The Outer Worlds 2 ของ Obsidian Entertainment ตั้งเป้าที่จะเป็นเกมที่ใหญ่ขึ้นและดีกว่าภาคก่อน โดยมีการปรับระบบสกิลใหม่ทั้งหมดและเพิ่มคุณสมบัติ Traits ทั้งแบบบวกและลบ หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงหลักอีกอย่างหนึ่งคือการไม่มีระบบปรับระดับศัตรูตามเลเวลผู้เล่น (Level Scaling) ซึ่งหมายความว่าศัตรูจะยังคงมีระดับความแข็งแกร่งเท่าเดิมเมื่อคุณพบพวกเขาในระหว่างเนื้อเรื่อง
อย่างไรก็ตาม Rob Donovan ผู้ออกแบบระบบการต่อสู้อาวุโส เปิดเผยกับ IGN First ว่าสิ่งนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่สำคัญ “การไม่ใช้ระบบ level scaling ฟังดูเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ แต่จริง ๆ แล้วส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการสร้างเกมของเรา” ศัตรูจะมีระดับชั้น (tier) ที่แตกต่างกัน ซึ่งประกอบด้วยค่าสถิติต่าง ๆ ค่าความเสียหาย ค่าพลังชีวิต และค่าลดความเสียหายผ่านเกราะ
“สิ่งเหล่านี้จะคงที่ตลอดทั้งเกม” Donovan กล่าว “ดังนั้นในช่วงต้นเกม ศัตรูระดับสูงบางตัวจะยากกว่ามากในแง่ของตัวเลข พวกมันจะโจมตีแรงขึ้น รับความเสียหายได้น้อยลง และมีพลังชีวิตมากกว่าเมื่อได้รับความเสียหาย”
Advertisement Advertisement Advertisement
ข้อดีของการคงสภาพนี้ไว้คือคุณสามารถกลับไปสู้กับพวกมันใหม่หลังจากที่ตัวละครคุณเก่งขึ้นแล้ว “หวังว่าตอนนั้น คุณจะอัปเลเวล มีอุปกรณ์เก่ง ๆ เกราะเจ๋ง ๆ แกดเจ็ต สกิล พลังพิเศษ และอาจจะมี Flaws ที่ทำให้สามารถกลับไปจัดการศัตรูที่เคยทำให้คุณลำบากได้อย่างง่ายดาย” นอกจากจะกระตุ้นให้ผู้เล่นกลับไปยังสถานที่เก่า ๆ แล้ว ศัตรูเหล่านี้ยังอาจดรอปไอเทมที่มีประโยชน์มากในช่วงกลางถึงท้ายเกมอีกด้วย
The Outer Worlds 2 มีกำหนดวางจำหน่ายภายในปี 2025 บน Xbox Series X/S, PS5 และ PC ทาง Obsidian จะจัดงาน Direct หลังจากงาน Xbox Games Showcase ในวันที่ 8 มิถุนายน เพื่อเจาะลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเกม และอาจเปิดเผยวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