รีวิว Redmi Pad 2 แท็บเล็ตสายเอนเตอร์เทน จอใหญ่ สเปกครบ ใช้งานลื่นไหลได้ข้ามวัน ด้วยแบต 9000mAh!

Redmi เปิดตัวแท็บเล็ต Redmi Pad 2 อย่างเป็นทางการ โดยเน้นความคุ้มค่า หน้าจอใหญ่ สำหรับการใช้งานทุกวัน

Redmi Pad 2 มีความโดดเด่นด้วยหน้าจอที่ให้มาในระดับความคมชัด 2.5K ภาพสวยงามมาก เป็นจอที่ดีเกินระดับราคา พร้อมกับลำโพง 4 ตัวรอบทิศทาง เสียงดังชัดเจนแม้จะใช้งานภายนอกบ้าน จึงถือว่าเป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงแบบเต็มตัวเลยครับ

ที่สำคัญคือตัวเครื่องบาง ถือจับง่าย ใช้งานได้ถนัดทั้งวางบนโต๊ะหรือถือใช้งานบนตัก เห็นตัวแค่นี้แต่ภายในมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 9,000mAh เลยทีเดียว

โดย Redmi Pad 2 เปิดจำหน่ายในไทย ราคาเริ่มต้นเพียง 5,999 บาทเท่านั้นเองครับ

ดีไซน์โลหะระดับพรีเมียม จับถนัดมือ

Redmi Pad 2 มาพร้อมตัวเครื่องแบบ Metal Unibody Design หรือดีไซน์โลหะแบบชิ้นเดียว แข็งแรง เรียบหรู พร้อมความบางเพียง 7.36 มม. น้ำหนัก 510 กรัม พกพาง่าย

เหมาะกับทั้งการใช้งานที่บ้านหรือระหว่างเดินทาง โดยมีให้เลือก 2 สีคือ Mint Green และ Graphite Gray ซึ่งเป็นเครื่องที่เห็นในรีวิวบทความนี้

ปุ่มกดต่างๆ แค่ลองจับก็รู้สึกเลยว่าทน ไม่หลวม ไม่แข็ง งานประกอบดีไม่มีเหลี่ยมคมให้ระคายเวลาถือจับ เพราะออกแบบมาด้วยโครงเครื่องขึ้นรูปแบบชิ้นเดียว แม้ตัวเครื่องจะบาง แต่ยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. สำหรับการเสียบสายฟังเพลง และรองรับ microSD Card เพิ่มเติมได้สูงสุดอีก 2TB

รุ่นที่นำมารีวิวเป็นเครื่องรุ่นรองรับ WiFi เชื่อมต่อได้ทั้ง WiFi 2.4 และ 5GHz แต่ไม่รองรับการใส่ซิมการ์ดนะครับ แต่จะมีช่องสำหรับใส่ microSD Card เพิ่มเติมได้อีกสูงสุด 2TB

หน้าจอคมชัด 2.5K ขนาด 11 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีถนอมสายตา

Redmi Pad 2 มาพร้อมหน้าจอ IPS ขนาด 11 นิ้ว จอใหญ่ ความละเอียดสูงระดับ 2.5K (2560 x 1600 พิกเซล) ให้ความคมชัดต่อพื้นที่คิดเป็น 274 ppi เป็นจอภาพที่ดีมากๆ เมื่อดูจากราคาขายไม่ถึงหกพันบาท ใครเน้นเอาเครื่องมาเพื่อการรับชม คุ้มแน่นอน

แสดงสีสันได้สวยงาม สดใส ไม่ว่าจะใช้ดูภาพยนตร์ รับชมคลิป ดูการ์ตูน หรือใช้เรียนออนไลน์ ภาพคมชัดระดับนี้บนหน้าจอใหญ่ขนาดนี้ ยังไงก็ให้ประสบการณ์ได้เต็มอรรถรสทุกแนวการใช้งานแน่นอน

