พอมาเห็นตัว Vivo S1 Pro ผมว่า Vivo ตอนนี้เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่นำเทรนด์ด้านการออกแบบในแนวเฉพาะตัวไปแล้วนะครับ มีความแตกต่างไม่เหมือนเจ้าอื่นๆ ในตลาด ที่ส่วนใหญ่เราจะหน้าตาคล้ายกันไปหมด ก็เห็นความกล้าออกแบบมาตั้งแต่เขาออกรุ่น Vivo Nex แล้วละครับที่มาพร้อมกับกล้องหน้าซ่อนได้ หรือ V17 Pro รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับกล้องหน้าคู่ป๊อบอัพเครื่องแรกของโลก มาจนถึงการออกแบบกล้องหลังสี่ตัวของ S1 Pro ในรูปทรงพิเศษตัวใหม่นี้ ซึ่งผมต้องบอกว่าทำมาได้ “เท่มาก”
Vivo S1 Pro เป็นสมาร์ทโฟนกล้องหลังสี่ตัว ที่กล้องแต่ละตัวมีความสามารถแตกต่างกันครับ กล้องหลักเป็นกล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซลทำงานร่วมกันกับ AI วิเคราะห์ฉากและสิ่งต่างๆ ตรวจจับสิ่งที่เราจะถ่ายได้และปรับแต่งกล้องให้เราโดยอัตโนมัติ กับอีกหนึ่งตัวที่เป็นกล้องมุมกว้างความละเอียด 8ล้านพิกเซล และกล้องสำหรับการทำภาพหน้าชัดหลังเบลอหรือ Bokeh ความละเอียด 2ล้านพิกเซล และสุดท้ายกล้องมาโครหรือการถ่ายภาพระยะใกล้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดยทั้งสี่ตัวถูกจัดวางเรียงในกรอบสี่เหลี่ยมมุมตัดแปลกตาทีเดียว
ผิววัสดุฝาหลังเป็นกระจกเคลือบบนพื้นผิวลวดลายแนวตั้ง จะสังเกตเห็นได้ชัดในเวลาสะท้อนกับแสง มีความละเอียดในการออกแบบตัวเครื่องมากครับ ลายเส้นสีแดงตัดพื้นดำบริเวณเลนส์กล้อง กับปุ่มพาวเวอร์สีแดง ผมบอกแล้วว่ามันดูเท่สุดๆ ครับ
ด้านหน้าตัวเครื่อง ใช้หน้าจอขนาด 6.38 นิ้ว ความละเอียด FHD+ เป็นจอประเภท Super AMOLED สีสันดี จอสวยเลยละครับ ขอบจอเล็ก ด้านบนเว้นที่ไว้สำหรับการวางกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ซึ่งสามารถใช้การสแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้
ด้วยความเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED สีสันดำจะดำสนิท สีสันจะสด ดูหนังเล่นเกมจอสวยทีเดียวครับ
หน้าจอตัวนี้ก็ยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ด้วยนะครับ สแกนได้ไวมากตามมาตรฐานของ Vivo เจ้านี้เรื่องการสแกนนิ้วทำได้ไวตัวท็อปของวงการอยู่แล้ว ฉะนั้นหายห่วง รองรับ 2 ซิมการ์ด แบบ Dual LTE ใช้งาน 4G ได้พร้อมกันทั้งสองซิมครับ เป็นช่องใส่ซิมไฮปริด ช่องซิมที่สองเลือกใส่เป็น Micro SD card เพิ่มหน่วยความจำได้แทนครับ
ตัวเครื่องภายนอกผ่านเลย ดูมีราคาแม้เครื่องจะขายไม่แพง สวยงาม มีจุดเด่น แค่เห็นด้านหลังก็รู้แล้วว่าเป็นรุ่นอะไร โดยตัวเครื่องที่ผมได้มารีวิวเป็นสี Knight Black ครับ สีเข้มโทนดำไล่เฉดน้ำเงินเข้มนิดๆ เวลาสะท้อนกับแสง ดูลึกลับและเท่ เข้ากันกับชุดกล้องหลังกรอบสี่เหลี่ยมที่ออกแบบให้ตัดเส้นสีแดงมากๆ มีอีกหนึ่งสีที่เข้าไทยคือสี Fancy Sky แต่ยังไงผมก็ชอบสีเข้มๆ ตามสไตล์ผู้ชายละครับ (แต่ผู้หญิงถือผมว่าก็เท่นะ ^^)
