ปีนี้ เป็นปีของมือถือรุ่นเล็กและกลางของ Microsoft อย่างแท้จริง เพราะจากที่ Microsoft ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีเรือธงรุ่นใหม่จนกว่า Windows 10 จะออกสู่ตลาด นั่นทำให้จากวันนี้จนถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ เราจะได้พบกับมือถือรุ่นเล็ก ไปจนถึงรุ่นกลางของ Windows phone จาก Microsoft เท่านั้นเอง
Microsoft Lumia 532 และ Microsoft Lumia 435 เป็นมือถือที่เปิดตัวพร้อมกันเมื่อต้นปี และวางจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทางการไปเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ซึ่งในภาพรวมแล้ว เจ้ามือถือทั้ง 2 รุ่นนี้มีหน้าตาและสเปคไม่ต่างกันมาก (แต่ก็มีจุดต่างสำคัญๆอยู่ ซึ่งจะได้กล่าวถึงในรีวิวนี้ต่อไป) แถมยังวางจำหน่ายพร้อมกันอีก ทำให้เราจับเจ้ามือถือทั้ง 2 รุ่นนี้มารีวิวพร้อมกัน และด้วยราคาที่ต่างกัน 600 บาทนั้น แน่นอนว่าจะมีจุดที่ต้องพิจารณา และเราจะมาช่วยท่านตัดสินใจจากรีวิวนี้กันครับ
รีวิวนี้จะประกอบไปด้วยหัวข้อต่างๆตามดังนี้
- จุดต่างของทั้ง 2 รุ่น
- แกะกล่อง
- แรกสัมผัสและการออกแบบ
- ผลการทดสอบ
- หน้าจอ
- ระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update
- กล้องและผลการถ่ายภาพ
- ความบันเทิง การเล่นเกมส์และดูหนังฟังเพลงและการใช้งานเป็นโทรศัพท์
- แบตเตอร์รี่
- สรุปผล
[divider]
จุดต่างของมือถือทั้ง 2 รุ่น
รีวิวนี้จะเริ่มต้นด้วยหัวข้อที่ประหลาดหน่อยครับนั่นคือการบอกข้อแตกต่างของเจ้ามือถือทั้ง 2 รุ่นนั่นเอง
อย่างที่เกริ่นไปครับว่าสเปคหลักๆของมือถือทั้ง 2 รุ่นไม่ต่างกันมาก ซึ่งสเปคหลักๆของมือถือทั้ง 2 รุ่นมีดังนี้
Lumia 435 Dual SIM | |
ระบบปฏิบัติการ | Windows Phone 8.1 และ Lumia Denim สามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 ได้ |
หน้าจอ | 4 นิ้ว WVGA LCD 800×480 พิกเซล 233 ppi |
หน่วยประมวลผล | 1.2 GHz Dual-core Qualcomm Snapdragon 200 |
แรม | 1 GB |
กล้องหลัก | 2 MP Fix Focus f/2.8 ขนาดเซ็นเซอร์: 1/5 นิ้ว ไม่มีแฟลช |
กล้องหน้า | VGA (0.3 MP) f/2.7 |
หน่วยความจำภายใน | 8GB + 30GB ฟรี OneDrive, micro SD มากสุดถึง 128GB |
แบตเตอรี่ | 1560 mAh ถอดเปลี่ยนแบตได้ |
ขนาด | 118.1 x 64.7 x 11.7 มม. 134.1 กรัม |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0, Bluetooth 4.0, Wi-Fi: WLAN IEEE 802.11 b/g/n |
การรองรับสัญญาณ 3G | GSM: 850 MHz, 900 MHz, 1800 MHz, 1900 MHzWCDMA: Band 1 (2100 MHz), Band 2 (1900 MHz), Band 5 (850 MHz), Band 8 (900 MHz) |
ส่วนสเปคแบบเต็มๆ เพื่อนๆสามารถอ่านได้จากที่นี่ครับ http://www.microsoft.com/th-th/mobile/phone/lumia435-dual-sim/specifications/
Lumia 532 Dual SIM | |
ระบบปฏิบัติการ | Windows Phone 8.1 และ Lumia Denim สามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 ได้ |
