แท็บเล็ตขนาดกะทัดรัด ตัวเล็ก พกง่าย แต่สเปกจัดจ้านด้วยชิปเซ็ตระดับสูง เครื่องแรง พร้อมหน้าจอระดับเทพความละเอียด 3K ในรูปทรงที่สามารถถือใช้งานได้ในมือเดียว นี่คือ Xiaomi Pad Mini นั้นเอง
ขุมพลังระดับเรือธงที่อยู่ในดีไซน์เล็ก เบา น้ำหนักเพียง 326 กรัม มาพร้อมหน้าจอ 3K ขนาด 8.8 นิ้ว รีเฟรชเรต 165Hz ภาพลื่นไหล สวยงาม ด้วยขนาดที่เหมาะทั้งสำหรับดูหนัง และ “เล่นเกม”
หน้าจอตัวนี้รองรับการจดงานด้วยปากกา Xiaomi Focus Pen ที่ออกแบบซอฟท์แวร์ไว้ใช้งานคู่กันกับแท็บเล็ต สามารถใช้ปากกาเป็นเลเซอร์พอยเตอร์ชี้เป้าบนหน้าจอแท็บเล็ตได้
ตัวปากการองรับเทคโนโลยีการวาดและเขียนขั้นสูง รองรับแรงกดได้ละเอียดถึง 8192 ระดับ เวลาแฝงเพียง 3ms พร้อมปุ่มกดบนตัวปากกา 3 ปุ่ม เพื่อเรียกใช้คำสั่งด่วนบนงานที่กำลังทำ เป็นปากกาเขียนหน้าจอเกรดโปรครับ รองรับการชาร์จแค่เพียงนำไปวางพักบนขอบเครื่องของแท็บเล็ต ก็จะเป็นการชาร์จปากกาแบบไร้สายไปในตัว (ระบบแม่เหล็ก)
ตัวเครื่อง Xiaomi Pad Mini ดีไซน์บางเบา พกง่าย ใช้งานได้ทุกที่ ตัวเครื่องบางเพียง 6.46 มม. และน้ำหนักเพียง 326 กรัม ถือได้ถนัดมือทั้งแนวตั้งเพื่ออ่านเอกสาร หรือแนวนอนเพื่อดูหนังและเล่นเกม
ดีไซน์แบบมินิมอลในสไตล์พรีเมียม ตัวเครื่องขึ้นรูปด้วยวัสดุโลหะอะลูมิเนียมอัลลอย ผิวสัมผัสแบบแมตต์ลดรอยนิ้วมือ ด้วยตัวเครื่องที่บางและโครงสร้างขอบเรียบทำให้ยิ่งถือได้ถนัดแม้ใช้มือเดียว
มาพร้อมกล้องหลัง 13MP รองรับวิดีโอ 4K 30fps และโหมด Pro สำหรับสายถ่ายภาพ ส่วนกล้องหน้า 8MP รองรับวิดีโอ 1080p
ตัวเครื่องมีความพิเศษ เพราะใช้พอร์ต USB Type-C แบบคู่ แยกการทำงานระหว่างใช้โอนข้อมูล (USB 3.2 Gen 1) และพอร์ตเชื่อมต่อภาพผ่าน DisplayPort 1.4 ตรงบริเวณด้านท้ายเครื่องและตรงกลางเครื่อง
จอ 3K 165Hz ลื่นไหลระดับพรีเมียม
หน้าจอขนาด 8.8 นิ้ว ความละเอียด 3008×1880 พิกเซล (403 ppi) รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 165Hz และการตอบสนองการสัมผัสถึง 1080Hz เพื่อความลื่นไหลสูงสุดในเกมและแอปที่รองรับ ขณะเดียวกันก็ให้ค่าสีที่เที่ยงตรงด้วย DCI-P3, Original Color Pro และโหมดแสงแดด เพื่อให้ภาพคมชัดแม้กลางแจ้ง พร้อมการรับรองจาก TÜV Rheinland ทั้งด้านแสงสีฟ้าและการแสดงผลที่ไม่กระพริบ และระบบสัมผัสแม้ขณะมือเปียก ซึ่งหาได้ยากในแท็บเล็ตขนาดเล็ก
ครบครัน ทั้ง Dolby Vision, HDR10 และโหมดอ่านหนังสือที่ถนอมสายตา รองรับการใช้ Doby Vision เปิดแอป Netflix พร้อมใช้ทันที
จุดเด่นอีกอย่างคือเทคโนโลยี AI Image Engine ที่ช่วยปรับภาพอัตโนมัติตามคอนเทนต์
