สวัสดีครับ ผมชื่อ แม๊ก เป็น Admin คนล่าสุดของ AppDiqus ครับ ได้รับมอบหมายจากพี่ๆ ให้มาเขียนคอลัมน์ล่าสุดของเราในช่วง ชวนคุยยามเช้า โดยจะเป็นเรื่องน่ารู้ทั่วไปนะครับ วันนี้ในโอกาสที่มีข่าวแว่วๆ ว่าจะมีการนำเอา เพชรพระอุมา อมตะนิยายที่เป็นขวัญใจของนักอ่านตัวยงมาช้านาน มาทำเป็นภาพยนตร์จอเงินจริงจังซะที เลยอยากจะมาขอแนะนำนิยายเรื่องนี้โดยรวบรวมเนื้อหาต่างๆ รายละเอียดคร่าวๆ รวมถึงความคืบหน้าในการทำเป็นภาพยนตร์ให้กับทุกๆ ท่านครับ!
เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายแนวผจญภัยที่มีขนาดความยาวมากที่สุดในประเทศไทย และนับว่าเป็นนวนิยายที่มีความยาวมากที่สุดในโลกจากฝีมือการประพันธ์โดย บรมครู พนมเทียน ครับ โดยใช้ระยะเวลาในการประพันธ์ยาวนานกว่า 25 ปี!
บรมครูพนมเทียน หรือชื่อจริงนายฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ
โดยเนื้อเรื่องต่าง ๆ ของเพชรพระอุมานั้น พนมเทียนได้นำเค้าโครงเรื่องมาจาก คิง โซโลมอน’ส มายน์ส (King Solomon’s Mines) หรือ สมบัติพระศุลี นวนิยายของเซอร์เฮนรี่ ไรเดอร์ แฮกการ์ด ที่ว่านำโครงเรื่องมาก็หมายตามนั้นจริงๆ นะครับ เพราะ สมบัติพระศุลี นั้นเป็นนวนิยายขนาดเล่มเดียวจบ แต่พนมเทียน นำโครงเรื่องมาเขียนเป็นเพชรพระอุมาถึง 48 เล่มครับ (นับจากลิทสิทธิ์ล่าสุดของสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม)
King Solomon’s Mines : สมบัติพระศุลี (ชื่อไทย)
ส่วนการสร้างบรรยากาศให้เป็นป่าแบบไทย ๆ หรือป่าในเอเชีย ตลอดทั้งความรู้สึกนึกคิด สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของเรื่อง เป็นความคิดของ พนมเทียนทั้งหมด ซึ่งนำมาเป็นเค้าโครงเรื่องภายในอันประกอบไปด้วย
1. เรื่องที่ได้มาจากประสบการณ์พบเห็นด้วยตนเอง (ส่วนน้อย)
2. เรื่องที่ได้มาจาก “นิทานข้างกองไฟในป่า” (เป็นส่วนค่อนข้างมาก)
3. เรื่องที่ได้มาจากที่บรรพบุรุษนักเดินป่าเล่าให้ฟังเมื่อตอนยังเป็นเด็ก ๆ (บางส่วน)
4. คิดสร้างเรื่อง จินตนาการ แต่งขึ้นเอง (เป็นส่วนใหญ่)
ทั้ง 4 องค์ประกอบนี้ เมื่อนำเข้ามารวมกันเข้าแล้ว ทำให้พนมเทียนสามารถแต่งเรื่องราว แตกแขนงออกไปได้ไกล ในการนี้จึงอาจแบ่งความรู้สึกในการอ่านออกได้เป็นสองลักษณะคือในตอนต้น ๆ นั้น เป็นศิลป์ในการเดินป่า การยังชีพอยู่ในป่า และหลักการล่าสัตว์ ซึ่งเป็นหลักการแห่งความจริงทั้งหมด ที่อาศัยนำมาปูเป็นพื้นฐานก่อน ต่อมาก็เริ่มจะเป็น เรื่องราวที่ลี้ลับพิสดารขึ้นตามลำดับ ซึ่งก็มาจาก “นิทานข้างกองไฟในป่า” นั่นเอง ผนวกกับคิดแต่ง “จินตนาการ” ขึ้นเองทั้งหมด นั่นคือเห็นผลว่าทำไมเพชรพระอุมาจึงเขียนได้ยาวนานถึงเพียงนี้
โดยใน 48 เล่มจะแบ่งเป็น 2 ภาคพอดีๆ ที่ภาคละ 24 เล่มครับ ขอแนะนำเนื้อหาคร่าวๆ ดังนี้ครับ (ท่านที่ยังไม่ได้อ่านและอยากอ่านด้วยตัวเอง ข้ามไปได้เลยนะครับ เพราะ Spoil พอควร)
ภาคแรก (Spoils)