อุปกรณ์ภายในกล่องมีมาให้ครบ ทั้งสายชาร์จ USB Type-C และ Adaptor ที่รองรับระบบชาร์จไว Dual Engine Fast Charging ของ Vivo และมีเคสใสพร้อมกับหูฟังแถมมาให้ในกล่องครบครัน
การใช้งานภายใน
Vivo S1 Pro ใช้ระบบ FunTouchOS 9.2 เป็น UI ที่มีฟังก์ชั่นเยอะครับ สามารถปรับแต่งลูกเล่น ความสามารถงาม และความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ได้หลายอย่าง
หน้า UI ของ Vivo จะไม่เหมือนใครเลยครับ จะมีหน้าพิเศษที่สามารถเรียกใช้จากการสไลด์หน้าจอด้านล่างขึ้นมา หน้านี้เข้าถึงคำสั่งหลักสำคัญได้ครบทุกอย่าง พร้อมกับรายการแอพพลิเคชั่นเรียกใช้งานย้อนหลัง รวมถึงแอพสำคัญที่เรานิยมใช้ กำหนดให้เรียกทำงานได้จากหน้านี้ทั้งหมดเลยครับ
มีธีมสโตล์สำหรับโหลดหน้าตาการใช้งานสวยๆ ได้ฟรี มีแอพสโตร์และเกมสโตร์สำหรับติดตั้งแอพและเกมได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อคอินเข้า Google ID ก่อนแต่อย่างใด ทุกแอพทุกเกมคัดมาแล้วว่าน่าใช้และปลอดภัยจากไวรัสครับ
เพิ่มความอุ่นใจกับระบบตรวจสอบสภาพเครื่อง สแกนหาแอพไม่พึงประสงค์ จัดการไฟล์ยะของเครื่อง และเคลียการทำงานตกค้างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้เต็ม 100% ของเครื่อง ซึ่งแอพจัดการเครื่องตัวนี้เน้นออกแบบมาให้ใช้งานง่ายๆ เพื่อคนใช้งานทั่วไป กดแค่คลิ๊กเดียวก็เรียบร้อยครับ
นอกจากธีมที่ปรับเปลี่ยนได้ในทุกๆ วันแล้ว ยังมี โหมดมืด หรือดาร์คธีมทึ่ปรับหน้าเมนูทุกอย่างให้กลายเป็นสีดำแทนสีขาวครับ เพื่อความสบายตา แต่ก็ยังมีโหมดสีสบายตาสำหรับลดแสงสีฟ้ามาให้ด้วย ใช้งานกลางคืนก่อนนอน ก็อย่าลืมเปิดกันนะครับ ถนอมสายตาเราเอาไว้บ้าง หลับง่ายสบายตาขึ้นอีกด้วย
การปรับแต่งของ Vivo S1 Pro ปรับได้แม้กระทั่งเอฟเฟ็กการสแกนใบหน้า การสแกนนิ้ว และอนิเมชั่นสำหรับการชาร์จไฟด้วยนะครับ
หน้าชาร์จไฟแบบสวยๆ ออกแบบเข้ากันกับเลนส์กล้องด้านหลัง มาพร้อมระบบชาร์จไฟแบบ Dual Engine Fast Charging ชาร์จแบตขนาด 4,500 mAh ของ Vivo S1 Pro ได้ไฟ 50% ภายในเวลาแค่ประมาณ 40 นาทีเท่านั้นครับ ช
แบตเตอรี่ของ Vivo S1 Pro ถือว่าเยอะนะครับ ตัวเครื่องไม่ใหญ่แต่แบตเยอะ จากที่ทดสอบใช้งายทั่วๆ ไป ได้นานเกิน 1วันเลยครับ ถ้าเปิดเล่นเกมตลอดเวลา หรือทำงานหนักๆ เช่นเปิดกล้องถ่ายภาพถ่ายวีดีโอต่อเนื่อง ใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมงครับ
ในด้านประสิทธิภาพการใช้งาย ภายในของ Vivo S1 Pro ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 665 หน่วยประมวลผลรุ่นกลางของแบรนด์ใหญ่ Qualcomm ประสิทธิภาพไม่ด้อย มีความเข้ากันได้กับแอพพลิเคชั้นในระบบ Android สูง RAM 8Gb และ ROM 128GB ถือว่าเยอะครับ