หน้าจอ | 4 นิ้ว WVGA LCD 800×480 พิกเซล 233 ppi |
หน่วยประมวลผล | 1.2 GHz Quad-core Qualcomm Snapdragon 200 |
แรม | 1 GB |
กล้องหลัก | 5 MP Fix Focus f/2.4 ขนาดเซ็นเซอร์: 1/4 นิ้ว ไม่มีแฟลช |
กล้องหน้า | VGA (0.3 MP) f/2.7 |
หน่วยความจำภายใน | 8GB + 30GB ฟรี OneDrive, micro SD มากสุดถึง 128GB |
แบตเตอรี่ | 1560 mAh ถอดเปลี่ยนแบตได้ |
ขนาด | 118.9 x 65.5 x 11.6 มม. 136.3 กรัม |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0, Bluetooth 4.0, Wi-Fi: WLAN IEEE 802.11 b/g/n |
การรองรับสัญญาณ 3G | GSM: 850 MHz, 900 MHz, 1800 MHz, 1900 MHzWCDMA: Band 1 (2100 MHz), Band 2 (1900 MHz), Band 5 (850 MHz), Band 8 (900 MHz) |
ส่วนสเปคแบบเต็มๆ เพื่อนๆสามารถอ่านได้จากที่นี่ครับ http://www.microsoft.com/th-th/mobile/phone/lumia532-dual-sim/specifications/
จะเห็นว่า ถึงแม้หน้าตาของทั้ง 2 รุ่นจะเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่ว่าจากสเปคบนหน้ากระดาษนั้นพบว่า มือถือทั้ง 2 รุ่นต่างกันอยู่พอสมควร ซึ่งจุดที่ต่างกันมีดังนี้
Lumia 435 | Lumia 532 | |
ชิปเซ็ท | 1.2 GHz Dual-core Qualcomm Snapdragon 200 | 1.2 GHz Quad-core Qualcomm Snapdragon 200 |
กล้องหลัก | 2 MP f/2.8 เซ็นเซอร์ขนาด 1/5 นิ้ว | 5 MP f/2.4 เซ็นเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว |
ขนาด | 118.1 x 64.7 x 11.7 มม. 134.1 กรัม |
118.9 x 65.5 x 11.6 มม. 136.3 กรัม |
Glance Screen | ไม่มี | มี |
ไฟที่ปุ่มสัมผัส | ไม่มี | ไม่มี |
Double tap to wake | มี | มี |
ฝาหลัง | Poly Carbonate ชิ้นเดียวแบบด้าน | Poly Carbonate 2 ชั้น (Dual Layer) ฝาหลังด้าน แต่ขอบด้านข้างใส |
จากสเปคเทียบความแตกต่างนี้ ก็จะเห็นได้ถึงความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นได้พอสมควรนะครับ ซึ่งจากที่ผมทดสอบใช้งานมาพบว่าข้อต่างตามตารางนี้ ถือว่าคุ้มค่ากับส่วนต่างที่ 600 บาทพอสมควร เพราะทั้งประสิทธิภาพที่มากกว่าด้วย CPU Quad Core ตัวเครื่องที่สวยกว่า รวมถึงกล้องหลักที่ดีกว่า (ดูได้จากผลลัพท์ในส่วนภาพถ่าย) นั่นทำให้ผมแนะนำว่าถ้าไม่มีประเด็นเรื่องราคาที่ต่างกัน 600 บาท Lumia 532 อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
[divider]
แกะกล่อง
มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมแพคเกจที่แตกต่างกัน ซึ่งสำหรับ Microsoft Lumia 532 นั้น แพคเกจยังคงเหมือนกับมือถือรุ่นก่อนหน้าในตระกูล Lumia ในช่วงหลังคือเป็นกล่องสีเหลี่ยมผืนผ้า ทรงแบน
แต่สำหรับ Microsoft Lumia 435 นั้น มาพร้อมกับแพคเกจวางจำหน่ายหน้าตาไม่เหมือนเดิม ซึ่งกลับไปคล้ายกับมือถือ Lumia รุ่นแรกๆอย่างช่วง Lumia 920
อุปกรณ์ภายในกล่องของทั้ง 2 รุ่นเหมือนกันหมด ทั้งหูฟัง WH-108 ที่คุณภาพพอฟังได้ ซึ่งอาจจะหวังเบสหรือเสียงคุณภาพดีจากชุดหูฟังนี้ยากหน่อยครับ แต่ก็เป็นปกติของมือถือรุ่นเล็กแบบนี้อยู่แล้ว