เพชรพระอุมาเป็นเรื่องราวการผจญภัยในดินแดนลึกลับที่เต็มไปด้วยอาถรรพ์และ เรื่องราวแปลกประหลาดต่างๆ ในป่าดงดิบของ รพินทร์ ไพรวัลย์ พรานป่าอดีตนายทหาร ผู้รับจ้างนำทางในการออกติดตามค้นหาผู้สูญหายคือ หม่อมราชวงศ์อนุชา วราฤทธิ์ ที่หลงหายไปในป่าดงดิบลึกลับ ซึ่งคุณชายอนุชามีความมุ่งมั่นที่จะหาสมบัติโบราณของชาวมรกตนคร แต่ก็หายสาบสูญไป… (- -”) โดยคณะนายจ้างชาวฟ้าอมร ที่มี พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ เป็นหัวหน้าคณะเดินทางพร้อมด้วย หม่อมราชวงศ์ดาริณ วราฤทธิ์ น้องสาวคนเล็ก (มรว. อนุชา เป็นลูกคนกลางครับ) และ พันตรีไชยยันต์ อนันตรัย เพื่อนชายคนสนิท โดยมีพรานบุญคำ พรานจัน พรานเกิดและ พรานเส่ย พรานป่าคู่ใจของรพินทร์ ไพรวัลย์ จำนวน 4 คน และแงซาย กระเหรี่ยงลึกลับที่มาขอสมัครเป็นคนรับใช้เพื่อขอร่วมเดินทางค้นหาคนหายในครั้งนี้ด้วย
การเดินทางเต็มไปด้วยอุปสรรคและอันตรายนานาชนิด ทั้งต้องเสี่ยงภัยและเผชิญกับสัตว์ร้ายในป่าดงดิบ อาถรรพณ์ของป่า นางไม้ ภูตผีปีศาจหรือแม้แต่สัตว์ประหลาด ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน, การพลัดหลงเข้าไปในดินแดนอาถรรพ์ และต้องต่อสู้กับ จอมผีดิบมันตรัย ที่มีพละกำลังกล้าแข็งและมีอำนาจอย่างแรงกล้า ทั้งการผ่านห้วงเวลาเหลื่อมซ้อนกันจนหลุดผ่านเข้าไปในยุคของโลกดึกดำบรรพ์ (ไดโนเสาร์) และค้นพบปริศนาความจริงของกะเหรี่ยงลึกลับในฐานะคนรับใช้และองค์รักษ์ประจำตัวของดาริน ที่ติดสอยห้อยตามคณะเดินทางมาถึงยังมรกตนคร ซึ่งฐานะที่แท้จริงของแงซายถูกเปิดเผยและคณะเดินทางของเชษฐาได้พบเจอกับบุคคลที่ออกติดตามค้นหารวมทั้งช่วยกันทำภารกิจที่สำคัญยิ่งได้สำเร็จ
ภาคจบ (Spoils)
ภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจและเดินทางกลับถิ่น รพินทร์ ไพรวัลย์ ได้ถูกว่าจ้าง (แกมบังคับ) อีกครั้งให้ออกติดตามหาเครื่องบินที่สูญหายพร้อมด้วยระเบิดนิวเคลียร์ รพินทร์จำใจรับจ้างเป็นพรานผู้นำทางออกติดตามค้นหาซากเครื่องบินที่สูญหายไปจากแผนที่ประเทศไทย โดยมีชาวต่างชาติจำนวน 4 คน เป็นผู้ว่าจ้าง แต่เมื่อเชษฐาและดารินซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของรพินทร์ ได้ทราบข่าวการรับจ้าง ก็เกรงว่ารพินทร์จะถูกฆ่าทิ้งเมื่อทำงานเสร็จสิ้น เนื่องจากเป็นงานลับระดับชาติ จึงออกติดตามคณะนายจ้างใหม่ของรพินทร์โดยความเป็นห่วง
การติดตามค้นหารพินทร์และคณะนายจ้างฝรั่ง คณะเดินทางของเชษฐาได้เผชิญหน้ากับ มันตรัย ที่ฟื้นคืนชีพที่อาณาจักรอาถรรพ์นิทรานคร ซึ่งเกี่ยวโยงถึงอดีตชาติของดารินและรพินทร์ที่เคยในชาติปางก่อน รวมทั้งพยายามล่อลวงเอาตัวดารินไปเป็นของตน แต่ก็ได้เชษฐาและไชยยันต์มาช่วยเหลือไว้อย่างทันท่วงที และปราบมันตรัยได้สำเร็จ ส่วนรพินทร์ได้นำคณะนายจ้างฝรั่งบุกป่าเพื่อค้นหาซากเครื่องบินและระเบิดนิวเคลียร์จนพบ โดยได้รับความช่วยเหลือจากแงซายในรูปของจิตใต้สำนึก จนภายหลังทั้ง 2 คณะได้เดินทางมาพบกันที่เมืองมรกตนคร ก่อนจะอำลากันเป็นครั้งสุดท้ายในการพบกันระหว่างบุคคลทั้งหมด
