‘เทเลนอร์เอเชีย’ แถลงผลสำรวจรายงานประจำปีฉบับที่ 4 Telenor Asia Digital Lives Decoded2025: Building Trust in Thailand’s AI Futureเผยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยเปิดรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (ArtificialIntelligence: AI) อย่างกว้างขวาง แต่ยังคงให้ความสำคัญกับ‘ความรับผิดชอบส่วนบุคคล’และต้องการให้มีกรอบจริยธรรมมที่ชัดเจนมารองรับการใช้งานสำหรับรายงานฉบับที่ 4 นี้ อ้างอิงผลสำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยจำนวน 1,000คน เพื่อสะท้อนว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนไทยอย่างไรพร้อมตอกย้ำถึงความสำคัญของการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบอยู่ภายใต้กรอบจริยธรรมที่ชัดเจน และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้
คุณ Jon Omund Revhaug, Head of Telenor Asia กล่าวว่า “ปีนี้นับเป็นปีที่ 25 ที่เทเลนอร์ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเรายังคงเดินหน้าสนับสนุนเป้าหมายด้านดิจิทัลของประเทศอย่างต่อเนื่องรายงานฉบับนี้สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพของ AIแต่สิ่งที่จะกำหนดผลลัพธ์ที่แท้จริงคือ ‘วิธีการใช้งาน’ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจึงมีบทบาทสำคัญในการร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มั่นคง เพื่อรองรับการพัฒนา AI ที่น่าเชื่อถือ โดยการเชื่อมต่อคือจุดเริ่มต้น และ ‘ความไว้วางใจ’ ต้องถูกฝังอยู่ในทุกระดับของการออกแบบระบบ”
คุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “AIเป็นพลังสำคัญที่สามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าของประเทศได้จริงด้วยศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีทำงานและวิถีชีวิตของคนไทยแต่ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับว่าเรานำมาใช้อย่างมีจริยธรรมหรือไม่
ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วน การพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้กรอบจริยธรรมที่รัดกุม และการกำกับดูแลโดยมนุษย์ คือกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนนวัตกรรมให้เป็นคุณค่าที่ยั่งยืนต่อสังคมไทย” ดร. Ieva Martinkenaite, SVP and Head of AI at Telenor Group กล่าวเสริมว่า “ผลการสำรวจครั้งนี้สะท้อนว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยคาดหวังให้ระบบ AI มีความโปร่งใส เข้าถึงได้และยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งควรเป็นมาตรฐานพื้นฐานของทุกองค์กรผลสำรวจยังชี้ให้เห็นชัดว่า AI ที่มีความรับผิดชอบไม่ใช่เพียงภาพลักษณ์ของแบรนด์แต่เป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างแท้จริงองค์กรจึงต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้อมูลอย่างรอบคอบการพัฒนาทักษะบุคลากรและการสร้างวัฒนธรรมที่มีกลไกด้านจริยธรรมเป็นส่วนหนึ่งของทุกขั้นตอนของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI”
เมื่อ AI กลายเป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ ในชีวิตประจำวันของคนไทยผลสำรวจชี้ว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย 91% ตระหนักว่าตนเองมีการใช้งาน AIในบางรูปแบบ เพิ่มขึ้นจาก 77% ในปี 2024 โดยกว่าครึ่งมีการใช้งานเครื่องมือ AIอย่างน้อยวันละครั้ง และ 28% ใช้หลายครั้งต่อวัน ขณะที่สัดส่วนผู้ที่นำ AIมาใช้ในกิจวัตรประจำวันเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 19% ในปี 2024 เป็น 40% ในปี2025
คนไทยใช้ AI เพื่อเสริมทักษะในหลายด้าน ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูล (62%)การสร้างสรรค์ผลงาน (52%) และการสื่อสาร (35%) ขณะเดียวกันยังตระหนักถึงทักษะที่จำเป็นในยุค AI เช่น การเขียนพรอมต์ (prompt)อย่างมีประสิทธิภาพ (54%) และความเข้าใจในประเด็นจริยธรรมและอคติ (25%)โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าการพัฒนาทักษะด้าน AI เป็นความรับผิดชอบของตนเองสะท้อนแนวโน้มการพึ่งพาตนเองมากขึ้นในการปรับตัวเข้าสู่ยุค AIการปลดล็อกศักยภาพของ AI ในที่ทำงานที่ทำงานกำลังกลายเป็นสมรภูมิสำคัญของการนำ AI มาใช้ในประเทศไทยปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย 4 ใน 10 คนใช้ AI ในการทำงาน เพิ่มขึ้นถึง 93% จากปีก่อนซึ่งมีเพียง 21% เท่านั้น
