Galaxy S26 Ultra ยังชาร์จเร็วสูงสุด 45W แม้มีข่าวลือเรื่อง 60W
แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่า Samsung Galaxy S26 Ultra จะอัปเกรดระบบชาร์จเร็วขึ้นเป็น 60W แต่ล่าสุดมีการยืนยันจากเอกสารรับรองของ China’s Quality Certification Center (CQC) ว่ารุ่นสำหรับวางขายในจีน (โมเดล SM-S9480) ยังคงรองรับการชาร์จสูงสุดเพียง 45W เช่นเดียวกับ Galaxy S25 Ultra
ข้อมูลระบุว่า Galaxy S26 Ultra จะรองรับการชาร์จแบบ 10V/4.5A หรือ 15V/3A เท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรฐานการชาร์จที่ Samsung ใช้มาหลายปีแล้ว โดยไม่เพิ่มกำลังวัตต์ขึ้นตามที่แฟนๆ คาดหวังไว้
ก่อนหน้านี้ข่าวลือจาก One UI 8.5 เคยทำให้หลายคนเชื่อว่า Galaxy S26 Ultra จะได้การชาร์จ 60W เป็นครั้งแรก แต่จากเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Samsung อาจยังไม่เร่งพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็วกว่าปัจจุบัน
ที่ผ่านมา Samsung ถูกมองว่าล้าหลังคู่แข่งในเรื่อง “ความเร็วชาร์จ” แม้จะเป็นเจ้าตลาดสมาร์ทโฟน แต่ก็ยังคงใช้มาตรฐาน 45W กับเรือธงมาตั้งแต่ Galaxy Note 10+ (ปี 2019) โดยไม่เพิ่มขึ้นอีกเลย ในขณะที่คู่แข่งจากจีน เช่น Xiaomi, OPPO, realme และ iQOO ต่างพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็วไปถึง 100W – 240W แล้ว ทำให้แฟนๆ คาดหวังว่า Galaxy S26 Ultra จะขยับอย่างน้อยเป็น 60W
ทำไม Samsung ยังยึด 45W?
มีการคาดการณ์ว่า Samsung เลือกคงมาตรฐาน 45W ไว้เพราะ
• เน้น ความปลอดภัยของแบตเตอรี่ และอายุการใช้งานระยะยาว มากกว่าความเร็วชาร์จในระยะสั้น
• ต้องการควบคุม ความร้อน (Thermal Management) ที่เกิดขึ้นขณะชาร์จเร็ว
• เน้นการโปรโมทเทคโนโลยีอื่น เช่น แบตเตอรี่ที่ทนทานขึ้น (Battery Health), AI จัดการพลังงาน และระบบระบายความร้อนภายในเครื่อง มากกว่าตัวเลขวัตต์เพียงอย่างเดียว
แล้ว Galaxy S26 Ultra มีอะไรใหม่?
แม้ระบบชาร์จจะยังคงเดิม แต่ข่าวลือบอกว่า Galaxy S26 Ultra จะมาพร้อม
• กล้องหลัก 200MP ที่มีรูรับแสงกว้างขึ้น เก็บแสงได้มากกว่า S25 Ultra ถึง 47%
• เลนส์ซูม 5x รุ่นใหม่ f/2.9 สว่างกว่าเดิม ถ่ายกลางคืนได้ดีขึ้น
• ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite Gen 5 หรือ Exynos 2600 (แล้วแต่ภูมิภาค)
• แบตเตอรี่ขนาดใกล้เคียง 5,000 mAh แต่ใช้ AI ช่วยจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข่าวนี้ถือเป็นการ “ตัดฝัน” สายแฟน Galaxy ที่อยากเห็นการชาร์จเร็วทะลุ 45W ในปี 2026 แต่ในอีกมุมหนึ่งก็สะท้อนกลยุทธ์ของ Samsung ที่ให้ความสำคัญกับอายุการใช้งาน เพื่อให้สอดรับกับนโยบายการอัปเดทระบบให้ยาวนานมากที่สุดในวงการ มากกว่าการแข่งตัวเลขวัตต์เหมือนแบรนด์อื่นๆ นั้นเอง