Netflix ถูกเผยว่าทำข้อเสนอขอซื้อธุรกิจสตูดิโอและบริการสตรีมมิงของ Warner Bros Discovery เพื่อรวมแพ็กเกจร่วมกับ HBO Max โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้งานในอนาคต ขณะเดียวกันยังมี Paramount-Skydance และ Comcast เข้าชิงดีลครั้งนี้เช่นกัน
รายงานจาก Reuters ระบุว่า Netflix ได้ส่งข้อเสนอซื้อกิจการของ Warner Bros Discovery (WBD) ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ครอบคลุมทั้งสตูดิโอภาพยนตร์–โทรทัศน์ เครือข่ายช่องเคเบิลอย่าง HBO และ CNN รวมถึงบริการสตรีมมิง HBO Max
Netflix ให้เหตุผลกับผู้เกี่ยวข้องว่า หากได้ควบรวมบริการสตรีมมิงทั้งสองชุดเข้าด้วยกัน อาจทำให้เกิดแพ็กเกจราคาใหม่ที่ “ถูกลงสำหรับผู้บริโภค” จากการรวมค่าบริการ ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทใช้เพื่อลดแรงกดดันด้านกฎระเบียบ เพราะดีลนี้จะผนึกหนึ่งในสตรีมมิงรายใหญ่ที่สุดของโลกเข้ากับผู้เล่นอันดับต้น ๆ ของตลาด
อย่างไรก็ดี Netflix ไม่ใช่ผู้เล่นรายเดียวในศึกครั้งนี้ เพราะทั้ง Paramount-Skydance และ Comcast ต่างยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อ WBD เช่นเดียวกัน ซึ่งหากสำเร็จ ก็มีความเสี่ยงด้านกฎหมายแข่งขันทางการค้าคล้ายกัน เพราะจะเป็นการรวมผู้เล่นรายใหญ่เข้าด้วยกันอีกครั้ง
ฝั่ง Warner Bros Discovery เองก็อยู่ในช่วงมองหาผู้ซื้อทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัท โดยเฉพาะสตูดิโอและบริการสตรีมมิงที่มีต้นทุนสูง ซึ่งทำให้ดีลของ Netflix ถูกจับตาอย่างมาก
อีกด้านหนึ่ง หาก WBD เลือกรับดีล Paramount-Skydance จริง ก็จะเกิดบริการสตรีมมิงที่ถูกมองว่า “รวมตัวระดับเทพ” เพราะเสริมทัพกันด้วย Paramount+ , HBO Max และ Discovery+ ทำให้แข่งขันกับ Disney+ และ Netflix ได้มากขึ้นในตลาดที่ผู้เล่นล้นเกินในปัจจุบัน
ปัจจุบันผู้บริโภคต้องจ่ายหลายบริการเพื่อดูคอนเทนต์ที่กระจายหลายแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะกีฬา เช่น ดู NBA ต้องมี Amazon Prime Video, Peacock และบริการ Live TV เพื่อรับชม ESPN/ABC ทำให้กระแสเรียกร้องเรื่องการควบรวมเกิดขึ้นมากขึ้นในปีที่ผ่านมา
มุมมอง & ผลกระทบ
ดีลนี้ หาก Netflix สำเร็จ จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมสตรีมมิง เพราะไม่ใช่แค่จำนวนคอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้น แต่ยังหมายถึงการรวมอำนาจทางการตลาด ซึ่งอาจช่วยลดแพ็กเกจสำหรับบางกรณี แต่ก็เสี่ยงให้การแข่งขันลดลงในระยะยาว ขึ้นอยู่กับท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ ที่จะประเมินว่า “ช่วยผู้บริโภค” หรือ “ผูกขาดมากขึ้น” กันแน่








