Nintendo ปล่อยอัปเดตระบบใหม่ให้กับ Switch 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการปรับปรุงความเข้ากันได้ของเกมจาก Nintendo Switch รุ่นเดิม เพิ่มเติมอีก 10 เกม หลังผู้เล่นบางส่วนพบปัญหาในการเล่นบนฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่
ฟีเจอร์ Backward Compatibility ถือเป็นจุดขายหลักของ Switch 2 ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถนำเกมจาก Switch รุ่นแรกมาเล่นต่อได้ ซึ่งต่างจากยุค Wii U ที่ไม่รองรับแผ่นเกมรุ่นก่อน อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการเปิดตัว Switch 2 เกมบางส่วนยังพบปัญหาด้านประสิทธิภาพและความเสถียร
รายชื่อเกมที่ได้รับการแก้ไขในอัปเดตล่าสุดนี้มีทั้ง Resident Evil 4 และ Miitopia รวมถึง Blade of Darkness, Game Dev Story, Little Nightmares: Complete Edition, Moji Yuugi, Solid Void – Nature Puzzles, Sports Party, Streets of Rage 4 และ Venture Towns แม้ Nintendo จะไม่ได้ระบุรายละเอียดการแก้ไขเป็นรายเกม แต่ยืนยันว่าทั้งหมดจะสามารถทำงานบน Switch 2 ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ยังมีเกมบางส่วนที่ยังต้องรอการแก้ไขเพิ่มเติม เช่น A Hat in Time ซึ่งก่อนหน้านี้ Nintendo เคยระบุว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความคืบหน้าของเกม แต่จากแนวโน้มที่ผ่านมา Nintendo ยังคงทยอยปล่อยแพตช์เพื่อขยายรายชื่อเกมที่รองรับอย่างต่อเนื่อง
ด้วยประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์ที่แรงขึ้น Switch 2 จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในการเล่นเกม Switch หลายเกม โดยเฉพาะเกมที่เคยมีปัญหาเฟรมเรตอย่าง Zelda: Link’s Awakening และ Zelda: Echoes of Wisdom ที่สามารถเล่นได้ลื่นไหลมากขึ้น รวมถึงเกมเวอร์ชัน Switch 2 Edition อย่าง Breath of the Wild และ Tears of the Kingdom ที่ปรับเฟรมเรตเป็น 60fps และเพิ่มความละเอียดของภาพ
Nintendo ยังมีแผนขยายไลน์อัปเกมใหม่สำหรับ Switch 2 อย่างต่อเนื่อง แม้ปี 2026 จะยังไม่มีการเปิดเผยเกม First-party จำนวนมาก แต่จากการอัปเดตระบบและการดูแล Backward Compatibility อย่างสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่า Switch 2 ยังเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ Nintendo ตั้งใจผลักดันในระยะยาว
แหล่งที่มา : gamerant










