ทรู คอร์ปอเรชั่น รวมเครือข่าย “One Network” ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ยกระดับ 5G และ 4G ครอบคลุมทั่วไทย
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศความสำเร็จของโครงการ “One Network” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นับเป็นหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย หลังจากใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่งในการรวมเสาสัญญาณของ ทรู และ ดีแทค เข้าด้วยกันจนเสร็จสมบูรณ์ กลายเป็นโครงข่ายที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน พร้อมเดินหน้าขั้นต่อไปด้วยแผน “Power Up” เพื่อยกระดับประสบการณ์ใช้งาน 5G และ 4G ให้เร็ว แรง และครอบคลุมทั่วประเทศ
ภายใต้การนำของ นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โครงการนี้ถือเป็น “การพลิกโฉมวงการโทรคมนาคมไทย” อย่างแท้จริง เพราะไม่เพียงรวมทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานของสองเครือข่ายเข้าด้วยกัน แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ด้านคุณภาพ ความเสถียร และความปลอดภัยของการเชื่อมต่อดิจิทัลในประเทศไทย
ในบทความนี้
One Network คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร
One Network เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ทรู คอร์ปอเรชั่นวางไว้ตั้งแต่หลังการควบรวมกิจการทรูและดีแทค โดยมีเป้าหมายในการรวมโครงข่ายมือถือ เสาสัญญาณ และระบบส่งสัญญาณทั้งหมดให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซ้ำซ้อนในการให้บริการ ทีมวิศวกรกว่า 3,650 คนได้ร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องกว่า 17 ล้านชั่วโมง ทำการปรับปรุงและปีนเสาสัญญาณทั่วประเทศรวมระยะทางแนวดิ่งกว่า 2,000 กิโลเมตร
หัวใจของโครงการนี้คือการ “คัดเลือกเสาที่ดีที่สุด” จากทั้งสองเครือข่าย เพื่อสร้างระบบที่มีความเสถียรและตอบสนองการใช้งานได้สูงสุด โดยใช้เทคโนโลยี Network Modernization ในการปรับปรุงและบริหารจัดการโครงข่ายให้รองรับอนาคต ทั้งในด้าน 5G, 4G, และเทคโนโลยีการสื่อสารยุคถัดไป
Power Up: การผสานคลื่นสัญญาณเพื่อความเร็วเหนือระดับ
โครงการ One Network มาพร้อมการ “Power Up” ด้วยเทคนิค Spectrum Pooling หรือการผสานคลื่นความถี่ของทรูและดีแทคเข้าด้วยกัน ลูกค้าทั้งสองเครือข่ายจึงสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้สัญญาณแรงขึ้น ความเร็วเพิ่มขึ้น และประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นทั่วประเทศ
ตัวเลขจากการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ความเร็ว 5G เพิ่มขึ้นถึง 4.39 เท่าสำหรับลูกค้าดีแทค และ เพิ่มขึ้น 1.09 เท่าสำหรับลูกค้าทรู โดยเฉพาะบนคลื่น 2600 MHz ที่ได้รับการอัปเกรดเต็มแบนด์วิดท์ 90 MHz ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วและเสถียรกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) มาใช้ เพื่อให้สามารถสลับใช้งานคลื่น 4G และ 5G ได้อย่างยืดหยุ่นบนคลื่นเดียวกัน
ประโยชน์ที่ผู้ใช้ชาวไทยได้รับ
-
ความเร็วสูงขึ้นทั่วประเทศ
การรวมคลื่นและโครงข่ายช่วยให้ลูกค้าทั้งทรูและดีแทคเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 5G และ 4G ที่แรงและเสถียรขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดและจุดอับสัญญาณเดิม -
คุณภาพการโทรและอินเทอร์เน็ตดีขึ้น
เมื่อโครงข่ายถูกผสานเป็นหนึ่ง การสลับสัญญาณระหว่างพื้นที่จะต่อเนื่องมากขึ้น ลดการหลุดของสัญญาณและเพิ่มคุณภาพการโทร -
ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย True CyberSafe
ทรูนำเทคโนโลยี AI เข้ามาตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ ปกป้องข้อมูลผู้ใช้ในทุกการเชื่อมต่อ -
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้วยการลดเสาซ้ำซ้อนและบริหารพลังงานด้วย AI และ Machine Learning ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 15–20% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายสู่ Net Zero 2573
ยืนยันคุณภาพจากเวทีโลก
สถาบันระดับโลก nPerf ได้จัดอันดับให้ True 5G เป็นเครือข่ายที่ดีที่สุดในประเทศไทย 9 ปีซ้อน โดยเฉพาะด้านความเร็วอัปโหลดและค่า Latency ที่ต่ำที่สุด การรวมเข้ากับจุดแข็งของดีแทคในด้านคุณภาพการใช้งานจริง ทั้งการท่องเว็บและสตรีมมิ่ง ยิ่งตอกย้ำว่าผู้ใช้ชาวไทยจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งความเร็ว ความเสถียร และความคุ้มค่าที่แท้จริง
ก้าวสู่ยุคใหม่ของโทรคมนาคมไทย
“One Network” จึงไม่ใช่เพียงโครงการควบรวม แต่เป็นก้าวสำคัญของการยกระดับประเทศไทยสู่ยุค Digital Infrastructure 5G+ ที่พร้อมรองรับเทคโนโลยีอนาคต ทั้ง IoT, AI, Cloud และบริการดิจิทัลที่ต้องการความเร็วและความเสถียรสูง เพื่อให้คนไทยทุกคนเชื่อมต่อได้อย่างไร้ขีดจำกัด
สรุป
การรวมเครือข่าย One Network ของทรู คอร์ปอเรชั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ที่ไม่เพียงทำให้คนไทยได้ใช้เครือข่ายที่เร็ว แรง และครอบคลุมที่สุด แต่ยังเป็นรากฐานของสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่าเดิม ทั้งในมิติของผู้บริโภค ธุรกิจ และสิ่งแวดล้อม