vivo V60 มือถือบางเบา กล้องเทเล ZEISS แบต 6500mAh
vivo V60 เป็น “เครื่องบางเบาแต่ฟีเจอร์ล้น” ที่เน้นประสบการณ์พอร์ตเทรตสายโปร ควบคู่กับ แบต 6500mAh / ชาร์จ 90W ให้ประสิทธิภาพการใช้งานแรง เพียงพอในการใช้งานจริงจังและการนำมาเล่นเกม
หน้าจอขนาดใหญ่ ภาพชัด รีเฟรชเรต 120Hz แสงสว่างสูง ทำอะไรก็เห็นได้เต็มตาแม้ในที่สว่างกลางแจ้ง สว่างสุด 5000nits ในเรือนร่างที่ถือสบาย มี IP68 & IP69 ทนทาน ใช้งานได้นาน ลุยได้ทุกที่ทุกเวลา
ฝั่งซอฟต์แวร์ AI ก็จัดเต็ม AI ตั้งแต่การโทร แปล/ซับเรียลไทม์ ไปจนถึงแต่งภาพหลังถ่ายครบลูป ทำให้รุ่นนี้ “ครบเครื่อง” สำหรับคนทำคอนเทนต์และคนทั่วไปที่อยากได้มือถือเน้น ถ่ายคน–ใช้งานนาน–ถือสบาย
The Good
- ตัวเครื่องบางเบา 7.53 มม. / 192 กรัม
- ดีไซน์พรีเมียม หน้าจอ Quad Curved ขอบบางเพียง 1.86 มม. จับถนัดมือ ดูหรู
- ทนน้ำทนฝุ่นมาตรฐาน IP68 & IP69 + ฟีเจอร์ Water Ejection ไล่น้ำออกจากลำโพง
- หน้าจอใหญ่ 6.77 นิ้ว FHD+, สว่างสูงสุด 5000nits, 120Hz, รองรับ Netflix HDR
- ลำโพงสเตอริโอคู่ เสียงดังมีมิติ
- กล้องหลัง ZEISS 3 ตัว มีเลนส์เทเล Periscope ZEISS 50MP OIS ซูมออปติคอล 3x / Hyper Zoom 100x / กล้องหน้า ZEISS 50MP
- ฟีเจอร์กล้องเยอะมาก: ZEISS Portrait ระยะครบ, Aura Light, Film Mode, Zsiga Exclusive Frames, AI Four Season Portrait
- ซอฟต์แวร์ AI ครบ: AI Super Link, Gemini Assistance, AI Call Assistant, AI Captions, AI Image Studio
- การจับมือพิเศษ POP MART Zsiga Gift Set + Exclusive Frames
The Bad
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- ไม่รองรับ microSD Card เพิ่มเติม
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
กล้องถ่ายรูป
-
ฟังก์ชันและประโยชน์ในการใช้งาน
vivo V60 เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล V Series รุ่นนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ vivo เลือกใส่กล้องเทเลโฟโต้ระดับเรือธงลงมาในรุ่นกลาง และการจับมือพิเศษกับ POP MART ยิ่งทำให้รุ่นนี้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยครับ
ดีไซน์ตัวเครื่องยังคงเน้นความบางเบา สีสันใหม่สวยงามและน่าใช้ทั้งสามสี โดยตัวเครื่องบางๆ นี้ได้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ถึง 6500mAh แต่ทาง vivo ยังคงความหนาของตัวเครื่องไว้เพียง 7.5 มม. ฉะนั้นด้านดีไซน์จะเป็นจุดเด่นแรกที่เราสังเกตเห็นได้ทันที ตั้งแต่แรกสัมผัส
ต่อมาก็คือชุดกล้อง ZEISS ที่เพิ่มเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้เข้ามาเป็นครั้งแรกในซีรีส์ V สำหรับใครที่อยากถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีมิติความลึกแบบคมๆ รุ่นนี้ห้ามพลาด เรามีตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอันมากมายมาฝากให้ดูกันด้านล่างแบบเต็มอิ่มครับ