ความสำเร็จของเพชรพระอุมา
เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่ได้รับการตอบรับจากผู้อ่านเป็นอย่างดีมากครับ ถึงขนาดที่ว่า ในช่วงที่พนมเทียนกำลังเขียนเรื่องนี้ตีพิมพ์ขายเป็นเล่มพ็อกเก็ตบุ๊คติดต่อกันนั้น ถึงกับมีผู้อ่านมาเข้าคิวรอซื้อกันหน้าโรงพิมพ์เลยทีเดียว ยิ่งในปัจจุบันนั้น นับว่ายากยิ่งนักที่จะหานวนิยายของนักเขียนท่านใด ที่จะอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งทั้งลูกเด็กเล็กแดงและผู้ใหญ่รู้จักกันทั้งประเทศ และฮิตเรื่อยๆติดต่อเป็นระยะเวลาถึง 50 ปี! หากมองจากมุมนี้ เพชรพระอุมานับเป็นนวนิยายร่วมสมัย และอยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง
เพชรพระอุมากับการปูทางสู่ภาพยนตร์
ในอดีตเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้วก็เคยมีคนนำเพชรพระอุมามาทำเป็นหนังราว 2 ครั้ง แต่ทำแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องเท่านั้น ผลที่ออกมาไม่ค่อยประทับใจคนดูเท่าที่ควร เนื่องจากสมัยนั้น เทคโนโลยีในการทำหนังยังถือว่าล้าหลังมากครับ
ใบปิดเพชรพระอุมา กำกับโดย ส.อาสนจินดา
ซึ่งในราวปีพศ 2546 ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล ทรงคิดจะสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาโดยได้รับความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย ผ่านทางแฟนคลับเพชรพระอุมา โดยได้มีการโหวตการ casting ผู้ที่จะมารับบทในเพชรพระอุมาเป็นจำนวนมากมายผ่านทางอินเตอร์เนต นับเป็นครั้งแรกๆ ของเมืองไทย ที่มีแฟนคลับนิยายเป็นผู้ช่วยคัดสรรนักแสดงครับ
ตัวอย่างนักแสดงชื่อดังหลายท่านที่ท่านมุ้ยได้เรียกมาแคสติ้ง โดยให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของความเหมาะสมในตัวละครต่างๆ จากแฟนคลับผ่านทางอินเตอร์เนตครับ [Clickที่ภาพ เพื่อดูภาพขยาย]
อีก 1 ภาพจากการทำของแฟนคลับเพชรพระอุมาที่เอานักแสดงที่ท่านมุ้ยเรียกมาแคสมาทำ Poster ครับ [Clickที่ภาพ เพื่อดูภาพขยาย]
แต่เป็นที่น่าเสียดายมากครับ ที่ท่านมุ้ยซึ่งซื้อลิทสิทธิ์นิยายเรื่องนี้เพื่อที่จะเอามาทำหนังตั้งแต่ปี 2546 ได้ติดภารกิจสำคัญที่จะต้องทำหนัง สมเด็จพระนเรศวร ซึ่งกินเวลาติดต่อกันหลายปี ทำให้ต้องพับ Project เพชรพระอุมาลงชั่วคราว (ซึ่งถึงเวลาขณะนี้ได้หมดสัญญาเพชรพระอุมาลงไปเรียบร้อยครับ โดยยังไม่ได้สร้างเลย)
แต่มาถึงบัดนี้ทันทีที่ สมเด็จพระนเรศวร ถ่ายทำเสร็จสิ้นก็มีข่าวออกมาว่า ท่านมุ้ยทรงเริ่มเรียกทีมงานและจะเริ่มสร้างเพชรพระอุมากันใหม่ครับ พร้อมทั้งเตรียมทำแคสติ้งใหม่เนื่องจากนักแสดงบางท่านพอผ่านเวลานานไปก็หลุดจาก character เดิมของตัวละครไปแล้ว โดยความคืบหน้าเป็นอย่างไรนั้น ทางผมหากมีโอกาสจะนำข่าวมารายงานอีกเรื่อยๆ นะครับผม ^_^ ไปละครับ ไว้พบกันใหม่ครับ
มรว. ดาริณ วราฤทธิ์???
Source WIKIPEDIA , PANTIP.COM คลับเพชระพระอุมา , Dek-D.COM