ผู้ใช้ AI ในที่ทำงานส่วนใหญ่ใช้เพื่อการพัฒนาคอนเทนต์ (61%) การวิเคราะห์ข้อมูล (54%) และการให้บริการลูกค้า (53%) โดยผู้ใช้กลุ่มนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกมากกว่ากลุ่มอื่นในด้านผลกระทบของ AI ต่อความมั่นคงในอาชีพและเศรษฐกิจของประเทศอย่างไรก็ดี มีเพียง 3 ใน 10 ของผู้ใช้ AIในที่ทำงานที่ระบุว่าบริษัทมีแผนหรือกลยุทธ์ด้าน AI ที่ชัดเจนสะท้อนถึงความจำเป็นที่องค์กรต้องกำหนดทิศทางและให้การสนับสนุนอย่างจริงจังเพื่อใช้ประโยชน์จาก AI ได้เต็มศักยภาพพร้อมทั้งสื่อสารแผนดังกล่าวให้พนักงานรับรู้และมีส่วนร่วม
Gen Z ใช้ AI หนักสุด–คุมเข้มด้านจริยธรรม กลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) และ Gen Z ขึ้นแท่นกลุ่มคนที่นำ AI มาใช้มากที่สุดครอบคลุมตั้งแต่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ไปจนถึงการขอคำปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์โดย Gen Z มีแนวโน้มระมัดระวังและสนับสนุนการกำกับดูแลมากกว่ามิลเลนเนียลซึ่งมีท่าทีเปิดกว้างและมุมมองเชิงบวกต่อบทบาทของ AI ในสังคม ขณะที่ Gen X และเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers) แสดงความกังวลในระดับปานกลาง แต่ยังสนับสนุนการพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม Gen Z โดดเด่นทั้งในฐานะผู้ใช้และนักวิจารณ์การใช้ AI อันดับหนึ่ง โดยกว่า 8 ใน 10 คน ใช้เครื่องมือ AI แต่ขณะเดียวกัน 56% เชื่อว่าการใช้ AI ในบางกรณีอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสังคม และ 61%สนับสนุนการชะลอการพัฒนา AI จนกว่าจะมีกลไกคุ้มครองที่รัดกุมความกังวลของของคนรุ่นนี้ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องความเป็นธรรม ความเห็นอกเห็นใจไปจนถึงปัญหาอคติ สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่คาดหวังให้ AIเป็นมากกว่าแค่นวัตกรรมล้ำสมัย
AI เสริมความมั่นใจด้านความปลอดภัยในโลกออนไลน์ แต่ทักษะผู้ใช้ต้องก้าวให้ทันเทคโนโลยี แม้ความปลอดภัยในโลกออนไลน์ยังเป็นประเด็นสำคัญในประเทศไทย โดย 83% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกังวลเรื่องความปลอดภัยของบัญชีออนไลน์ และ 78% เห็นว่าการติดตามข้อมูลภัยคุกคามทำได้ยากอย่างไรก็ตาม ผลสำรวจชี้ว่าคนไทยมีมุมมองเชิงบวกและมั่นใจต่อศักยภาพของ AI ในการปกป้องความปลอดภัยในโลกออนไลน์ โดยกว่า 2 ใน 3 (68%) เชื่อว่า AI
สามารถช่วยยกระดับความปลอดภัยได้โดยผู้ที่มีมุมมองเช่นนี้มักไว้วางใจเนื้อหาที่สร้างโดย AI มากกว่า และยอมรับการใช้งานของ AI ในด้านที่เห็นประโยชน์และประสิทธิภาพได้ชัดเจน เช่น การสร้างภาพ (image generation) ระบบจดจำใบหน้าเพื่อความปลอดภัย และการให้บริการลูกค้า
คนไทยต้องการบริการที่ดีกว่า แต่ไม่ยอมแลกกับความโปร่งใสและสิทธิ์การควบคุม แม้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยส่วนใหญ่จะรู้สึกคุ้นเคยกับการผสาน AIเข้ากับบริการต่าง ๆ แต่ยังมีความคาดหวังสูงต่อการใช้อย่างมีจริยธรรมโดยเฉพาะการกำกับดูแลโดยมนุษย์ในส่วนงานที่มีความละเอียดอ่อนอีกทั้งยังคงมีความกังวลเรื่องความโปร่งใสและความเป็นธรรมโดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานและบริการทางการเงิน โดยมีเพียง 49% ที่มองว่าการใช้ AI ในกระบวนการคัดเลือกพนักงานเป็นเรื่องยุติธรรม ขณะที่เกือบ 1 ใน 5 มองว่าไม่ยุติธรรมอย่างมาก สะท้อนถึงความสำคัญของการคงบทบาทการตัดสินใจของมนุษย์ในเรื่องที่กระทบต่อ ชีวิตคนโดยตรง
แม้การใช้ AI ในไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ใช้งานยังมีท่าทีระมัดระวัง โดยผู้ใช้งานกว่าครึ่งกังวลเรื่องการพึ่งพา AI มากเกินไป รวมถึงการขาดกฎระเบียบและความโปร่งใส ขณะเดียวกันมีเพียง 13% ที่มั่นใจว่าสามารถแยกแยะระหว่างคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI และคอนเทนต์ที่สร้างโดยมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม 77% ของผู้ใช้งานยินดีแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวเพื่อรับบริการที่ดียิ่งขึ้น หากแต่ต้องมีความโปร่งใสและสิทธิ์ในการปฏิเสธการใช้งานข้อมูล (opt-out) โดย 61% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าตนเองควรเป็นผู้กำกับดูแลการใช้ AI มากกว่ารัฐบาลหรือบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการเปลี่ยนทิศทางจากปี 2024 ที่คนส่วนใหญ่ยังอยากให้สถาบันรัฐและผู้ให้บริการเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในโลกออนไลน์
คุณ Jon Omund Revhaug กล่าวสรุปว่า “ในขณะที่ประเทศไทยเดินหน้าสู่ยุค AI สิ่งสำคัญคือการกำหนดทิศทางอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่และกลุ่มเปราะบาง ให้มีทักษะและความรู้ในการใช้ AIอย่างรอบคอบและสร้างสรรค์เพราะความเชื่อมั่นและความปลอดภัยคือรากฐานของสังคมดิจิทัลและเทเลนอร์ยังคงยึดมั่นในพันธสัญญาเดิมในการสนับสนุนอนาคตดิจิทัลที่ทั้งฉลาดกว่า ปลอดภัยกว่า และมีความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อทุกคน”