และการเปิดตัว vivo V60 ครั้งนี้ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมเซอร์ไพรส์ที่แฟน ๆ น่าจะชื่นชอบกันกับการคอลแลบสุดน่ารักร่วมกับ POP MART Zsiga ที่ถูกออกแบบมาเป็น Exclusive Collaboration Gift Set แบบลิมิเต็ด เรียกได้ว่าทั้งสายเทคและสายสะสม ใครจัดรุ่นนี้มามีเฮ
ภายในกล่องพิเศษนี้อัดแน่นด้วยของพรีเมียมจาก POP MART Zsiga ไม่ว่าจะเป็น เคสลายพิเศษ, สติ๊กเกอร์น่ารัก ๆ, สายห้อยโทรศัพท์, กระเป๋าเก็บเครื่อง และของอื่น ๆ
สำหรับ vivo V60 x POP MART Zsiga Exclusive Collaboration Gift Set (มูลค่า 9,999 บาท) ทาง vivo ได้จัดเป็นของรางวัลในกิจกรรม Like & Share ระหว่าง Live งานเปิดตัว vivo V60 ที่ให้แฟน ๆ ได้ร่วมสนุกกัน และกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกเพียบ ติดตามกันได้ที่แฟนเพจของ vivo Thailand
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ จองเครื่องทางหน้าร้าน ก็ยังจะได้รับของพรีเมียมจาก POP MART Zsiga เช่นเดียวกัน โดยของที่ได้รับจะประกอบไปด้วย เคส, สติ๊กเกอร์, สายห้อยโทรศัพท์, กระเป๋า และอื่น ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้าที่ร่วมรายการ
ลองดูคลิปแกะกล่อง Exclusive Collaboration Gift Set ได้ที่ด้านล่างนี้เลย
ฉะนั้นใครที่สนใจในคอลเลคชั่นของ Zsiga ก็ยิ่งต้องห้ามพลาด เรามาดูตัวเครื่อง vivo V60 กันดีกว่า ว่ามีอะไรที่น่าสนใจมาให้เราบ้างครับ
ในบทความนี้
ตัวเครื่องภายนอก
vivo V60 มาพร้อมบอดี้ที่เน้นความบางเบาอย่างชัดเจน โดยตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.53 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 192 กรัม ทำให้ถือใช้งานได้สะดวกและไม่รู้สึกหนักแม้ใช้งานต่อเนื่องทั้งวัน
ขอบจอโค้งแบบ Quad Curved ถูกปรับให้บางลงกว่ารุ่นก่อน ขอบบางเฉียบบบบ… ด้านข้างบางที่สุดเพียง 1.86 มม. จับถือกระชับมือและพรีเมียมมากๆ รู้สึกได้ถึงความบางแต่แกร่งของวัสดุโครงเครื่องได้เลยครับ
ไม่มีรูหูฟังบนตัวเครื่องโดยตรง แต่มีเซนเซอร์อินฟราเรดใส่เข้ามาให้ในขอบเครื่องด้านบนเพื่อใช้เป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ให้ถาดใส่ซิม 2 สล็อต รองรับ 5G + 5G Dual SIM Dual Standby รุ่นนี้จะไม่รองรับ microSD Card เพิ่มเติมนะครับ
vivo เลือกสีที่แตกต่างกันชัดเจนเข้ามาจำหน่ายสามสี และโดดเด่นในทุกสีเลย โดยเฉพาะสองสีใหม่ Berry Purple (ม่วง) โทนสดใสแบบวัยรุ่น ผิวกระจกขัดแบบนาโน โดดเด่นแต่แฝงความนุ่มนวล และ Summer Blue (ฟ้า) ผสมสีฟ้าและชมพูอ่อน ดูสบายตา ให้ความรู้สึกเป็นตัวเอง น่ารักครับ เป็นสีที่ดึงดูดสายตา โดยจะสลับสีไปมาตามแสงเงาที่เข้ากระทบ
