นี่คือไลน์อัปใหม่ที่ Apple เปิดตัว iPhone 17 ยกเครื่องรุ่น Air และปรับราคา Pro พร้อมอุปกรณ์เสริมมากมาย

Apple เปิดตัว iPhone 17 lineup อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย iPhone 17, iPhone Air, iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max โดยปีนี้มีการปรับไลน์ครั้งใหญ่ พร้อมยุติการขายรุ่นเก่าอย่าง iPhone 15 และ iPhone 16 Pro Series

Apple ได้เผยโฉม iPhone 17 lineup ในงานเปิดตัวประจำเดือนกันยายน 2025 โดยปีนี้ “iPhone Air” ถือเป็นดาวเด่น เข้ามาแทนรุ่น Plus เดิม และมาพร้อมวัสดุพรีเมียมอย่างไทเทเนียม

รุ่นที่วางจำหน่ายและราคา

• iPhone 16e – 599 ดอลลาร์ (ประมาณ 21,900 บาท)

• iPhone 16 – 699 ดอลลาร์ (ประมาณ 25,500 บาท)

  Advertisement
  Advertisement
  Advertisement

• iPhone 16 Plus – 799 ดอลลาร์ (ประมาณ 29,200 บาท)

• iPhone 17 – 799 ดอลลาร์ (ประมาณ 29,200 บาท)

• iPhone 17 Air – 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 36,500 บาท)

• iPhone 17 Pro – 1,099 ดอลลาร์ (ประมาณ 40,200 บาท)

• iPhone 17 Pro Max – 1,199 ดอลลาร์ (ประมาณ 43,800 บาท)

***iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะมีขายในสต๊อกจำกัดจนกว่าของจะหมด โดยจะไม่มีผลิตเพิ่ม

โดย iPhone 17 Pro ขยับราคาเพิ่มขึ้น 100 ดอลลาร์จากปีก่อน แต่ทุกรุ่นในปีนี้เริ่มต้นความจุที่ 256GB แทน 128GB ของ iPhone 16

>>> รายละเอียดและคุณสมบัติของ iPhone 17 Pro และ 17 Pro Max

สีใหม่และวัสดุ

• iPhone 17: Black, Lavender, Mist Blue, Sage, White (บอดี้อะลูมิเนียม)

• iPhone Air: Space Black, Cloud White, Light Gold, Sky Blue (วัสดุไทเทเนียม)

• iPhone 17 Pro / Pro Max: Deep Blue, Cosmic Orange, Silver

อุปกรณ์เสริม

Apple เปิดตัวเคส TechWoven รุ่นใหม่ เคสใสพร้อมหน้าต่างขาวสำหรับ Pro และบัมเปอร์เคสพิเศษเฉพาะ iPhone Air รวมถึงสายสะพาย Crossbody และ MagSafe Battery รุ่นใหม่

การวางจำหน่าย

iPhone รุ่นที่ถูกยกเลิก เช่น iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะมีขายในสต๊อกจำกัดจนกว่าของจะหมด ส่วน iPhone 17 lineup เปิดจองวันที่ 12 กันยายน และเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 19 กันยายน

การเพิ่ม iPhone Air ในปีนี้สะท้อนกลยุทธ์ของ Apple ที่ต้องการสร้างตัวเลือกกึ่งพรีเมียมระหว่างรุ่นมาตรฐานกับ Pro Series ขณะเดียวกันการปรับราคาของ Pro บ่งบอกถึงการยกระดับประสบการณ์และเกณฑ์ราคาที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในตลาดสมาร์ตโฟนระดับบน