ประสิทธิภาพแรง แท็บเล็ตระดับตัวท็อป
Xiaomi Pad Mini เปิดตัวพร้อมชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 9400+ ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 3nm รุ่นใหม่ ทำงานร่วมกับ GPU Immortalis-G925 MC12 และหน่วยประมวลผล AI NPU 890 ให้พลังประสิทธิภาพเหนือแท็บเล็ตขนาดเล็กทั่วไปอย่างชัดเจน
แท็บเล็ตทำงานบน Xiaomi HyperOS 2 ที่พัฒนาต่อยอดจาก Android รุ่นใหม่ ในด้านหน่วยความจำมีเข้ามาจำหน่ายในไทยสองรุ่นครับ คือ 8GB + 256GB และ 12GB + 512GB ใช้หน่วยความจำ LPDDR5X และ UFS 4.1 จะเห็นว่าเป็นเทคโนโลยีแท็บเล็ตเรือธงแบบเต็มตัว
ประสิทธิภาพแรงมาก เล่นเกมทุกเกมได้ลื่นสุด เฟรมเรทนิ่ง เป็นแท็บเล็ตเครื่องแรงที่อยู่ในรูปร่างเล็กๆ เท่านั้นเองครับ
รองรับการเชื่อมต่อไร้สายรุ่นล่าสุด ใชัสัญญาณ Bluetooth 5.4 ที่รองรับโค้ดเสียงระดับสูงทั้ง LDAC, LHDC 5.0 และ Auracast เหมาะทั้งสำหรับเล่นเกมออนไลน์หรือดูหนังแบบเสียงรอบทิศทาง และรองรับ Wi-Fi 7 Tri-band พร้อมเสาอากาศ 2×2 MIMO เชื่อมต่อสัญญาณ WiFi สองคลื่นได้พร้อมกัน 2.4 และ 5Ghz เพื่อเพิ่มความแรงและความสเถียรในขณะใช้งานได้ แต่รุ่นที่ผมนำมาไม่รองรับการใส่ซิมนะครับ
แบตเตอรี่ใหญ่ 7,500mAh ชาร์จเร็ว 67W
ด้านพลังงานจัดเต็มด้วยแบตเตอรี่ขนาด 7500mAh รองรับ 67W HyperCharge พร้อมฟังก์ชัน Reverse Charging 18W สำหรับจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นผ่านสาย USB Type-C ได้โดยตรง
ตัวเล็กแต่ใช้งานได้เต็มวันครับ เปิดหน้าจอเล่นเกมต่อเนื่องใช้แบตเตอรี่ชั่วโมงละประมาณ 12% เล่นได้ยาวๆ เกิน 7 ชั่วโมงแบตยังไม่หมดครับ
รองรับปากกา Xiaomi Focus Pen ใช้สำหรับจดบันทึก แก้ไข หรือใช้งานวาดภาพได้ ความหน่วงต่ำ ความแม่นยำสูง ออกแบบมาทำงานคู่กันกับแท็บเล็ตโดยตรง
พอร์ตด้านล่างสามารถเชื่อมต่อจอภาพนอกได้ พร้อมใช้พอร์ตส่วนท้ายชาร์จไฟไปได้ด้วยพร้อมกัน ทำให้สามารถใช้งานในรูปแบบของ PC ได้เลยครับ หรือต่อออกดูหนัง เล่นเกม กับจอขนาดใหญ่ภายนอกได้เลย
สรุปความคุ้มค่า
Xiaomi Pad Mini คือแท็บเล็ตขนาดกะทัดรัดที่จัดเต็มสเปกระดับพรีเมียม เหมาะทั้งสายบันเทิงและสายทำงานที่ต้องการความเร็วสูงและพกง่าย ด้วยจอ 3K 165Hz, ชิป Dimensity 9400+, แบต 7,500 mAh และระบบชาร์จเร็ว 67 W ทั้งหมดนี้ในน้ำหนักเพียง 326 กรัม เรียกได้ว่า “Mini แต่แรงเกินไซซ์” โดยมีการวางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท
































