Google ได้เปลี่ยนคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับความรับผิดชอบด้าน AI อย่างเงียบๆในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถอดคำสัญญาว่าจะไม่พัฒนา AI เพื่อใช้ในเทคโนโลยีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ออกไป คาดว่าเพื่อเปิดช่องให้นำไปใช้ในด้านอาวุธ, การโจมตี และทางด้านการทหาร
หลักการ AI ของ Google ในเวอร์ชันก่อนหน้านี้ ได้มีสัญญาต่อจริยธรรมของตนเองที่ว่า บริษัทจะไม่พัฒนา AI สำหรับ ” อาวุธหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำไปใช้หรืออำนวยความสะดวกต่อการก่อให้เกิดการบาดเจ็บของผู้คน ” และรวมถึง “เทคโนโลยีที่รวบรวมข้อมูล หรือใช้ข้อมูลนั้นเพื่อละเมิดบรรทัดฐานที่ยอมรับในระดับสากล ” คำมั่นสัญญาเหล่านี้ไม่มีอีกต่อไปแล้วครับ
เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ Google ได้ปรับปรุงหลักการด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของตน โดยลบคำมั่นสัญญาที่จะไม่พัฒนา AI สำหรับอาวุธหรือเทคโนโลยีที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้คนออกไป การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของบริษัทที่เคยยึดมั่นในหลักการ “Don’t Be Evil” (ไม่เป็นคนชั่วร้าย) ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบในการครอบครองและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับผู้คน
ในปี 2018 Google เคยปฏิเสธที่จะต่อสัญญา “Project Maven” กับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้ AI วิเคราะห์ภาพจากโดรน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจริยธรรม นอกจากนี้ บริษัทยังเลือกที่จะไม่เข้าร่วมประมูลสัญญาคลาวด์กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพราะไม่มั่นใจว่าสอดคล้องกับหลักการด้าน AI ของตนหรือไม่ (หลักการเดิม)
อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 มีการเปิดเผยว่า Google มีส่วนร่วมใน “Project Nimbus” ซึ่งเป็นโครงการที่ทำให้ผู้บริหารบางคนเกิดความกังวลว่า Google Cloud อาจจะถูกใช้เพื่อสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชน การตอบสนองของ Google ในช่วงเวลานั้นคือการบังคับให้พนักงานหยุดพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งผลไม่ได้เป็นไปด้วยดี สุดท้ายส่งผลให้เกิดการประท้วง และการเลิกจ้างจำนวนมาก จนถึงการปรับนโยบายใหม่ภายในบริษัท
มาจนปี 2025 ล่าสุด Google ได้เปลี่ยนท่าทีอย่างชัดเจน โดยเลิกการหลีกเลี่ยงที่จะนำ AI ไปใช้ในด้านการทหาร Demis Hassabis ซีอีโอของ Google DeepMind ได้กล่าวในบล็อกโพสต์เอาไว้ว่า “ประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI” ซึ่งเป็นแนวคิดที่อาจจะดูไม่อันตรายจนกว่าจะพิจารณาควบคู่ไปกับความคิดเห็นของ Shyam Sankar ซีทีโอของ Palantir ที่กล่าวว่า การแข่งขันด้าน AI ควรเป็นความพยายามของทั้งชาติ เพื่อให้เราชนะในฐานะประเทศ
แนวคิดเหล่านี้อาจนำเราไปสู่ความเสี่ยงของสงครามโลกครั้งที่สาม การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจเพื่อประโยชน์ของฝ่ายที่จะชนะเท่านั้น
เชื่อว่าเราทุกคนทราบดีกันอยู่แล้วว่า สุดท้าย AI จะถูกนำพาไปสู่สิ่งเหล่านี้ในที่สุด แม้ว่าเรามักจะล้อเลียนเกี่ยวกับการกบฏของเครื่องจักรแบบในหนังไซไฟอนาคต และการสู้รบกันของทหาร AI ที่ไม่ต้องพักไม่ต้องนอนหรือกินอาหาร หยุดเพียงเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่และเติมกระสุน สิ่งที่เป็นแนวคิดในวิดีโอเกม วันนี้มันส่อเค้ากลายเป็นความจริงเข้าไปทุกที