และอีกหนึ่งสีคือ Mist Gray (เทา) สีสุภาพดูเรียบร้อย ใช้ได้ทุกเพศทุกวัย เป็นสีเทาไล่เฉดเวลาสะท้อนแสง ไม่ใช่แค่สีเรียบแบบธรรมดา
vivo ผลิตออกมาได้ประณีตมาก เครื่องจริงทำออกมาได้สวยน่าใช้
สำหรับความทนทาน V60 ก็ผ่านมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 & IP69 ทนต่อน้ำแรงดันสูงได้จากทุกทิศทาง และใส่ฟีเจอร์ Water Ejection ไล่น้ำจากลำโพงเมื่อโดนละออง/เผลอเปียกน้ำ ไม่ต้องกังวลเรื่องลุยฝนลุยฝุ่นใดๆ สำหรับ V60
กระจกหน้าจอใช้ Diamond Shield Glass ที่ทนต่อการตกกระแทกได้มากขึ้น 37% และโครงสร้างป้องกันรอบด้าน ผ่านการทดสอบความทนทานกว่า 70 แบบ เพื่อความมั่นใจในการใช้งาน
จะเห็นว่าทาง vivo ใส่ใจในด้านความทนทานของสมาร์ตโฟนเครื่องบางๆ รุ่นนี้มาอย่างมากทีเดียว ไม่ใช่แค่เน้นแต่สวยงามเท่านั้น
จุดขายใหญ่คือภายในเครื่องบางๆ ใส่แบตขนาด 6500mAh (BlueVolt Gen 3) พ่วงชาร์จไว 90W FlashCharge มาให้ด้วย ไม่ต้องแบกเครื่องหนา/หนักเกินจำเป็น ชาร์จไฟได้ไวมาก แค่ 20 นาทีก็ได้แบตเตอรี่กลับมาเกือบครึ่ง และระบบของ vivo ยังออกแบบมาให้ดูแลสุขภาพแบตได้ยาวนานถึง 4 ปี โดยไม่เสื่อมสภาพไปซะก่อน ฉะนั้นในการใช้งานจริง อยู่ได้ยาวๆ
อุปกรณ์ภายในกล่องของ vivo V60 จะมีสายชาร์จ USB Type-C พร้อมที่ชาร์จ 90W FlashCharge แถมมาให้เลย พร้อมกับเคสซิลิโคนที่ให้สีมาตรงกับสีตัวเครื่องที่เลือกมาครับ
จากการทดสอบใช้งาน เครื่องบางๆ เบาๆ สามารถใช้ต่อเนื่องได้มากกว่า 15 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดคลิปวิดีโอหรือเล่นเกม สามารถใช้ตั้งแต่เช้าและกลับถึงบ้านได้อย่างแน่นอนโดยไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงค์
หน้าจอและเทคโนโลยีแสดงผล
vivo V60 ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ 6.77 นิ้ว ความละเอียด 2392 × 1080 พิกเซล (FHD+) รองรับการแสดงผลสีสันระดับสูงกว่า 1.07 พันล้านสี และครอบคลุม P3 Cinematic Wide Color Gamut ให้ภาพที่สดใสสมจริง รองรับ Netflix HDR เรียบร้อย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมจุดเด่นคือความสว่างสูงสุด (เฉพาะจุด) 5000nits ทำให้ใช้งานกลางแดดจัดได้ชัดเจน รีเฟรชเรต 120Hz
ติดตั้งลำโพงสเตอริโอคู่มาให้สำหรับการรับชมความบันเทิง มีพลังและมิติเสียงที่ดี ไม่ต้องต่อลำโพงเพิ่มสำหรับการใช้งานภายในห้องส่วนตัว ผ่านการรับรองมาตรฐาน SGS การันตีการปล่อยแสงสีฟ้าต่ำ ใช้งานนานๆ ไม่ปวดตาหรือแสบแห้ง รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง
สีสันหน้าจอสวย ภาพสุดขอบ ด้วยตัวเครื่องที่บางและขอบจอเล็กมาก แถมหน้าจอขนาดใหญ่ระดับนี้ ทำให้เมื่อมองจากด้านหน้าจะดูเต็มไปด้วยหน้าจอทั้งหมดเลยละครับ
