเห็น
โหมดถ่ายภาพบุคคล สามารถถ่ายได้ 3 ระยะ 26mm, 39mm และ 52mm ทำงานได้กับโบเก้ฉากหลัง 3 สไตล์ให้เลือก แบบธรรมชาติ, แบบโบเก้หมุนวน และโบเก้ฟองสบู่
ส่วนกล้องหน้า 32MP ถือว่าความละเอียดค่อนข้างสูง ใช้เซนเซอร์ขนาด 1/3.1 นิ้ว รูรับแสง f/2.45 ให้โทนสีผิวออกดูเป็นธรรมชาติ ถ่ายเซลฟี่ในร่มหรือกลางแจ้งก็จับโฟกัสได้ดี ระบบกล้องหน้าและการปรับแต่งของ vivo ทำได้ดีอยู่แล้ว รุ่นนี้ก็เช่นกัน สวยหล่อกันทุกคนแบบเนียนตา ^^
ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังของ vivo V60 Lite ใส่ฟิลเตอร์แนวสีและการจัดแสงมาให้เยอะมากนะครับ โดยเฉพาะฟิลเตอร์แบบวินเทจย้อนยุค ให้อารมณ์ที่ดีมาก ^^ ภาพแนวเก่าๆ ในยุคนี้คือเทรนด์สมัยใหม่ไปแล้ว
ฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้ผมยกให้ AI Four Season Portrait อันนี้เอามาให้กันแล้วในเครื่องราคาเบา ซึ่งเป็นโหมดที่จะสร้างบรรยากาศภาพให้เข้ากับ “ฤดูกาล” ที่เราต้องการ เช่น ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว โดย AI จะใช้เทคนิคการประมวลผลภาพขั้นสูง ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบในภาพ ผสมเข้ากับเอฟเฟกต์แสงและสีในภาพไปพร้อมกัน เพื่อให้ทุกอย่างออกมาเนียนเหมือนจริง
เหมาะกับคนชอบโพสต์ภาพแนวเล่าเรื่องราว ตัวเองอยู่ที่ไทย แต่ได้ภาพเหมือนอยู่ไกลที่เมืองนอก ถ่ายได้ง่ายๆ แถมภาพออกมายังสวยซะด้วยนะครับ ตัดคนได้คม ภาพใบหน้าแบบสวยงาม ฉากหลังเนียนตา บรรยากาศแสง สี โทน ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ยอดเยี่ยมมากครับฟีเจอร์นี้ของ vivo
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ AI Aura Light Portrait ที่ช่วยเพิ่มแสงนุ่มแบบสตูดิโอให้ใบหน้าของแบบดูเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะถ่ายในสภาพแสงไหน โดยเฉพาะเวลาถ่ายกลางคืน ระบบ AI จะปรับแสงจาก Aura Light ให้อัตโนมัติ เพื่อให้โทนภาพออกมาพอดี
สำหรับสายครีเอทีฟ vivo ยังใส่ “โหมดกล้องฟิล์ม (Film Mode)” ซึ่งเป็นการจำลอง UI การใช้งานให้เหมือนกล้องฟิล์มในอดีต โดยมีฟิลเตอร์ใส่มาให้เลือก 4 แบบ ได้แก่
• Cold Film – โทนเย็นดูโปรเฟสชันนัล
• Sunshine – โทนอบอุ่นมีชีวิตชีวา
• Collection of Lost Pieces – โทนวินเทจนุ่มนวล
• Vivid – โทนผิวสว่างใส
ผสมกับลวดลายกระดาษที่มีให้เลือกอีกมากมาย ช่วยให้ผู้ใช้สร้างสรรค์ภาพที่เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้โดยไม่ต้องแต่งเพิ่มในแอปอื่น และมี Color-Adaptive Border ซึ่งจะเป็นกรอบที่ปรับเปลี่ยนสีให้เข้ากับภาพได้เองอัตโนมัติมาให้ด้วย ถ่ายสะสมหลายๆ ภาพออกมาก็ดูน่ารักดีครับ
