Meta ประกาศเตรียมเลิกให้บริการ แอป Messenger สำหรับ Windows อย่างเป็นทางการ โดยผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าสู่ระบบหรือใช้งานแอปดังกล่าวได้หลังสิ้นสุดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้ไปใช้งาน Messenger ผ่านเว็บไซต์ Facebook.com หรือใช้งานผ่านแอป Facebook ของระบบ WIndows แทน ซึ่งยังคงมีฟีเจอร์หลักครบถ้วน ทั้งการส่งข้อความ โทรเสียง และวิดีโอคอลบนเดสก์ท็อป
การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มทยอยแจ้งเตือนผู้ใช้งานแอป Messenger บน Windows แล้ว โดยผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนภายในแอป เมื่อเข้าสู่ช่วงเลิกใช้งานเต็มรูปแบบ แอป Messenger จะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป และ Meta แนะนำให้ผู้ใช้ ลบแอปออกจากเครื่อง เนื่องจากระบบจะบล็อกการเข้าสู่ระบบทั้งหมดหลังพ้นกำหนด
เกิดอะไรขึ้นกับแอป Messenger บน Windows
Meta ระบุว่า หลังเลิกใช้งานแอป Messenger เดิม ผู้ใช้ยังสามารถสนทนาต่อเนื่องได้บน แอป Facebook Desktop หรือผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยประสบการณ์การใช้งานจะใกล้เคียงเดิม เช่น การโทรผ่านเดสก์ท็อป การส่งสติกเกอร์ และการแชร์ไฟล์ ทั้งหมดจะถูกรวมอยู่ในแพลตฟอร์ม Facebook แทน
สำหรับผู้ที่ใช้ Messenger โดยไม่มีบัญชี Facebook ระบบจะยังคงอนุญาตให้เข้าสู่ระบบได้ผ่าน Messenger.com โดยไม่ต้องสร้างบัญชี Facebook ใหม่ ซึ่งช่วยให้ยังสามารถสนทนาได้ตามปกติ
วิธีเก็บประวัติแชทก่อนย้ายระบบ
Meta ยืนยันว่า ประวัติการแชทจะยังคงอยู่ครบถ้วน หากผู้ใช้เปิดการเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยไว้ก่อนการเปลี่ยนผ่าน โดยต้องเปิดฟีเจอร์ “การเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย (Secure Storage)” และตั้ง PIN ผ่านแอปบนเดสก์ท็อป เพื่อให้ระบบสำรองข้อมูลไว้ในคลาวด์
ขั้นตอนตรวจสอบการเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยใน Messenger:
-
คลิก การตั้งค่า ที่มุมโปรไฟล์
-
ไปที่ “ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย”
-
เลือก “แชทที่เข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง”
-
คลิก “พื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับข้อความ” และตรวจสอบว่าเปิดการเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยอยู่หรือไม่
เมื่อย้ายไปใช้งาน Facebook.com แล้ว ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงประวัติการแชทเดิมได้ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเดสก์ท็อป มือถือ และแท็บเล็ต