ประสิทธิภาพการใช้งาน
vivo V60 มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 4 ทำงานลื่นไหลไม่กินพลังงานสูง ความแรงอยู่ในระดับใช้งานได้ดีกับแอปและเกมบนระบบ Android ได้แล้วทุกเกม
ตัวเครื่องมีระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาเป็น VC Cooling ขนาดใหญ่ พร้อมเซ็นเซอร์อุณหภูมิ 13 จุด จากการทดสอบใช้งาน สามารถควบคุมความร้อนได้ดีครับ เล่นเกมต่อเนื่องในอุณหภูมิห้องไม่เจอปัญหาความร้อนใดๆ ให้ต้องกังวล แม้ในตอนที่ชาร์จแบตพร้อมกับใช้งานไปพร้อมกัน
RAM ขนาด 12GB (รองรับ Extended RAM เพิ่มได้สูงสุด +12GB จากหน่วยความจำเครื่อง) และให้ ROM ขนาด 256GB / 512GB เป็นเทคโนโลยีอ่าน/เขียนระดับกลาง LPDDR4X + UFS 2.2
ด้านซอฟต์แวร์ vivo V60 รันบน Android 15 ครอบทับด้วย Funtouch OS 15 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ ทั้งในด้านการจัดการพลังงาน ระบบกล้อง และการเชื่อมต่อเครือข่าย เพื่อช่วยใช้ในชีวิตประจำวันไว้หลายตัวครับ
ตั้งแต่การจัดสรรทรัพยากรให้ระบบเพื่อการใช้งานแบบเรียลไทม์ ซึ่งจากที่เคยพูดในรีวิวของอุปกรณ์ vivo เสมอมา ระบบนิ่ง ไม่เจอปัญหาใดๆ มีความเสถียรสูงมาก ไม่แลค ค้าง ช้า หรือรีสตาร์ทให้เห็นเลยตลอดการใช้งาน
AI ช่วยในการทำงาน
AI Super Link: ตัวที่เข้ามาช่วยจัดการสัญญาณให้เสถียรขึ้นเวลาอยู่พื้นที่อับสัญญาณ หรือในขณะสัญญาณอ่อน ตัว AI จะช่วยตรวจจับสัญญาณที่เข้มข้นมากที่สุดให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้การใช้งานของเราไม่สะดุดเวลาสตรีมมิ่ง เล่นเกม หรือไลฟ์สด การคุยสนทนาไม่ว่าจะที่ไหน หรือถือจับท่าไหน การรับส่งสัญญาณจะดีที่สุดอยู่เสมอ
Gemini Assistance: มีการติดตั้งผู้ช่วยคนล่าสุดจาก Google มาให้แบบตัวเต็ม ใช้เพื่อค้นหา/สรุป/สร้างไอเดีย/จัดตาราง หรือหน้าที่อย่างแปลภาษา หรือสรุปเนื้อหาในคลิป Youtube โดยไม่ต้องดูเอง และอีกสารพัดประโยชน์ ฯลฯ เป็น ML ในเครื่องที่เข้ามาช่วยทำงานในทุกด้านได้อย่างมหาศาล
ระบบผู้ช่วยในด้านการโทร : Block Spam Calls: ใช้ AI ระบุและบล็อกสายก่อกวน อาศัยฐานข้อมูลกึ่งส่วนรวมในภูมิภาคเรา จากการรายงานของผู้ใช้ เพิ่มความแม่นยำในการกั้นกรองผู้ติดต่อเข้ามาที่อาจเป็นมิจฉาชีพ และ AI Smart Call Assistant: แปลเสียง/แสดงซับไตเติลแบบเรียลไทม์ระหว่างโทร รองรับการแปลให้หลายภาษา (ไทย/อังกฤษ/จีน/ญี่ปุ่น/เกาหลี ฯลฯ) และสรุปใจความหลังคุยจบให้เราได้ด้วย เพื่อนำมาอ่านหรือเก็บไว้เป็นประวัติย้อนหลังอย่างเป็นระเบียบและเข้าใจง่าย โดยไม่ต้องจดเองแม้แต่น้อย
AI Captions: ถอดเสียง/แปล/สรุป ระหว่างดูวิดีโอหรือประชุมผ่านแอป Zoom/Teams/Meet/WhatsApp—เหมาะกับงานสายคอนเทนต์และคนที่ต้องการทำโน้ตบันทึกการประชุมแบบเร็ว ๆ อยากรู้ว่าคนข้างๆ กำลังพูดอะไร รวมถึงใช้ในการดูคลิปภาษาต่างประเทศรู้เรื่อง และหลังจากบันทึกสิ่งที่ได้มาเรียบร้อย ก็ยังสามารถทำมาเป็นสรุปเพื่อให้เซฟเวลาอ่านโดยย่อในภายหลังได้ด้วย