ทดสอบเล่นเกม ROV ในโหมด HD และเฟรมเรทสูง ผลลัพท์คือเล่นนิ่งๆ ที่เฟรมเรทสูงสุด 60Fps แถบไม่มีแกว่งเลยครับ อยู่ที่ 60 หรือ 59 ตลอด นิ่งและลื่นสบายๆ
ด้วยเพราะประสิทธิภาพของชุดประมวลผลระดับกลางตัวนี้ของ Qualcomm มันเพียงพอใช้งานทั่วไปได้สบายๆ ครับ ตัวระบบ Android 9 ก็มีความเบาและซอฟทแวร์ของ Vivo เองก็ยังมีตัวช่วยเพิ่มศักยภาพในการใช้งานอยู่ด้วย โดยเฉพาะในการเล่นเกม
ในเครื่อง Vivo S1 Pro จะมีระบบ Ultra Game Mode เป็นโหมดที่ออกแบบเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะครับ ปิดกั้นการรบกวนที่อาจจะติดต่อเข้ามาในจังหวะสำคัญของเกม และรีดประสิทธิภาพเครื่องเพื่อนำมาใช้เล่นเกมในขณะนั้นอย่างเต็มที่ครับ
รองรับการเซฟหน้าจอในแบบต่างๆ ทั้งแบบหน้าจอยาว รูปทรงอิสระ หรือการบันทึกภาพไว้เป็นไฟล์วีดีโอ อัดภาพขณะใช้งานหรือการเล่นเกมเพื่อทำแคสเกมหรือส่งให้เพื่อนดูได้เลยครับ
นอกจากนั้นยังมีโหมดที่ผมชอบมาก แต่ไม่รู้ว่าผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์จะยอมเปิดใช้มั้ย? เพราะมันคือโหมดการขับขี่รถจักรยานยนต์ครับ เพิ่มความปลอดภัยในการใช้สมาร์ทโฟนในขณะขับขี่ ตัวเครืองจะตรวจจับความเร็วในการเคลื่อนที่ และจะไม่อนุญาตให้ใช้งานบางอย่างถ้ารถยังเคลื่อนที่อยู่
ยังมีโหมดสำหรับให้เด็กใช้ด้วยนะครับ กำหนดเวลาใช้งาน ปรับลดแสงสว่างเพื่อเซฟสายตา และกำหนดแอพพลิเคชั่นที่เราคิดว่าปลอดภัยสำหรับลูกหลานแล้วเท่านั้น ถึงจะเปิดใช้งานในโหมดสำหรับเด็กได้ครับ
ก็จะเห็นว่าระบบ FunTouchOS ออกแบบมาเพื่อทุกเพศทุกวัยครับ ใช้งานง่ายแต่ฟังก์ชันเยอะ หลายอย่างปรับแต่งได้แบบที่เจ้าอื่นๆ ไม่มีให้อีกด้วย เป็น UI ที่ใช้สนุกสมชื่อครับ
ทดสอบการจับสัญญาณ GPS ทำได้ไวมาก แม้จะอยู่ในอาคารและไม่ได้เปิดเน็ตช่วยครับ
กล้องถ่ายภาพ
มาถึงจุดเด่นของรุ่นอีกจุดหนึ่ง กล้องหลังสี่ตัว ที่รองรับการถ่ายภาพได้หลากหลายระยะ มีโหมดการถ่ายภาพมากมายเรียกว่าน่าจะเยอะที่สุดแล้วในกล้องสมาร์ทโฟนปัจจุบันครับ
กล้องหลังทั้งสี่ตัวของ Vivo S1 Pro ประกอบด้วยกล้องหลัก 48ล้านพิกเซล ทำงานคู่กับกล้องวัดลึก 2ล้านพิกเซลสำหรับการถ่ายภาพหนาชัดหลังเบลอ มีกล้องเลนส์กว้าง Ultra wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้าง และกล้องมาโครเลนส์สำหรับการโฟกัสวัตถุระยะใกล้มากๆ 4เซนติเมตร ความละเอียดอีก 2 ล้านพิกเซลครับ กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ฉะนั้นถูกใจสายเซลฟี่ เพราะกล้องหน้าก็มีฟังก์ชั่นเยอะสุดๆ เช่นกัน
คุณภาพการถ่ายของกล้องอยู่ในระดับที่ดีครับ ใช้งานท่องเที่ยว ถ่ายภาพบุคคล และเก็บภาพวิวทิวทัศน์ได้ครบระยะ ทั้งกว้างทั้งใก้ล และยังถ่ายซูมภาพได้ ระยะซูม 2X จะไม่เสียความละเอียดเลยครับ เอามาใช้ถ่ายพอร์ทเทรตก็ให้ความรู้สึกลึกดีทีเดียว