มีความสามารถในการแก้ไขภาพถ่ายหลังการถ่ายไปแล้วด้วย AI เช่นกัน ฟีเจอร์ AI Photo Enhance โดยจะช่วยวิเคราะห์ภาพ ปรับแสง สี และลด noise อัตโนมัติให้ภาพดูคมชัดขึ้นในคลิกเดียว และการลบวัตถุหรือบุคคลบนภาพด้วย AI Erase 3.0 ลบได้เนียน สร้างภาพมาทดแทนได้ฉลาดล้ำมากแล้วสำหรับ AI ในยุคนี้
โดยรวมแล้ว กล้องของ vivo V60 Lite ถือว่าทำได้เกินคาด ทั้งในด้านความคมชัด สีสัน และฟีเจอร์ที่ออกแบบมาให้ “ใช้งานได้เยอะมากจริงๆ” เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ชอบถ่ายภาพสวย ๆ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการเครื่องเดียวครบจบทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ งบประหยัด แต่คุณภาพถือว่าดีเลยครับ
สรุปท้ายรีวิว :
“สมดุลครบเครื่องในดีไซน์พรีเมียม ที่ราคาเข้าถึงง่าย” หลังจากได้ทดลองใช้งาน vivo V60 Lite มาหลายวัน ต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ “ครบเครื่อง” ที่สุดของปีสำหรับเรทราคานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไซน์ ความบางเบา การออกแบบพรีเมียม หรือความทนทานที่ผ่านมาตรฐาน Military-Grade ทั้งหมดนี้อยู่ในเครื่องที่ถือสบายเพียง 7.59 มม.
จอ AMOLED 120Hz สีสดคมสวยระดับ HDR10+ สีสันสว่างชัดเจน ผสานกับ ลำโพงคู่สเตอริโอพลังเสียง 400% ขณะเดียวกันชิป MediaTek Dimensity 7360-Turbo ก็ให้ความลื่นไหลในการใช้งานได้ทุกแอป พร้อม RAM 12GB (ขยายได้อีก 12GB) และ ROM 256GB เพียงพอสำหรับทุกการใช้งานจริงบนระบบ Android
แบตเตอรี่ BlueVolt 6500mAh คืออีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่น มีความอึดใช้งานได้ตลอดวัน และชาร์จไว 90W เต็มในไม่ถึงชั่วโมง
รวมถึงระบบ AI ที่เข้ามาช่วยจัดการทุกอย่าง ทั้งด้านการสื่อสาร การแปลภาษา และการถ่ายภาพที่ใช้ได้สนุกแน่นอนในชีวิตประจำวัน
คุณภาพของกล้องสามารถเป็นเครื่องคู่หูในการท่องเที่ยว ช่วยเก็บภาพบรรยากาศต่างๆ โดยเฉพาะ AI Aura Light Portrait และ AI Four Season Portrait ที่ทำให้ภาพพอร์ตเทรตดูมีความพิเศษไม่เหมือนใคร แปลกตา สวยงาม เพราะไม่ใช่แค่มีมาให้ใช้ แต่ใช้แล้วมีคุณภาพที่ดีมากอีกด้วย
สรุปสั้น ๆ คือ vivo V60 Lite เหมาะกับคนที่อยากได้สมาร์ตโฟนที่ “ครบทั้งความสวย ความทน และความลื่นไหล” ในราคาเข้าถึงง่าย พร้อมดีไซน์ที่ถือแล้วดูดี มีฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงทุกวัน
ราคาและโปรโมชั่น vivo V60 Lite
โดย vivo V60 Lite มีให้เลือก 2 รุ่นความจุ ดังนี้
• รุ่น 8GB + 256GB ราคา 9,999 บาท
• รุ่น 12GB + 256GB ราคา 11,999 บาท
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ได้แก่ BaNANA, IT City, CSC, Jaymart, TG, KINGKONG, BKK, Big C, Maxlink, STAMP, Advice, แม่วังสื่อสาร, Power Mall, Power Buy, Lotus และ SINGER ทุกสาขา และ vivo Brandshop ทั่วประเทศ