AI Image Studio โหมด AI สำหรับการปรับแต่งภาพหลังถ่าย
Magic Move
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ ปรับตำแหน่งองค์ประกอบในภาพ ได้อิสระ เหมาะสำหรับรูปที่องค์ประกอบยังไม่ลงตัว เช่น คนอยู่ชิดขอบเกินไปหรือวัตถุในภาพไม่บาลานซ์ ผู้ใช้เพียงแค่กดค้างเลือกวัตถุที่ต้องการ แล้วลากไปยังตำแหน่งใหม่ภายในภาพ ระบบ AI จะปรับพื้นหลังให้เนียนเสมือนถ่ายมาแบบนั้นจริง ๆ
Image Expander
เมื่อถ่ายรูปมาแล้วพบว่าฉากหลังดูแคบหรือเก็บไม่ครบ ฟีเจอร์นี้ช่วย ขยายขอบเขตของภาพ โดยใช้ AI เติมรายละเอียดที่สมจริงในพื้นที่ว่าง เช่น เติมท้องฟ้าให้กว้างขึ้น เพิ่มวิวให้สมบูรณ์ หรือขยายด้านข้างให้พอดีสำหรับการครอปไปใช้กับโซเชียล ถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยแก้ปัญหาภาพถ่ายที่ “อึดอัด” ได้อย่างดี แถมสิ่งที่เติมเข้ามาทำได้เนียบกริบจริงๆ
AI Erase 3.0
หนึ่งในปัญหาคลาสสิกของการถ่ายภาพคือสิ่งที่เกินเข้ามา วัตถุและคนที่ติดเข้ามาจนดึงสายตาของภาพเราไป ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่เหมือน ยางลบอัจฉริยะ โดย AI สามารถตรวจจับคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการในภาพ เช่น เงาสะท้อน, คนแปลกหน้าที่เดินผ่าน หรือวัตถุที่เกะกะ แล้วให้ผู้ใช้ลบออกได้เพียงแตะครั้งเดียว ระบบจะเติมและปรับพื้นหลังให้แนบเนียน ทำให้ภาพที่ได้สะอาดตาโดยไม่ต้องแก้ไขซ้ำหลายรอบ
AI Photo Enhance
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่เหมือน ตัวช่วยปรับคุณภาพภาพถ่ายอัตโนมัติ โดย AI จะวิเคราะห์ภาพทั้งใบ และปรับองค์ประกอบสำคัญ เช่น ความสว่าง คอนทราสต์ รายละเอียดของเงาและแสง พร้อมลด noise และกู้คืนรายละเอียดในส่วนที่มืดหรือสว่างเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยปรับโทนผิวและใบหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการใช้แก้ภาพที่ถ่ายมาแล้วดูหม่นหรือแสงไม่สมดุล ทั้งหมดผู้ใช้ไม่ต้องเข้าใจในเทคนิคการปรับภาพ แค่กดคลิ๊กเดียวให้ AI จัดการ
กล้องถ่ายภาพ
เมื่อเลนส์ ZEISS กลายเป็นหัวใจหลักของการถ่ายภาพในสมาร์ตโฟน vivo มาหลายปี ยิ่งนานวันระบบกล้องของ V Series ก็ยิ่งโดดเด่นกว่าใครในกลุ่มตลาดระดับกลาง
โดยในรุ่นนี้ทาง vivo ได้ใส่ชุดกล้องหลัง 3 ตัว ที่มีเลนส์ซูเปอร์เทเล ZEISS ใส่เข้ามาให้ในเครื่องระดับนี้เป็นครั้งแรก และให้กล้องเซลฟี่ระดับความละเอียด 50MP มาให้ด้วย ฉะนั้นแน่นทุกเลนส์! เป็นการย้ำจุดเด่น “พอร์ตเทรตสายโปร” ของซีรี่ส์นี้อย่างจริงจังเลยครับ
-