และจุดเด่นของกล้อง Vivo S1 Pro ยังอยู่ที่ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพที่เยอะมากอีกด้วย มีครบเช่นการถ่ายภาพคน ที่ปรับระยะชัดลึกชัดตื้นได้ทั้งก่อนถ่ายและหลังการถ่าย เราสามารถถ่ายภาพไปแล้วกลับมาแก้ปรับแต่งระยะโฟกัสและจุดโฟกัสได้ใหม่ในภายหลัง
ปรับแต่งใบหน้าของนางแบบได้ครบองค์ประกอบหน้า และยังมีไกด์ท่าทางการโพสท่าขอนางแบบแนะนำมาให้ด้วยนะครับ อันนี้น่ารักมาก ใครที่ไม่รู้จะให้เพื่อนโพสท่าอะไร เปิดไกด์ให้เพื่อนทำตามได้เลย มีให้เลือกหลากหลายบรรยากาศ จะฟิลท่องเที่ยง ฟิลถ่ายคู่กับแฟน หรือเพื่อน มีให้หมดครับ
มีฟังก์ชั่นพิเศษที่เหมาะใช้ในกรณีฝากเพื่อนถ่ายรูปให้เราหน่อย โดยตัวกล้องจะไกด์องค์ประกอบภาพโดยอิงจากตำแหน่งของบุคคลที่มันจับโฟกัสได้ และแนะนำให้เลื่อนกล้องจัดคอมโพสใหม่ เมื่อตำแหน่งของบุคคลในภาพได้ที่แล้ว ตัวกล้องก็จะถ่ายภาพให้ทันทีโดยอัตโนมัติครับ
มี AR สติ๊กเกอร์น่ารักสำหรับการเพิ่มเติมพร็อพพิเศษด้วยระบบ AR มีให้เลือกเยอะครับ และกล้อง Vivo S1 Pro จับตำแหน่งคนได้แม่นนะ ตัดฉากหลังหรือใส่ AR ตรงเป้าเป๊ะทีเดียว ซึ่งฟังก์ชั่นตัวนี้รองรับทั้งกล้องและกล้องหลังเลยครับ
ตัวกล้องของ Vivo S1 Pro จะมี AI ช่วยในการวิเคราะห์สิ่งที่กำลังจะถ่ายและปรับแต่งภาพให้เราได้อัตโนมัติครับ โดยผู้ใช้เพียงแค่ส่องไปยังสิ่งที่ถ่าย ตัว AI ก็จะวิเคราะห์ให้เราเองทันที แต่ภาพส่วนใหญ่ที่เราถ่ายด้วยกล้อง Vivo S1 Pro จะเป็นภาพความละเอียดประมาณ 12 ล้านพิกเซลนะครับ (3000×4000 พิกเซล ในอัตตราส่วน 4:3) แต่ถ้าต้องการใช้งานกล้อง 48 ล้านพิกเซล ก็แค่เข้าโหมด “AI 48 MP” แล้วถ่าย เราก็จะได้ภาพความละเอียดที่ 6000×8000 พิกเซล หรอความละเอียด 48ล้าน มาทันทีครับ ไฟล์จะใหญ่แต่ได้ความละเอียดที่สูงมากครับ
โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง รองทั้งในการถ่ายบุคคล และทิวทัศน์ สร้างภาพมุมกว้างเก็บรายละเอียดพื้นที่ได้มากขึ้นจากจุดยืนถ่ายจุดเดิม
ถ่ายภาพมาโครระยะใกล้ได้ด้วย โฟกัสวัตถุจ่อ ได้ถึง 4เซนติเมตร เอาไว้ใช้ในยามที่ต้องการถ่ายเน้นรายละเอียดของวัตถุครับ
แต่งเติมสีต่างๆ ด้วยฟิลเตอร์ของกล้อง ให้อารมณ์ได้หลากหลายดีครับ หรือจะทำภาพขาวดำก็มีให้
กล้องหน้า Vivo S1 Pro ให้ความละเอียดถือว่าสูงครับ 32 ล้านพิกเซล มาพร้อมโหมดต่างๆ ที่เยอะไม่แพ้กล้องหลังเลย มีโหมดถ่ายคนที่มาพร้อมช็อตคัทง่ายๆ อยู่หน้า UI สำหรับเพิ่มความสดใสให้กับใบหน้าคนถ่าย หน้าใครหมองๆ คล้ำๆ เพิ่มความสว่างให้กับภาพได้ในคลิ๊กเดียวครับ เลือกเอาว่าอยากจะดูสดชื่นหรือเอาตามธรรมชาติ ^^ ตัว AI ของกล้องก็จับปรับให้ตามต้องการ และไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะโอเวอร์เกินไป เพราะ AI ตรวจจับใบหน้าและสามารถแยกเพศขึ้นมาได้ด้วย แสดงเพศของใบหน้าที่พบเป็นไอคอนชัดเจนครับ ว่าใครผู้หญิงใครผู้ชาย ขอแค่อย่าหน้าหวานเกิน กล้องอาจจะมองผิดก็ได้ครับ 555
