Google Search AI Mode เริ่มให้ใช้งานในสหราชอาณาจักรแล้ว
หลังจากเปิดให้ใช้ในสหรัฐฯ ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Google ก็นำ AI Mode เข้ามาให้ผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรได้ลองสัมผัสประสบการณ์การค้นหาแบบใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาลิงก์อีกต่อไป โดยโหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโฉม Google Search ครั้งใหญ่ ที่ใช้พลังของ Gemini 2.5 มาช่วยวิเคราะห์คำถามและตอบกลับอย่างเข้าใจบริบทมากขึ้น
แม้ว่าในสหราชอาณาจักรจะมีฟีเจอร์ AI Overviews ให้ใช้อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ AI Mode ใหม่จะเป็นการอัปเกรดให้ ตอบคำถามแบบสนทนาได้มากขึ้น พร้อมลดจำนวนลิงก์ที่แปะมาในคำตอบ ทำให้การใช้งานรู้สึกเหมือนคุยกับผู้ช่วยส่วนตัวมากกว่าการแค่ค้นหา
Google ใช้ Search เป็นฐาน เปิดทางให้ AI ขยายทีละภูมิภาค
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวฟีเจอร์ คือ ยุทธศาสตร์การขยาย AI Mode ของ Google ที่ดำเนินไปอย่าง “เงียบแต่แน่น” ด้วยการใช้ Google Search ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาอันดับ 1 ของโลก เป็นช่องทางหลักในการแนะนำ AI เข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้ใช้ โดยไม่ต้องให้คนติดตั้งแอปหรือเรียนรู้ใหม่
การเปิดใช้งานแบบค่อยเป็นค่อยไป — เริ่มจากสหรัฐฯ ต่อด้วย UK และคาดว่าจะตามด้วยภูมิภาคอื่นๆ ในลำดับถัดไป — เป็นรูปแบบการปล่อยฟีเจอร์ที่สะท้อนถึงการ “สร้างความเคยชิน” มากกว่าแค่การเปิดตัวแบบหวือหวา เหมือน Google ต้องการ “สอดแทรก” พฤติกรรมการใช้งาน AI ผ่านสิ่งที่ผู้คนคุ้นเคยอยู่แล้ว นั่นก็คือการค้นหา
นี่อาจเป็นการขยายจำนวนผู้ใช้ Gemini ไปในวงกว้าง โดยไม่ต้องประกาศว่ากำลังใช้ Gemini อยู่ด้วยซ้ำ ผู้ใช้เพียงแค่ “เสิร์ช” แล้วก็ได้ใช้ AI ไปพร้อมๆ กันโดยไม่รู้ตัว
วิธีใช้งาน AI Mode
แทนที่ผู้ใช้จะค้นหาแบบเดิมใต้แท็บ “All” ตอนนี้สามารถกดเข้า “AI Mode” และพิมพ์คำถามด้วยข้อความ ใช้เสียง หรือแม้แต่แนบภาพก็ได้ ระบบจะใช้วิธีที่เรียกว่า query fan-out คือการค้นหาข้อมูลจากหลายหัวข้อและหลายแหล่งพร้อมกัน แล้วสรุปคำตอบออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
ระบบสามารถช่วยแนะนำได้หลายแบบ เช่น
-
อธิบายวิธีทำอะไรบางอย่างแบบ Step-by-step
-
เปรียบเทียบสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ
-
วางแผนท่องเที่ยวโดยมีคำตอบและคำแนะนำในตัว
แล้วข้อเสียล่ะ?
แม้จะดูสะดวก แต่โหมดนี้ก็มีข้อกังวล 2 อย่างหลักๆ ที่ผู้ใช้งานและนักวิเคราะห์ชี้ไว้
-
ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน (hallucination) ซึ่ง Google เองก็ยอมรับว่ามีอยู่จริง
-
จำนวนคลิกลิงก์ลดลงมาก จากรายงานของ Pew Research Center พบว่า เมื่อมี AI สรุปคำตอบให้ที่ด้านบน ผู้ใช้จะคลิกลิงก์น้อยลงถึง เกือบครึ่งหนึ่ง จาก 15% เหลือเพียง 8% เท่านั้น และในคำตอบ AI เองก็มีเพียง 1% ที่คลิกลิงก์แนบภายใน
จุดนี้ส่งผลโดยตรงต่อเว็บไซต์ต่างๆ ที่ต้องพึ่งทราฟฟิกจาก Google และยังทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่อง “การควบคุมข้อมูล” โดย Google ผ่านการสรุปคำตอบด้วย AI อีกด้วย
นอกจากนี้ Google ยังเปิดทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Web Guide ซึ่งจัดกลุ่มผลลัพธ์การค้นหาเป็นหัวข้อๆ และใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ว่าเว็บไหนควรอยู่ตรงไหน การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่แค่การตอบคำถามให้ไวขึ้น แต่ยังเปลี่ยนวิธีที่เรามอง “การค้นหา” ไปเลย