กล้องหลัก (Main Camera) : 50MP ZEISS OIS, เซนเซอร์ Sony IMX766 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, รูรับแสง f/1.88, รองรับกันสั่น OIS
-
กล้องเทเลโฟโต้ (Super Periscope Telephoto) : 50MP ZEISS, เซนเซอร์ Sony IMX882 ขนาด 1/1.95 นิ้ว, รูรับแสง f/2.65, กันสั่น OIS, ออปติคอลซูม 3X, Hyper Zoom สูงสุด 100X
-
กล้อง Ultra Wide : 8MP ZEISS Ultra Wide-Angle
-
กล้องหน้า (Selfie) : 50MP ZEISS Group Selfie, มุมกว้าง 92°, ออโต้โฟกัส
วิดีโอ 4K ได้ทั้งหน้า/หลัง ความละเอียดสูง ระยะซูมไกลจัด แต่แม้ vivo V60 จะมีครบทั้งมุมกว้างและกล้องหน้าเซลฟี่ระดับสูง แต่ต้องยอมรับว่าตัวชูโรงจริง ๆ ของรุ่นนี้คือ กล้องหลัก และ กล้องเทเลโฟโต้ ZEISS ที่ยกเทคโนโลยีจากเรือธงมาใส่ในซีรีส์ V เป็นครั้งแรก มารวมพลังกับ Aura Light ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสว่าง และแก้อุณหภูมิแสงไฟที่เพี้ยนไปได้ด้วยไฟเสริมแบบสองโทนในดวงเดียว
เลนส์หลักที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ให้ภาพคมชัดตั้งแต่กลางวันไปจนถึงแสงน้อย รายละเอียดใบหน้าและโทนสีออกมาตามจริง ไม่พยายามปรับจนหลอกตา จุดที่รู้สึกชัดคือ การเก็บแสงกลางคืน ที่ไม่ดันสว่างจนเสียบรรยากาศ ภาพยังคงมีเงาและแสงไฟที่สมดุลกัน
กันสั่น OIS ก็ช่วยได้มากเวลาถ่ายในที่มือไม่นิ่ง นี่คือจุดที่ vivo V60 สร้างความแตกต่างจากรุ่นกลางทั่วไป เลนส์เทเลโฟโต้แบบ Periscope ที่มีความละเอียด 50MP และเซนเซอร์ใหญ่ ข้อดีคือ ภาพซูมยังชัดแม้ดึงไปถึง 10X รายละเอียดหรือวัตถุไกล ๆ ยังเก็บได้ครบ
ภาพยังออกมาคมชัด ไม่สั่นเบลอ การซูมออปติคอล 3X ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงในระยะ 20x ก็ยังถือว่ามองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนอยู่ ส่วน Hyper Zoom 100X อาจไม่ได้ใช้บ่อย แต่ก็เป็นลูกเล่นที่ทำให้เครื่องนี้ “ครบ” ในเรื่องซูม
หนึ่งในโหมดที่สร้างสีสันมากขึ้น คือ Stage Style ที่ออกแบบมาเพื่อถ่ายในงานคอนเสิร์ตหรืออีเวนต์ เมื่อเปิดใช้งานที่ระยะซูม 10X ภาพที่ได้ไม่ใช่แค่ชัด แต่ยังมีการปรับโทนสี แสง และรายละเอียดเสื้อผ้า ผิวหน้าให้ดูสดเหมือนอยู่หน้าเวทีจริง ๆ เวลาอยู่ไม่เกิน 10 เมตร สามารถเก็บภาพศิลปินครึ่งตัวได้ชัดเจน มันเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้กล้องเทเลโฟโต้ไม่ใช่แค่เอาไว้ “ซูม” แต่เป็นเครื่องมือเก็บภาพแบบจริงจังของสายคอนตัวจริง ^^
อีกหนึ่งความรู้สึกที่ได้ คือการถ่ายกลางคืนไม่ต้องห่วงเรื่องไฟไม่พอ เพราะ vivo V60 มี Aura Light ที่กระจายแสงกว้างขึ้นกว่าไฟแฟลชมือถือทั่วไป ภาพออกมานุ่ม ไม่แสบตา สามารถปรับแก้สีของไฟได้ทั้งสองโทน ทั้งแสงอุ่นและแสงเย็น ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือในที่สีไฟแปลกๆ ก็ยังทำภาพออกมาได้ดูสดใส และสีใบหน้าของนางแบบยังดูเป็นปกติ