ขอบหน้าจอมีพื้นที่เล็กน้อย ติดตั้งกล้องหน้า 5MP สำหรับใช้วิดีโอคอลล์ และใช้สแกนใบหน้าเข้าใช้งาน หน้าจอรองรับอัตรารีเฟรช AdaptiveSync 90Hz ความสว่างสูงสุด 600nits มองภาพได้เห็นในเวลาใช้งานภายนอก

มาพร้อมเทคโนโลยี DC Dimming ในเวลาใช้งานในที่ร่มหรือในที่แสงน้อย เพื่อลดแสงกระพริบถนอมสายตา และเป็นจอที่ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ทั้งในด้านการลดแสงสีฟ้า และการใช้งานที่เป็นมิตรกับวงจรการนอนหลับของมนุษย์ (Circadian Friendly)

ถือว่าปลอดภัยถ้าจะนำมาใช้ภายในอาคารสำหรับคนชอบดูคลิปก่อนนอน หรือเอาไว้ให้เด็กใช้ก็จะลดการเกิดปัญหาด้านสายตาลงได้ (แต่ควรใช้ในที่แสงสว่างเพียงพอนะครับ)

ลำโพง 4 ตัว พร้อม Dolby Atmos เสียงกระหึ่มรอบทิศ

ในด้านระบบเสียงของ Redmi Pad 2 มาพร้อมลำโพง 4 ตัวรอบทิศทาง รองรับระบบเสียง Dolby Atmos สกรีนโลโก้ไว้ชัดเจน ติดตั้งไว้ข้างละ 2 ตัว ช่วยให้เสียงดนตรี หนัง หรือบทสนทนาชัดเจน เป็นลำโพงมีพลังที่ไม่พยายามเร่งเสียงให้ดังแต่แหลมแสบหู

ลำโพงดีครับ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ให้สนุกมากขึ้น เราสามารถปรับแต่งพรีเซ็ตของเสียงได้เองในการตั้งค่า หรือจะเปิดให้ระบบปรับเสียงให้โดยอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน

ระบบ Xiaomi HyperOS 2 พร้อมใช้งาน Google Circle to Search

Redmi Pad 2 ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ครอบทับบน Android 15 ระบบภายในออกแบบมาใช้งานง่าย

มีแอปพลิเคชั่นพื้นฐานติดตั้งมาให้ เช่นแอป Mi Canvas แอปสำหรับวาดรูป เพราะ Redmi Pad 2 เป็นแท็บเล็ตที่รองรับ Redmi Smart Pen เป็นปากกาเขียนหน้าจอที่รองรับแรงกดได้ละเอียด 4,096 ระดับ เพื่อการใช้งานวาดและเขียนได้ไม่ต่างจากดินสอ,ปากกาจริง (จำหน่ายแยก) จึงมีการใส่แอปพลิเคชั่นสำหรับการวาดภาพมาให้ครับ

มีแอป Bekids Coloring ซึ่งเป็นเหมือนมุมปลอดภัยสำหรับเด็ก ภายในเป็นกิจกรรมและเกมในรูปแบบง่ายๆ เน้นการเรียนรู้ และให้เด็กสนุกได้แบบไม่มีพิษภัย เช่น วาดภาพระบายสี เกมแต่งตัวตุ๊กตา หรือเกมแต่งหน้าทาเล็บให้กับตัวละคร สามารถใช้งานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

โดยผู้ปกครองสามารถควบคุมเวลาในการเล่นของเด็ก และต้องให้เด็กมาขออนุญาตก่อนสำหรับการติดตั้งเกมเสริมหรือโหมดเพิ่มเติม โดยผู้ปกครองจะปิดกั้นเอาไว้ได้ด้วยรหัสผ่าน

