Samsung เลื่อนแผนผลิตชิป 1.4nm ออกไป 2 ปี เพื่อหันไปโฟกัสการพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตขนาด 2nm ให้คุ้มค่าและตอบโจทย์ตลาดมากกว่าเดิม
Samsung Foundry ประกาศเลื่อนแผนการผลิตชิปเซ็ตด้วยกระบวนการผลิตขนาด 1.4 นาโนเมตร (nm) ออกไปจากเดิมในปี 2027 เป็นปี 2029 ซึ่งเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเวที SAFE Forum 2025 ที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยการเลื่อนนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งสำคัญของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายนี้ เพื่อหันไปโฟกัสกับการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตขนาด 2nm ให้ตอบโจทย์ตลาดและสร้างผลกำไรที่มากขึ้น
เหตุผลหลักที่ Samsung ตัดสินใจเลื่อนแผน 1.4nm มีอยู่สองข้อสำคัญ ข้อแรกคือ ลูกค้ารายใหญ่ที่เคยให้ความสนใจในกระบวนการผลิตระดับนี้ได้ถอนตัวออกไป ทำให้หากดำเนินการต่อจะเกิดปัญหากำลังผลิตล้นเกินและไม่คุ้มต้นทุน ส่วนข้อที่สองคือ บริษัทเผชิญการขาดทุนกว่า 4 ล้านล้านวอน หรือราว 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา การเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีที่ยังไม่สามารถสร้างรายได้ในทันทีจึงเป็นความเสี่ยงที่ Samsung ต้องหลีกเลี่ยงในตอนนี้
ในขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง TSMC วางแผนจะเริ่มผลิตชิป 1.4nm ในปี 2028 เร็วกว่าทาง Samsung อยู่หนึ่งปี ซึ่งอาจทำให้ภาพลักษณ์ด้านนวัตกรรมของฝั่งเกาหลีดูช้ากว่าในสายตาตลาด แต่ Samsung กลับมองว่าสิ่งที่สำคัญกว่าคือ การเพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไรระยะสั้น-กลางให้ดีขึ้นก่อน
แนวทางใหม่ของ Samsung คือการโฟกัสกับชิป 2nm ให้เดินหน้าต่อไปตามแผน โดยภายในปี 2028 คาดว่าจะมีทั้งรุ่น SF2P (2nd Gen 2nm) และ SF2X (3rd Gen 2nm) ออกมาสู่ตลาด นอกจากนี้ยังมีแผนเร่งปรับอัตราการใช้งานกระบวนการผลิตเก่าอย่าง 4nm, 5nm และ 8nm ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพิ่มรายได้ให้กับโรงงานในช่วงเวลาที่ยังไม่สามารถพึ่งพาชิประดับ 1.4nm ได้อย่างเต็มที่
เรียกได้ว่าเป็นการ “ถอยเพื่อกระโดด” อย่างมีกลยุทธ์ของ Samsung Foundry ที่อาจไม่ทันใจสายเทคโนโลยีล้ำอนาคต แต่ถือเป็นการจัดสมดุลระหว่าง “นวัตกรรม” และ “ความยั่งยืนของธุรกิจ” ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก
ที่มา: SamMobile