การถ่ายพอร์ตเทรตไม่ได้มีแค่ซูมเข้าออก แต่ vivo เพิ่ม ระยะ ZEISS Portrait 5 ระยะ (23mm, 35mm, 50mm, 85mm, 100mm) ให้เลือกใช้งาน ซึ่งแต่ละระยะก็ให้อารมณ์ต่างกัน เช่น
-
35mm : ถ่ายเต็มตัว ภาพดูสมจริง
-
85mm : Headshot โบเก้ละลายหลังสวยเป็นธรรมชาติ
-
100mm : เน้นใบหน้าแบบแน่น ๆ เหมือนถ่ายสตูดิโอ
ตรงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนยกกล้องโปรที่เลือกเลนส์ได้หลายระยะมาอยู่ในสมาร์ตโฟนรุ่นระดับกลาง ระยะครบมาก
โบเก้ฉากหลังสวยๆ ตามสไตล์เลนส์พอร์ตเทรตคลาสสิก เพราะ vivo ใส่อารมณ์ภาพของ ZEISS Portrait มาให้แตกต่างกันถึง 6 รูปแบบให้เราเลือกใช้
โหมด Film Mode และ Zsiga Exclusive Frames
อีกหนึ่งความพิเศษที่มาพร้อม vivo V60 คือการร่วมงานกับ POP MART Zsiga ที่ไม่ได้มีแค่ Gift Set สุดน่ารัก แต่ยังเสริมลูกเล่นเอาไว้ในฟังก์ชั่นการถ่ายภาพด้วย
โดยจะอยู่ในโหมดถ่ายภาพ “กล้องฟิล์ม” (เรียกใช้โดยกดหรือปัดขึ้นจากไอคอนลูกศรด้านล่างในหน้าการถ่ายภาพ) เป็นโหมดที่คนชอบถ่ายแนวอาร์ตน่าจะใช้บ่อยเลยละ ทำมาเลียนแบบการใช้งานของกล้องฟิล์มในอดีต ซึ่งจะมีลวดลายกระดาษฟิล์มน่ารักๆ ให้เราเลือกใช้อยู่หลายแบบ
โดยจะมีกรอบใหม่ นั้นคือ Zsiga Exclusive Frames กรอบพิเศษที่ออกแบบมาโดยเฉพาะให้เลือกใช้ทั้งหมด 4 แบบ ช่วยเติมความสดใสและคาแรกเตอร์ของ Zsiga ลงไปในภาพถ่าย ทำให้รูปที่ได้ไม่ใช่แค่ภาพจากสมาร์ตโฟน แต่กลายเป็นภาพที่มีเอกลักษณ์ในสไตล์คอลแลบพิเศษ ใครที่ชอบถ่ายรูปเล่น ลงโซเชียล หรืออยากได้ภาพที่แตกต่าง กรอบ Zsiga ถือเป็นลูกเล่นที่มีพิเศษเพียงเฉพาะรุ่นนี้รุ่นเดียวเท่านั้นครับ
การใช้งานก็ง่าย เพียงเข้าไปที่ กล้อง → ปัดขึ้นเพื่อเข้าโหมดกล้องฟิล์ม → เลือกกระดาษภาพถ่าย Zsiga (หรือจะเลือกภาพตัวเลือกลายน้ำ (Watermark) ของกล้องก็ได้เช่นกัน)
ใน Film Mode ยังได้เพิ่มโทนสีแบบคลาสสิกเข้ามาใหม่ด้วย อย่าง Classic Negative, Positive Film และ Clear Blue ซึ่งให้บรรยากาศแตกต่างกัน แต่ดูย้อนยุคเข้ากับธีมของกล้องทั้ง 3 แบบครับ
AI Four Season Portrait
ลูกเล่นที่น่าสนุกคือการให้ AI เติมบรรยากาศตามฤดูกาล ลงในภาพ เช่น ใบไม้ร่วงในฤดูใบไม้ร่วง หิมะในฤดูหนาว หรือแดดอุ่นในฤดูร้อน ฟีเจอร์นี้อาจไม่ใช่ของจริงจังสำหรับสายงานมืออาชีพ แต่ถ้าเอาไว้ถ่ายเล่น ๆ ลงโซเชียล มันให้ภาพที่มี “เรื่องราว” ขึ้นเยอะ
ถ่ายเมืองไทยยังไง ให้เหมือนอยู่เมืองนอก! . . . . ก็แค่ถ่ายด้วย vivo V60 เท่านั้นแหละ ^^
ภาพซ้าย…เมืองไทย / ภาพขวา…ก็เมืองไทย แต่มองผ่าน vivo V60