ส่วนสายชาร์จที่แถมมาก็เป็นรุ่น AC-18U รุ่นที่มากับมือถือรุ่นกลางถึงล่างอยู่แล้ว และเป็นแค่สายชาร์จที่ไม่สามารถแยกออกมาเป็นสายดาต้าได้นะครับ
เช่นเคย ส่วนตัวก็อยากให้ Microsoft ปรับปรุงหูฟังให้มีคุณภาพที่สูงกว่านี้อีกหน่อย แต่ด้วยราคาที่วางจำหน่าย ชุดหูฟังที่ได้มานี้ก็อาจจะเหมาะสมแล้วก็ได้ครับ แต่น่าจะแถมสายดาต้ามาให้หน่อยนะ
[divider]
แรกสัมผัสและการออกแบบ
แนวทางการออกแบบของ Microsoft Lumia 435 และ 532 นั้นยังคงเป็นแนว Bucket phone ที่สามารถถอดฝาหลังได้เช่นเคย แต่รูปลักษณ์ภายนอกของมันจะค่อนข้างคล้ายกับพี่น้องต่างสายเลือดอย่าง Nokia X พอสมควร
งานประกอบ คราวนี้ Microsoft แก้ตัวจากตอน Lumia 535 ได้แล้ว เพราะงานประกอบของทั้ง 2 รุ่นนั้นแน่นปึ๊กตามมาตรฐานเดิมของสมัยมือถือของ Nokia เลยครับ จุดนี้ต้องขอชมเชย Microsoft ที่แก้เกมส์มาได้ดี และฝาหลังแบบถอดได้ก็ประกอบได้เรียบเนียนไปกับตัวเครื่องเลยทีเดียว (Lumia 532 จะประกอบแน่นกว่า Lumia 435 เล็กน้อยนะครับ)
จุดเด่นของการออกแบบนั้นน่าจะอยู่ที่โลโก้ Microsoft ที่ฝาหลัง ที่ใช้การแกะลงไปในเนื้อพลาสติกเลย (เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น) แต่จุดเด่นจริงๆของการออกแบบน่าจะอยู่ที่ฝาหลังของ Microsoft Lumia 532 นั้นบริเวณขอบใช้การออกแบบๆ 2 ชั้น (Dual layer) ซึ่งคล้ายกับที่เราเคยเห็นใน Nokia Asha ซึ่งสวยงามไม่เลว
ส่วนฝาหลังของ Lumia 435 นั้นจะเป็นพลาสติก (Poly Carbonate) แบบด้านเหมือนกันทั้งชิ้น ซึ่งจุดนี้แล้วแต่ความชอบแล้วครับ
ส่วนตัวเครื่องในมุมต่างๆมีดังนี้ (เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น)
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มหรือพอร์ตการเชื่อมต่อใดๆ
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
ด้านขวามีปุ่ม เพิ่มเสียง ลดเสียง และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่องตามมาตรฐานของมือถือ Lumia รุ่นกลางถึงล่าง (ไม่มีปุ่มชัตเตอร์) ตัวปุ่มทั้ง 3 ปุ่มทำจากพลาสติก ตามปกติของมือถือรุ่นล่าง
ด้านล่างมีพอร์ต Micro USB สำหรับการชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
ด้านหน้าเป็นที่อยู่ของกล้องหน้าความละเอียด 0.3 MP
ด้านหลังมีกล้องหลักที่มีความละเอียดแตกต่างกันในแต่ละรุ่น คือ 2 MP สำหรับ Lumia 435 และ 5 MP สำหรับ Lumia 532 แต่ที่เหมือนกันคือไม่มีไฟแฟลช และการโฟกัสเป็นระบบ Fix Focus ทั้งคู่
ด้านล่างของฝาหลังเป็นที่อยู่ของลำโพง ซึ่งให้เสียงคุณภาพธรรมดา ไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องให้ติกับมือถือระดับราคานี้ครับ
แต่เสียงที่ได้ก็ดังพอตัวและเสียงไม่เบาลงแม้เราจะวางตัวเครื่องแบบเอาลำโพงแนบพื้น ซึ่งนี่เป็นข้อดีของการวางตำแหน่งลำโพงของ Microsoft