ภายในระบบมีฟีเจอร์ Xiaomi Interconnectivity ซึ่งเป็นระบบโครงข่ายของ Xiaomi เราสามารถรับสายโทรศัพท์จากมือถือ Xiaomi บนแท็บเล็ตได้โดยตรง รวมถึงใช้งานคลิปบอร์ดที่แชร์ข้ามอุปกรณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์อื่นที่อยู่ในอีโคซิสเต็มของ Xiaomi

เรายังสามารถใช้ Redmi Pad 2 เป็นหน้าจอเสริมที่สองให้กับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คได้แบบไร้สายด้วยนะครับ ขยายหน้าจอใช้ทำงาน หรือเป็นหน้าจอสะท้อนให้เห็นภาพเดียวกันเพื่อพรีเซ็นงาน

Redmi Pad 2 ยังเป็นแท็บเล็ตที่รองรับ Circle to Search และ Gemini ของ Google เรียบร้อยแล้ว ใช้ AI ในการค้นหาและแปลภาษาได้จากหน้าจอโดยตรง อยากค้นหาอะไรก็แค่ทัชค้างที่บริเวณเส้นบาร์ด้านล่างหรือปุ่มโฮม ก็เรียกใช้ Circle to Search  ได้ทันที

ระบบทำมารองรับการทำงานหลายแอปพลิเคชั่นพร้อมกันได้หลากหลายรูปแบบ ตามสไตล์ของอุปกรณ์แท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ เราสามารถแบ่งหน้าจอทำงานได้สามแอปพลิเคชั่นพร้อมกัน ทั้งแบบแบ่งครึ่งหน้าจอหรือเป็นแบบป๊อบอัป สามารถลากวาง และขยับย้ายได้ง่าย ระบบมัลติวินโดว์ออกแบบมาได้ดีครับใน HyperOS 2

ทำงานหลายแอปไม่มีปัญหาครับ มี RAM ขนาดค่อยข้างใหญ่ 8GB + 8GB เพียงพอต่อการเปิดแอปทำงานไว้ได้เกินกว่าสิบแอปขึ้นไป โดยที่แอปไม่ปิดตัวเองลงไปซะก่อน

แรงลื่นพอตัวด้วย Helio G100-Ultra และแบตอึด 9,000mAh

ขุมพลังของแท็บเล็ตรุ่นนี้คือ MediaTek Helio G100-Ultra ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม 6nm และ CPU แบบ 8 แกน (2x Cortex-A76 + 6x Cortex-A55) พร้อม GPU Mali-G57 MC2 รองรับ RAM (LPDDR4X) สูงสุด 8GB สามารถขยาย RAM ได้ด้วยหน่วยความจำชั่วคราว 8GB ให้พื้นที่จัดเก็บ 256GB (UFS 2.2) พร้อมรองรับ microSD ได้สูงสุดอีก 2TB

ระบบทำมาได้ลื่นไหลครับ เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป การเล่นมินิเกม การวาดภาพระบายสี การรับชมความบันเทิง ไม่เพียงแต่ลื่นไหล แต่ยังมาพร้อมกับหน้าจอและลำโพงที่ดี ไม่แสบตา ไม่แสบหู

สามารถเล่นเกมแคชชวล เกม Moba หรือเกม FPS ที่กราฟิกไม่สูงมากนักได้ไหลลื่นครับ แต่เกมกราฟิกหนักๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไรนักนะครับ

ตัวเครื่องไม่ร้อน ใช้งานได้ยาวนานมากๆ เพราะให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 9,000mAh แบตอึดมากๆ สำหรับการใช้งานแบบทั่วๆ ไป ถ้าเปิดหน้าจอต่อเนื่องจะใช้แบตเตอรี่ประมาณชั่วโมงละ 8% เท่านั้นเอง

วันไหนใช้งานเบาๆ อยู่ได้สบายๆ 3 วันขึ้นไปครับ เพราะถ้าจะเอาไว้แค่สแตนด์บาย จะรองรับการใช้งานได้นานถึง 86 วัน! แบตเตอรี่อึดมากกกก

