vivo และ iQOO เริ่มทยอยอัปเดต OriginOS 6 บนพื้นฐาน Android 16 ให้กับสมาร์ตโฟนหลายรุ่นตั้งแต่ปลายปี 2025 เป็นต้นมา ถือเป็นอัปเกรดระบบครั้งใหญ่ที่เน้นทั้งดีไซน์ใหม่ ความลื่นไหล และฟีเจอร์ AI ที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น
OriginOS 6 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในระดับโลกช่วงกลางเดือนตุลาคม 2025 และเริ่มปล่อยอัปเดตจริงตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน โดยเริ่มจากรุ่นเรือธง ก่อนจะขยายไปยังรุ่นระดับกลางในระยะถัดมา
รายชื่อมือถือที่เริ่มได้อัปเดต OriginOS 6 แล้ว
vivo
• vivo X Fold 5
• vivo X Fold 3 Pro
• vivo X200
• vivo X200 Pro
• vivo X200 FE
• vivo X100
• vivo X100 Pro
• vivo V60
• vivo V60e
• vivo V50
• vivo V50e
• vivo T4 Ultra
iQOO
• iQOO 13
• iQOO 12
• iQOO Neo 10
• iQOO Neo 10R
• iQOO Neo 9 Pro
การปล่อยอัปเดตเป็นแบบ ทยอยตามภูมิภาค (staged rollout) ผู้ใช้บางประเทศอาจได้รับช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย สามารถตรวจสอบได้ที่
การตั้งค่า > System Update หรือรอการแจ้งเตือนจากระบบ
จุดเด่นสำคัญของ OriginOS 6
OriginOS 6 ปรับโฉมอินเทอร์เฟซทั้งระบบ ตั้งแต่เอฟเฟกต์แสง เงา ความเบลอ และความโปร่งใส ไปจนถึงฟอนต์ระบบใหม่ที่อ่านง่ายขึ้น เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกพูดถึงมากคือ Origin Island แถบแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ที่รวมการแจ้งเตือนอัจฉริยะ สถานะสำคัญ และคำแนะนำตามบริบท พร้อมรองรับการลาก-วางข้อมูลหรือไฟล์ข้ามแอประหว่างกันได้สะดวกขึ้น
ศูนย์ควบคุม (Control Center) และระบบแจ้งเตือนถูกออกแบบใหม่ให้ดูเป็นระเบียบและทันสมัย ส่วนหน้าจอล็อกสกรีนเพิ่มตัวเลือกใหม่ ทั้งรูปแบบนาฬิกา วิดเจ็ต และการจัดวางที่ปรับแต่งได้ลึกกว่าเดิม
ประสิทธิภาพและ AI
ภายในระบบมี Origin Smooth Engine ช่วยให้การเปิดแอปเร็วขึ้น แอนิเมชันลื่นขึ้น และการมัลติทาสก์ต่อเนื่องกว่าเดิม พร้อมเสริมฟีเจอร์ AI เช่น
• คำบรรยายอัตโนมัติและการค้นหาด้วย AI
• ระบบโน้ตและจัดการไฟล์ที่ฉลาดขึ้น
• การเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์กับ Windows และ macOS
• การจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพขึ้นในระยะยาว
ข้อควรรู้ก่อนอัปเดต
ไฟล์อัปเดตมีขนาดประมาณ 3–5GB ควรเตรียมพื้นที่ว่างและแบตเตอรี่ไม่น้อยกว่า 40% หลังอัปเดตช่วงแรกอาจพบว่าแบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่าปกติเล็กน้อยจากการปรับระบบเบื้องหลัง ซึ่งมักจะกลับมาเสถียรภายในประมาณ 1 สัปดาห์