Lumia ทั้ง 2 รุ่นสามารถถอดฝาหลังได้ และเมื่อถอดออกมาจะพบว่า ทั้ง 2 รุ่นนี้มีบอร์ดด้านหลังเครื่องเหมือนกันชนิดที่เรียกว่ามาจากพิมพ์เดียวกันเลยทีเดียว และที่ด้านหลังนี้เป็นที่อยู่ของช่องเสียบ Micro SD Card รวมถึงซิมทั้ง 2 ซิม ซึ่งต้องถอดแบตเตอร์รี่ออกถึงจะสามารถใส่ซิมและ SD Card ได้
แบตเตอร์ที่เป็นขุมพลังของทั้ง 2 รุ่นนี้ ความจุ 1,560 mAh เท่ากันทั้ง 2 รุ่น
[divider]
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ
Microsoft Lumia ทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 200 และแรม 1 GB เท่ากัน แต่สิ่งที่ต่างคือ Lumia 532 มาด้วยชิปเซ็ทที่ดีกว่าคือ Quad Core ความเร็ว 1.2 GHz แต่สำหรับ Lumia 435 นั้นมาพร้อมชิปเซ็ทรุ่น Dual Core (ความเร็วเท่ากัน) เท่านั้น
ความต่างของชิปเซ็ทนี้ ส่งผลต่อประสิทธิภาพจากการทดสอบด้วยแอพพลิเคชั่น Benchmark ต่างๆอยู่บ้าง ดังรูปครับ
จากผลการทดสอบนี้ ต้องบอกว่าประสิทธิภาพที่ต่างกันราว 30 – 40 % ของแอพ AnTuTu Benchamark และราว 20-30 % จากการทดสอบด้วย Basemark OS II อาจจะเป็นตัวเลขที่มากซักหน่อย แต่ในการใช้งานจริง ความรู้สึกที่ผมพบคือไม่ต่างกันมากแบบมีนัยสำคัญอะไร แค่เจ้า Lumia 432 อาจจะเจอกับหน้าจอกำลังเรียกคืนการทำงานหรือกำลังโหลดบ่อยกว่าเท่านั้นเอง และการเล่นเกมส์ที่กราฟิกหนักๆอาจมีหน่วงกว่า Lumia 532 เล็กน้อย แต่การใช้งานทั่วไปไม่มีปัญหา
ถึงสเปคจะน้อยไปหน่อย แต่ด้วยความที่เป็นระบบ Windows phone ชิปเซ็ท Snapdragon 200 ก็สามารถใช้งานได้ลื่นสบายๆ แถมมาด้วยแรมอีก 1 GB ที่เล่นได้ทุกแอพใน Store (ยกเว้นเกมส์กราฟิกหนักๆ 1-2 เกมส์ที่ด้วยข้อจำกัดด้านชิปเซ็ททำให้ไม่สามารถเล่นได้) ก็ต้องบอกว่า คุ้มค่าตามระดับราคา และดูเหมือนว่าหลังจากนี้ Microsoft น่าจะใช้แรม 1 GB เป็นมาตรฐานสำหรับมือถือตระกูล Lumia ทั้งหมดแล้วเช่นกัน
[divider]
หน้าจอ
หลายๆท่านอาจจะกังวลเรื่องของปัญหาหน้าจอสัมผัสที่เคยมีในสมัย Lumia 535 มือถือตัวแรกในนาม Microsoft วางตลาดที่มีปัญหาเรื่องหน้าจอสัมผัสไม่ตอบสนองเท่าที่ควร
[quote]ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าสำหรับเจ้า Lumia 435 และ 532 ไม่มีปัญหานี้มากวนใจแน่นอน[/quote]
สัมผัสลื่นติดนิ้วแบบที่คาดหวังได้จากมือถือตระกูล Lumia รุ่นอื่นๆ และจากการทดสอบด้วยแอพ Multitouch Test พบว่าทั้ง 2 รุ่นรองรับการสัมผัสพร้อมกัน 5 จุดสมบูรณ์
ส่วนในเรื่องของคุณภาพนั้น ต้องบอกว่าตามระดับราคาเช่นกัน ด้วยหน้าจอ LCD ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 800×480 พิกเซล และความหนาแน่นเม็ดสีที่ 233 ppi ซึ่งจากการใช้งานพบว่าตัวหนังสือต่างๆก็ไม่ถึงกับไม่คมชัด เพราะหน้าจอขนาดไม่ใหญ่ เลยไม่มีปัญหาเรื่องการแตกของภาพและตัวอักษรให้เห็น ส่วนตัวผมมองว่าทำออกมาได้น่าพอใจกับระดับราคา
ถึงจะไม่มีเทคโนโลยี Clear black แต่ต้องบอกว่าการแสดงผลสีดำก็ทำออกมาได้ดี และสีสันหน้าจอแน่นอนว่าสามารถปรับได้ตามต้องการด้วยฟังก์ชั่นโปรไฟล์สี และโปรไฟล์ความสว่างในส่วนการตั้งค่า