อุปกรณ์รุ่นนี้รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 18W แต่ภายในกล่องจะแถมที่ชาร์จ 15W มาให้ จากที่ทดสอบใช้ที่ชาร์จที่แถมมาให้ ชาร์จประมาณ 10 นาที จะได้แบตเตอรี่มา 5% และจากที่ลองทดสอบกับที่ชาร์จของ 18W ที่มีกำลังไฟสูงมากขึ้น ตัวอุปกรณ์จะขึ้นโชว์ว่าเป็นระบบชาร์จด่วน แต่ก็ได้ผลลัพท์ที่ไม่ต่างกันมาก ถือว่าเป็นรุ่นที่ชาร์จแบตได้ค่อนข้างช้า

ในด้านกล้องถ่ายภาพ ติดตั้งกล้องหลังความละเอียด 8MP มาให้ และกล้องหน้า 5MP ตามมาตรฐานแท็บเล็ต โหมดกล้องไม่มีอะไรมาก รองรับการซูมภาพและวิดีโอได้สูงสุด 5x มีฟิลเตอร์ปรับเปลี่ยนสีภาพมาให้ใช้งานนิดหน่อยครับ ส่วนกล้องหน้า 5MP ก็จะมีบิวตี้โหมดเพิ่มความสวยงามของใบหน้ามาให้ใช้งานครับ ถือว่าโหมดสำคัญที่จำเป็นต้องมี ^^

กล้องมีแค่พอใช้ถ่ายรูปเล่นได้ครับ ตามมาตรฐานของอุปกรณ์แท็บเล็ต

เสริมประสิทธิภาพด้วยอุปกรณ์เสริมจาก Redmi

แท็บเล็ตรุ่นนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Redmi Smart Pen ซึ่งรองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ ตอบสนองรวดเร็วด้วยความหน่วงระดับมิลลิวินาที และแรงกดเพียง 10 กรัม ก็สามารถเขียนหรือวาดได้อย่างแม่นยำเสมือนเขียนบนกระดาษจริง (จำหน่ายแยก)

ส่วน Redmi Pad 2 Cover ถูกออกแบบให้ปกป้องเครื่องรอบด้าน 360 องศา พร้อมฟีเจอร์เปิด-ปิดจออัตโนมัติ รองรับการตั้งวางแบบแฮนด์ฟรี เพิ่มความสะดวกทั้งด้านงานและบันเทิง (จำหน่ายแยก)

ทั้งสองอุปกรณ์สามารถเข้าไปควบคุมตั้งค่าการทำงานได้จากในตัวแท็บเล็ตโดยตรง

สรุป

Redmi Pad 2 คือแท็บเล็ตที่รวมเอาความคุ้มค่า ดีไซน์สวย และประสิทธิภาพที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน เหมาะกับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะใช้เพื่อเรียน ดูหนัง วาดภาพ หรือทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นในบ้าน จุดเด่นด้านจอภาพ เสียง แบตอึด และการเชื่อมต่อกับ Xiaomi ecosystem ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากในช่วงกลางปี 2568

Redmi Pad 2 วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว!
พร้อมให้เลือก 2 สี คือ Graphite Gray และ Mint Green

• รุ่น 6GB + 128GB จำหน่ายในราคาเพียง 5,999 บาท
  วางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์ ได้แก่
  mi.com, Lazada, Shopee และ TikTok Shop

• รุ่น 8GB + 256GB จำหน่ายในราคา 6,999 บาท
  วางจำหน่ายที่
  Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
  และ ช่องทางออนไลน์ mi.com, Lazada, Shopee และ TikTok Shop

พิเศษ!
สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Pad 2 รุ่น 8GB + 256GB
ระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2568
รับฟรี! Redmi Pad 2 Cover มูลค่า 599 บาท

นอกจากนี้ Xiaomi ยังเตรียมวางจำหน่าย Redmi Pad 2 รุ่น 4G ในประเทศไทยเร็วๆ นี้อีกด้วย