Google กำลังพัฒนา Gemini บน Android ให้สามารถทำงานต่อเนื่องเบื้องหลังได้ แม้ผู้ใช้จะสลับไปใช้งานแอปอื่น โดยไม่ต้องเริ่มบทสนทนาใหม่ทุกครั้ง ซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหาการมัลติทาสก์ที่ผู้ใช้บ่นกันมานาน
ปัจจุบัน การเรียกใช้ Gemini บน Android ไม่ว่าจะผ่านคำสั่งเสียงหรือกดปุ่ม Power ค้างไว้ ตัวผู้ช่วยจะปรากฏขึ้นในลักษณะ Overlay ซ้อนบนแอปที่ใช้งานอยู่ แต่ข้อจำกัดสำคัญคือ หากผู้ใช้แตะหน้าจอเพื่อกลับไปแอปเดิม Gemini จะถูกปิดทันที และบทสนทนาทั้งหมดจะหายไป ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง ซึ่งทำให้การใช้งานที่ต้องใช้เวลาคิด วิเคราะห์ หรือค้นข้อมูลหลายขั้นตอนเป็นเรื่องน่าหงุดหงิด
รายงานจาก Android Authority ระบุว่า Google กำลังทดสอบแนวทางแก้ไขปัญหานี้ใน Google app เวอร์ชันเบต้า โดยจะปรับพฤติกรรมของ Gemini Overlay ใหม่ จากเดิมที่ “ปิดตัวเอง” เมื่อออกจากหน้าจอ ให้เปลี่ยนเป็นการ “ย่อ” ลงไปเป็นปุ่มลอย (Floating Action Button) แทน
เมื่อ Gemini ถูกย่อเป็นปุ่มลอย ผู้ใช้จะสามารถสลับไปใช้งานแอปอื่นได้ตามปกติ ขณะที่ AI ยังคงประมวลผลคำสั่งเดิมอยู่เบื้องหลัง เมื่อได้คำตอบแล้ว ผู้ใช้เพียงแตะปุ่มลอยเพื่อกลับเข้าสู่บทสนทนาเดิมได้ทันที โดยไม่ต้องพิมพ์คำถามใหม่หรืออธิบายบริบทซ้ำ
แนวคิดนี้ช่วยให้การใช้งาน Gemini สอดคล้องกับพฤติกรรมจริงมากขึ้น เช่น เริ่มถามข้อมูล แล้วสลับไปเปิดอีเมล เว็บไซต์ หรือแอปจดโน้ตเพื่อนำข้อมูลเพิ่มเติมมาใส่ต่อในคำสั่งเดิม รวมถึงสามารถปรับแก้คำถามแบบต่อเนื่องได้ โดยไม่สูญเสีย Session
ฟีเจอร์ดังกล่าวยังไม่เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ และยังอยู่ในช่วงทดสอบ จึงมีโอกาสที่รูปแบบหรือพฤติกรรมจะเปลี่ยนไปก่อนปล่อยจริง อย่างไรก็ตาม หาก Google นำมาใช้งานตามแนวทางนี้จริง จะถือเป็นการแก้ “จุดอ่อนใหญ่ที่สุด” ของ Gemini บน Android ในปัจจุบัน
การอัปเดตนี้ยังสอดคล้องกับทิศทางระยะยาวของ Google ที่กำลังผลักดัน Gemini ให้เป็นแกนหลักของประสบการณ์ AI บน Android ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวโมเดล Gemini 3 Flash เพื่อเพิ่มความเร็วในการค้นหาและสร้างภาพ ไปจนถึงการขยายความสามารถ Deep Research ผ่าน API ไปยังแอปของนักพัฒนาภายนอก
Google ยืนยันแล้วว่า Google Assistant จะถูกแทนที่ด้วย Gemini อย่างสมบูรณ์บนสมาร์ตโฟนภายในปี 2026 ซึ่งทำให้การปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานพื้นฐานอย่าง “การทำงานเบื้องหลัง” กลายเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์เสริมอีกต่อไป








