Ming-Chi Kuo รายงานว่า Apple เตรียมเปิดตัว iPhone Fold ในช่วงปลายปี 2026 โดยล่าสุดมีการปรับโครงสร้าง “บานพับ” ใหม่ให้มีต้นทุนเพียงราว 70–80 ดอลลาร์ต่อเครื่อง (ประมาณ 2,600–3,000 บาท) ซึ่งถูกกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าอย่างน้อย 20–40 ดอลลาร์
ตามรายงานระบุว่า บานพับของ iPhone Fold จะถูกผลิตโดยความร่วมมือระหว่าง Foxconn และ Shin Zu Shing (SZS) ที่รับผิดชอบการผลิตราว 65% ของคำสั่งซื้อทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 35% จะเป็นของ Amphenol และในอนาคต Luxshare อาจเข้ามาร่วมผลิตในปี 2027 หากยอดขายเติบโตตามคาด
การปรับดีไซน์ใหม่นี้ไม่เพียงลดต้นทุน แต่ยังเพิ่มความแข็งแรงของบานพับด้วยวัสดุพิเศษอย่าง amorphous metal glass หรือที่รู้จักกันในชื่อ “liquid metal” ซึ่งมีคุณสมบัติเหนียวและทนต่อแรงกดได้ดี โดยโครงเครื่องจะใช้วัสดุผสมระหว่าง ไทเทเนียม และ อะลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนักแต่ยังคงความทนทานสูง
สำหรับดีไซน์โดยรวม iPhone Fold จะมีลักษณะเหมือน “การรวม iPhone Air สองเครื่องเข้าด้วยกัน” โดยมีหน้าจอภายนอกขนาด 5.5 นิ้ว และหน้าจอหลักเมื่อกางออกขนาด 7.8 นิ้ว พร้อมข่าวลือว่า Apple อาจนำ Touch ID กลับมาแทนที่ Face ID เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
ด้านราคาจำหน่าย คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 1,999–2,300 ดอลลาร์ หรือราว 74,000–85,000 บาท ซึ่งแม้จะยังเป็นกลุ่มพรีเมียม แต่ถือว่าถูกกว่าที่เคยคาดไว้ และอยู่ในระดับเดียวกับสมาร์ตโฟนพับได้ของคู่แข่งอย่าง Galaxy Z Fold และ Honor Magic V
นักวิเคราะห์จาก JPMorgan เชื่อว่า Apple จะมียอดขาย iPhone Fold ทะลุ 45 ล้านเครื่องภายในปี 2028 หากบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและปัญหาความทนทานของหน้าจอพับได้สำเร็จ
การมาของ iPhone Fold ถือเป็น “การวางหมากเชิงกลยุทธ์” ของ Apple ในตลาดพับได้ ที่ไม่เน้นความหวือหวา แต่เน้นความมั่นใจในคุณภาพ วัสดุ และความสมดุลระหว่างราคาและประสบการณ์ใช้งาน ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกับตระกูล iPhone 18 ในปลายปี 2026