แน่นอนกล้องหน้า ก็ต้องรองรับการปรับแต่งองค์ประกอบหน้าของได้เองด้วย และถ้าคิดท่าโพสสำหรับเซลฟี่ไม่ออก มีไกด์ท่าโพสมาให้เช่นกัน เลือกเอาเลยจะสวยท่าไหน แล้วทำตามได้เลยครับ สวยๆ ดูดีทุกท่าที่เขากำหนดมาให้
กล้องของ Vivo S1 Pro มีระบบ HDR ตัวเก่งของเขา Backlight HDR สำหรับกรณีกล้องตรวจพบแสงย้อนในขณะถ่าย จะเปิดทำงานอัตโนมัติครับ เพิ่มรายละเอียดในส่วนที่มืดทันที มีให้ใช้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังด้วยครับ ฉะนั้นถ่ายได้โดยไม่ต้องกังวลความรู้ด้านทิศทางแสงมากนัก
จะเห็นว่ากลัองของ Vivo S1 Pro มีฟังก์ชั่นและโหมดการถ่ายเยอะมากๆ อย่างที่ผมบอก มีทั้งมุมกว้าง มาโคร หนัาชัดหลังเบลอที่ปรับได้ทั้งก่อนและหลังการถ่าย มี AR และไกด์สำหรับการโพสท่าทาง รวมถึงการแนะนำคอมโพสภาพตำแหน่งบุคคลที่เหมาะสมมาให้ด้วย ฟังก์ชั่นและโหมดเยอะสุดๆ ครับ แต่วันนี้จะสังเกตเห็นว่า Vivo S1 Pro ยังขาดโหมดถ่ายภาพกลางคืนอยู่ ซึ่งตามกำหนดของทาง Vivo จะมีการออกอัพเดท Ultra Night Mode มาให้เพิ่มเติมประมาณวันที่ 22 ธันวาคมนี้ครับ ได้ใช้กันแน่ๆ
สุดท้ายผมเอาตัวอย่างภาพถ่ายในหลายๆ โหมดของ Vivo S1 Pro มาให้ดูกันในช่วงท้ายรีวิวนี้นะครับ ส่วนโหมดกลางคืนขอติดค้างไว้ก่อน เพราะรีวิวนี้จัดทำก่อนการอัพเดทเรื่องกล้องที่จะมาถึงครับ แต่จะบอกว่าไม่มีโหมดกลางคืน แต่ถ่ายภาพแสงไฟก็ยังสวยอยู่นะ ^^
สรุปท้ายรีวิว
สเปคเครื่องกำลังดี แรมเยอะรอมเยอะ การออกแบบโดดเด่นมีสไตล์เฉพาะที่ดูก็รู้แล้วว่ารุ่นอะไร งานผลิตระดับสูงเครื่องพรีเมี่ยมตามมาตรฐาน Vivo มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และระบบชาร์จไฟแบบไวของเขาเอง ฟังก์ชั่นเยอะ ใช้งานสนุก มีระบบที่ดีใช้งานมาไม่เคยเจอปัญหาเลยครับ
กล้องหลังสี่ตัวนอกจากความสวยงามของเลนส์กล้องสี่เหลี่ยมแล้ว กล้องยังมีคุณภาพถ่ายรูปออกมาได้สวย ถ่ายได้หลายระยะทั้งกว้างทั้งใกล้ด้วยเลนส์ไวด์และมาโคร พร้อมโหมดการถ่ายภาพและฟังก์ชั่นที่วันนี้มีให้ผู้ใช้เยอะมากที่สุดในวงการสมาร์ทโฟนแล้วครับ
ราคาไม่สูง ตอนนี้ราคาจำหน่ายอยู่เพียงแค่ 8,999 บาทเท่านั้นครับ มีคุณภาพทั้งตัวเครื่องและระบบใช้งาน ถ้าถูกใจสมาร์ทโฟนงานออกแบบใหม่ตัวนี้ จัดมาได้เลย ครบเครื่องครับ
Vivo S1 Pro จะเริ่มเปิดให้จองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 นะครับ สามารถไปลงทะเบียนจองกันได้ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