แต่ที่ต้องติคือเรื่องของมุมมองที่ไม่กว้างเท่าไหร่ เรียกว่าถ้าเราเอียงหน้าจอให้ผิดจากระดับที่แสดงผลได้ดีไปซักหน่อย สีสันของภาพรวมถึงมุมมองก็จะเริ่มเปลี่ยนแล้วครับ โดยเฉพาะกับการเล่นแอพ Facebook ที่บอกได้เลยว่า เอียงเครื่องซักหน่อย แถบสีฟ้าด้านบนก็จะเริ่มไม่ค่อยฟ้าแล้ว และส่วนที่เป็นสีขาวเยอะๆ ก็จะเริ่มสว่างผิดปกติ และตัวหนังสือในแอพนี้จะเริ่มอ่านยากขึ้น จะบอกว่าด้วยเพราะต้นทุนราคา ก็น่าจะได้ แต่ถ้าได้มุมมองภาพที่กว้างกว่านี้อีกหน่อย น่าจะดีไม่น้อย
แต่ถ้าเราปรับหน้าจอเข้ามุมมองระดับปกติ ก็อย่างที่บอกครับ การแสดงผลก็น่าพอใจในระดับราคา
รวมถึงความสว่างของหน้าจอที่น้อยไปสำหรับการแสดงผลกลางแจ้ง แม้จะปรับความสว่างจนสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังมองลำบากเล้กน้อยสำหรับการใช้งานกลางแจ้งครับ ซึ่งนี่เป็นข้อด้อยของจอเจ้า Lumia ทั้ง 2 รุ่นนี้
อ้อ และ 2 รุ่นนี้กระจกหน้าจอเป็นกระจกธรรมดา ไม่ใช่ Gorilla Glass นะครับ
[divider]
ระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows phone 8.1 update และเฟิร์มแวร์ Lumia Denim ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดของ Windows phone แล้วในตอนนี้ แต่เมื่อเราเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ระบบจะมีอัพเดทเฟิร์มแวร์ที่ให้เราต้องอัพเดทอีก 1 รอบ ซึ่งในส่วนนี้ผมเองยังไม่แน่ใจเช่นกันว่าเป็นการอัพเดทอะไร เนื่องจากในอัพเดทนี้ไม่มี change log บอกเอาไว้
สำหรับคุณสมบัติต่างๆของเฟิร์มแวร์ Lumia Denim เพื่อนก็สามารถอ่านได้จากที่นี่ครับ
[quote]และสิ่งที่ต้องพูดถึงในแง่ระบบปฏิบัติการก็คือ มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ รองรับการอัพเกรดเป็น Windows 10 แน่นอน[/quote]
เพราะฉะนั้นถึงจะเป็นมือถือรุ่นราคาประหยัด แต่ก็สามารถอัพเดทต่อได้อีกยาว ส่วนการใช้งานอื่นๆไม่มีประเด็นอะไรอย่างที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในส่วนประสิทธิภาพการทำงาน
[divider]
กล้องถ่ายภาพ
แน่นอนว่า มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นรุ่นราคาประหยัด เพราะฉะนั้นเราอาจจะคาดหวังกับประสิทธิภาพของกล้องได้ไม่มากนัก
แต่ก็อีก ไม่ใช่ว่าจะคาดหวังไม่ได้เลยนะครับ เพราะจากที่ผมทดสอบมา กล้อง 5MP ใน Lumia 532 เองก็ให้ผลที่น่าพอใจ
สเปคด้านกล้องของทั้ง 2 รุ่นมีดังนี้ครับ
Lumia 435 | Lumia 532 | |
กล้องหลัก | 2 MP f/2.8 เซ็นเซอร์ขนาด 1/5 นิ้ว แบบ Fix focus ไม่มีแฟลช ซูมไม่ได้ | 5 MP f/2.4 เซ็นเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว แบบ Fix focus ไม่มีแฟลช ซูมไม่ได้ |
กล้องหน้า | VGA (0.3 MP) f/2.7 | VGA (0.3 MP) f/2.7 |