กล้องหน้า 50MP ZEISS Group Selfie Camera มุมมองกว้าง 92° พร้อมระบบ ออโต้โฟกัส มาพร้อม AI Facial Contouring ปรับรูปหน้าให้สมดุล เด่นที่จะเซลฟี่เดี่ยวหรือกลุ่มได้หมด เพราะถ่ายเซลฟี่ได้ถึง 3 ระยะ ภาพชัดเจน คุม distortion ได้ดีแม้ย้อนแสง
มีฟีเจอร์ AI Professional Portrait (GTR 2.0) ช่วยให้ผิวและรายละเอียดดูเนียนเป็นธรรมชาติ รุ่นนี้กล้องหน้าอย่างชัด ปรับหน้าอย่างเป๊ะเลยครับ
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดจากการถ่ายภาพด้วย vivo V60 คือการยกระดับกล้องเทเลโฟโต้เข้ามาเป็น “จุดขายจริง ๆ” ของซีรีส์ V กลายเป็นเลนส์ที่ใช้งานได้จริงและให้คุณภาพสูงในหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะการซูมถ่ายภาพบุคคลในระยะไกล มีมิติมาขึ้น ดูสวย และได้ระยะที่ไกลกว่าเดิม
กล้องหลักยังคงทำหน้าที่ได้ดี อยู่ในมาตรฐานระดับตัวท็อปของสมาร์ตโฟนได้เลย แม้ชุดกล้องของ V60 อาจไม่ใช่กล้องที่สมบูรณ์แบบทุกมุมเหมือนเครื่องตัวเรือธง แต่สไตล์ภาพของ vivo V Series ที่มีความเป็นวัยรุ่น สดใส และมีความน่ารักของฟีเจอร์ใหม่เช่นกรอบภาพจาก Zsiga ทำให้ vivo V60 ก็เป็นตัวสุดในรุ่น! ตามสไตล์ของตัวมันเองเช่นกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากหลากหลายโหมด หลากหลายฟังก์ชั่น ที่สามารถเรียกใช้งานได้จาก vivo V60 เพียงเครื่องเดียว!
สรุปท้ายรีวิว
vivo V60 เป็น “เครื่องบางเบาแต่ฟีเจอร์ล้น” ที่เน้นประสบการณ์พอร์ตเทรตสายโปร ควบคู่กับ แบต 6500mAh / ชาร์จ 90W ให้ประสิทธิภาพการใช้งานแรง เพียงพอในการใช้งานจริงจังและการนำมาเล่นเกม
หน้าจอขนาดใหญ่ ภาพชัด รีเฟรชเรต 120Hz แสงสว่างสูง ทำอะไรก็เห็นได้เต็มตาแม้ในที่สว่างกลางแจ้ง สว่างสุด 5000nits ในเรือนร่างที่ถือสบาย มี IP68 & IP69 ทนทาน ใช้งานได้นาน ลุยได้ทุกที่ทุกเวลา
ฝั่งซอฟต์แวร์ AI ก็จัดเต็ม AI ตั้งแต่การโทร แปล/ซับเรียลไทม์ ไปจนถึงแต่งภาพหลังถ่ายครบลูป ทำให้รุ่นนี้ “ครบเครื่อง” สำหรับคนทำคอนเทนต์และคนทั่วไปที่อยากได้มือถือเน้น ถ่ายคน–ใช้งานนาน–ถือสบาย
และที่สำคัญคือ ตัวเครื่อง “สวยงามมากๆ”
ราคาและโปรโมชั่น
vivo V60 เปิดจำหน่ายแล้วในสามสี Berry Purple, Summer Blue และ Mist Gray โดยมีออกมาสองรุ่นในราคา
- รุ่น 8GB + 256GB (Online Exclusive) → 14,999 บาท
- รุ่น 12GB + 256GB → 15,999 บาท
- รุ่น 12GB + 512GB → 17,999 บาท
- เครื่องพร้อมแพ็กเกจราคาพิเศษ จำหน่ายผ่านทาง AIS, True dtac เริ่ม 10,299 บาท
เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 28 ส.ค. 68 ผ่านช่องทางออนไลน์และร้านค้าพันธมิตร
✨ ของแถม & โปรโมชั่น
• รับประกันเครื่อง 2 ปี / ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง (มูลค่า 8,999.-)
• ของแถม V60 Premium Gift มูลค่า 890.-
• เก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 1,500.-
• ของแถมรวมมูลค่ากว่า 9,889.-