จะเห็นว่า Lumia 532 มีเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่า รูรับแสงกว้างกว่า และความละเอียดเซ็นเซอร์มากกว่า ถึงจะเป็นกล้องแบบ Fix focus และไม่มีแฟลชเหมือนกัน แต่คุณภาพของภาพที่ได้ผมให้ Lumia 532 ชนะไปแบบสบายๆ ทั้งความละเอียดภาพ ทั้งสีสันของภาพ ซึ่งตัวอย่างภาพถ่ายในมุมเดียวกันของมือถือทั้ง 2 รุ่นแสดงอยู่ด้านล่างครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากสภาวะแสงปกติ (บน Lumia 435 ล่าง Lumia 532)
ทุกท่านสามารถดูภาพต้นฉบับได้จากที่นี่ (Lumia 435) (Lumia 532)
แต่ด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์และระบบ Fix Focus ทำให้เวลาถ่ายรูปในร่มที่แสงรอบข้างเยอะๆ จะมีอาการ White balance เพี้ยนให้เห็นได้ง่ายๆเลยสำหรับมือถือทั้ง 2 รุ่น
สำหรับในสภาวะแสงน้อยนั้น อาจจะต้องบอกว่าคงสามารถถ่ายแบบขำๆได้เท่านั้น เพราะตัวเครื่องเองไม่มีไฟแฟลชมาให้ จากตัวอย่าง จะเป็นการถ่ายภาพในสภาวะแสงแบบรูปด้านล่างเลย คือค่อนข้างมืด มีแหล่งกำเนิดแสงบ้าง แต่ก็ให้ผลที่สว่างกว่าก่อนกดชัตเตอร์พอสมควร
สำหรับจุดที่มีแหล่งกำเนิดแสงมากขึ้นมาหน่อย ผลที่ได้ก็ดูดีขึ้น แต่แน่นอนว่า noise เยอะจนใช้งานแบบจริงจังไม่ได้แน่ๆ
ส่วนกล้องหน้า ความละเอียด 0.3 MP น่าจะเหมาะสำหรับใช้วิดีโอคอลขำๆ อาจจะใช้ถ่ายเซลฟี่ได้บ้าง แต่ก็อีกครับถึงแม้สภาพแสงจะอำนวย แต่ noise ก็ยังตามมาเยอะขนาดนี้ เพราะฉะนั้นควรเอาไว้ถ่ายแบบขำๆเท่านั้นครับ
ในแง่ของการถ่ายวิดีโอ ด้วยข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์ ทำให้ทั้ง 2 รุ่นสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดคือ ความละเอียดระดับ FWVGA (840 x 480 พิกเซลหรือ 480p) เท่านั้น คุณภาพก็พอใช้งานได้ แต่อย่างน้อย Microsoft เองก็ยังจับเทคโนโลยีบันทึกเสียงแบบ Audio Bass เข้ามาให้ด้วย
[divider]
ความบันเทิง ดูหนังฟังเพลงและการใช้งานเป็นโทรศัพท์
สำหรับการใช้งานอื่นๆในแง่ความบันเทิงอย่างการดู YouTube หรือไฟล์วิดีโอ ด้วยความที่สเปคหน้าจอและฮาร์ดแวร์จำกัด เพราะฉะนั้นตัวเครื่องที่เล่นไฟล์วิดีโอผ่านแอพอย่าง myTube นั้นจะสามารถเล่นไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุดได้ที่ 720p เท่านั้น (ถึงแม้ไฟล์ต้นฉบับจะมีความละเอียดที่ 1080p ก็ตาม)
และหากเราใช้ไฟล์ต้นฉบับเป็นไฟล์ Full HD 1080p ขนาดใหญ่ๆมาเล่น ปัญหาที่พบคือระบบจะไม่สามารถเล่นได้อย่างราบลื่น..เรียกว่ากระตุกจนดูไม่ได้เลยทีเดียว แนะนำให้ใช้ไฟล์ความละเอียด HD 720p ก็พอ
จะว่าไปแค่ความละเอียดระดับ HD 720p ก็เพียงพอต่อการรับชมอย่างได้อรรถรสบนหน้าจอขนาด 4 นิ้วแล้วล่ะครับ
ส่วนในแง่การฟังเพลง Lumia 435 และ 532 รองรับการปรับแต่งเสียงด้วยระบบ Equalizer ที่ Microsoft น่าจะทำมาเป็นมาตรฐานของมือถือ Lumia ทั้งหมดแล้ว (เพราะในยุค Nokia นั้นมือถือ Lumia รุ่นล่างๆจะไม่มีฟังก์ชั่นนี้มาให้) คุณภาพเสียงอยู่ในระดับมาตรฐาน เพียงแต่ต้องหาหูฟังดีๆมาทดแทนเจ้า WH-108 หน่อยเท่านั้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลง
ในแง่คุณภาพเสียงสนทนา ถึงจะเป็นรุ่นล่างของตระกูล Lumia แต่คุณภาพของไมโครโฟนและคุณภาพเสียงสนทนานั้นหายห่วงครับ ชัดใสปกติเหมือนรุ่นก่อนหน้า และด้วยความที่ทั้ง 2 รุ่นรองรับระบบ Dual-sim เราก็สามารถใช้คุณสมบัติ Smart Dual-sim ของ Windows phone ได้ ซึ่งเราสามารถใช้งานมือถือทั้ง 2 ซิมได้แบบ Dual standby ซึ่งสามารถเลือกโอนสายจากเบอร์หนึ่งไปยังอีกเบอร์หนึ่งได้ทันที รวมถึงเลือกซิมการ์ดที่จะใช้งานการเชื่อมต่อแบบ 3G ซึ่งเราสามารถสลับการทำงานได้ตลอดเวลาเช่นกัน
การใช้งานเป็น GPS ทั้ง 2 รุ่นจับสัญญาณ GPS ได้ดีและรวดเร็ว แต่ข้อด้อยคือทั้ง 2 รุ่นไม่มีเข็มทิศในตัวเพราะฉะนั้นเราจะไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่น Live Sight บน Here Maps ได้
[divider]
หน่วยความจำภายใน 8 GB: ไม่พอแน่ๆ ต้องมีตัวช่วย
ด้วยความที่เจ้า Lumia 435 และ 532 นั้น มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในแค่ 8 GB และไฟล์ระบบของ Windows phone 8.1 มีขนาดที่ราวๆ 2.6 – 2.7 GB เพราะฉะนั้นเราจะเหลือพื้นที่ใช้งานจริงราวๆ 3.6 GB
ท่านที่เล่นเกมส์ ลงแอพหรือฟังเพลงเยอะๆ ก็ต้องหาหน่วยความจำภายนอกเข้าช่วย เพราะทั้ง 2 รุ่นรองรับหน่วยความจำภายนอกสูงสุดถึง 128 GB ครับ
[divider]
แอพพลิเคชั่นบน Windows phone: ข้อด้อยที่ยังเหมือนเดิม
แน่นอนครับ ถ้าพูดถึง Windows phone ข้อด้อยหลักๆคือเรื่องแอพพลิเคชั่นที่ยังห่างกับระบบคู่แข่งมากเหมือนเดิมทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ
ถึงแม้แอพหลักๆที่ใช้งานกันอยู่จะเริ่มมีฟังก์ชั่นใกล้เคียงกับระบบอื่นๆขึ้นมาบ้าง แต่ก็ปฏิเสธความจริงที่ว่า ยังห่างกับระบบอื่นๆอีกไกลในแง่ความหลากหลายของแอพ
แต่ถ้าเอาเฉพาะแอพหลักๆ ตอนนี้ก็เรียกว่าดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็อีก ชาว Windows phone คงหวังอะไรเรื่องแอพในยุค Windows phone 8 นี้มากไม่ได้แล้ว น่าจะต้องไปรอดูกันในยุค Windows 10 เลยครับ
[divider]
อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่: พอใช้ได้ถึงเย็นๆ หรือข้ามวันถ้าเล่นน้อย
แบตเตอร์รี่ขนาด 1,560 mAh ที่คอยหล่อเลี้ยงชิปเซ็ทที่กินไฟไม่มากอย่าง Snapdragon 200 หน้าจอความละเอียด WVGA ซึ่งนั่นน่าจะทำให้อายุการใช้งานแบเตอร์รี่ของทั้ง Lumia 435 และ 532 น่าจะอยู่ได้นานพอควร แต่จะเป็นแบบนั้นมั้ย? มาดูกันครับ
การใช้งานของผม ก็เหมือนกับตอนที่ใช้งานมือถือทุกรุ่น (เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน) จากที่ผมได้ใช้งานและตั้งค่าเครื่องแบบเดียวกับที่เคยตั้งตอนใช้งานกับ Nokia Lumia ที่ผมทดสอบทุกรุ่น คือ
- ปิด Bluetooth และงานเบื้องหลังที่ไม่จำเป็นทั้งหมด
- เปิดงานเบื้องหลังเหล่านี้เอาไว้ Facebook beta, Line, Email อีก 3 ฉบับ, Internet Explorer, Store, Battery Saver, Whatsapp, Music, OneDrive,
- เปิด 3G, WiFi GPS ไว้ตลอดเวลา
- ตั้งค่าความสว่างเป็น Auto,
- เปิดคุณสมบัติการปรับภาพหน้าจอให้คมชัดกลางแจ้ง (Sunlight readability) ไว้ด้วยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอ
การใช้งานเน้นที่การโทรศัพท์ อ่านข่าวบนรถไฟฟ้ารวมถึงดูแล Fan page นอกจากนี้ก็เล่น Social network อย่าง Line, Facebook รวมถึง Twitter และ Instagram เป็นปกติ อาจจะไม่หนักเท่าคนที่เล่นเยอะๆ แต่ก็ไม่น้อย
และจากการทดสอบตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าอายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ของผมอยู่ได้ราว 8 – 10 ชั่วโมง (ถ้าเล่นเยอะหน่อยก็อยุู่ได้ราว 6-8 ชั่วโมง)
แต่ถ้าใช้งานน้อยเอามากๆ เข้าใจว่าด้วยระบบ Windows phone 8.1 update น่าจะมีการถนอมพลังงานเอาไว้ระหว่าง stand by ได้ดีขึ้น ทำให้ถ้าวันไหนที่ผมงานยุ่งๆหรือแทบไม่ได้ใช้งานมือถือ จะพบว่าแบตเตอร์รี่สามารถอยู่ได้ข้ามวันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ อายุการใช้งานแบตเตอร์รี่ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยอีกทีครับ
[divider]
สรุปผล: ประสิทธิภาพตามราคา คุ้มค่าในระดับราคานี้
Microsoft Lumia 435 และ 532 นั้น เป็นมือถือที่ทำมาแบบมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนว่า สำหรับคนที่ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพในระดับที่รับได้ ด้วยงบประมาณที่ไม่สูง (อยู่ในช่วง 3,000 – 3,600 บาท) ซึ่งหากมองในแง่นี้ผมว่าทั้ง 2 รุ่นสอบผ่านได้สบายๆ ด้วยการใช้งานที่ลื่นไหลตามสไตล์ Windows phone คุณภาพงานประกอบตามมาตรฐาน Nokia เดิม ที่ดีกว่าตอน Lumia 535
แรม 1 GB สำหรับ Windows phone นั้นเรียกว่าพอใช้แบบเหลือๆ ด้วยระดับราคานี้ กับการรองรับแอพเกือบ 100% ใน Store ทำให้มันเป็นมือถือที่น่าสนใจสำหรับคนที่จะเริ่มต้นกับระบบปฏิบัติการนี้ และทั้ง 2 รุ่นยังรองรับการอัพเดทเป็น Windows 10 อีกในอนาคต ถ้าคุณชอบระบบปฏิบัติการนี้ และอยากจะเริ่มทดลองใช้งาน ทั้ง 2 รุ่นนี้น่าจะเป็นคำตอบของคุณได้ ซึ่งก็เลือกกันได้ตามงบประมาณเลยครับ
แต่ถ้าให้ผมฟังธง ผมว่า Lumia 532 คุ้มกว่าถึงจะมีส่วนต่างที่ 600 บาทก็ตาม
ส่วนสิ่งที่จะให้ติ น่าจะเป็นเรื่องของ
- คุณภาพหน้าจอ ที่ถ้ามุมมองการใช้งานกว้างกว่านี้ได้อีกหน่อย สู้แสงได้อีกนิด ก็น่าจะทำให้ภาพรวมของตัวเครื่องน่าสนใจขึ้น
- กล้องหลักที่สำหรับ Lumia 532 น่าจะมีระบบออโต้โฟกัสเข้ามาด้วย เพราะถ้าเทียบกับมือถือระบบอื่นๆที่ช่วงราคาเดียวกันนี้ ส่วนมากก็มีระบบออโต้โฟกัสมาให้แล้ว รวมถึงไฟแฟลชที่ขาดไปอย่างน่าเสียดาย
- กล้องหน้า 0.3 MP ที่น่าจะแทบไม่มีใครใช้แล้ว ซึ่งยี่ห้ออื่นๆตอนนี้ที่ระดับราคานี้อย่างน้อยก็ได้ความละเอียดประมาณ 1 MP ขึ้นไปแล้ว
- ส่วนเรื่องแอพพลิเคชั่นและระบบปฏิบัติการที่ยังเป็นหนึ่งในข้อติ ก็ตามที่ได้กล่าวถึงในรีวิวนี้แล้ว
- และถ้าคุณไม่ใช่คอ Windows phone ความคุ้มค่าในแง่ของสเปค ก็หักลบกับคะแนนในรีวิวนี้ได้อีกราวๆ 5 – 10 คะแนนครับ
*** คะแนนประสิทธิภาพ -5 คะแนนสำหรับ Lumia 435 นะครับ
[gradeC]