ประเด็นเรื่องราคาของวิดีโอเกมยังคงถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่ Nintendo ตั้งราคาเกม Mario Kart World ไว้สูงถึง $79.99 ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าที่แท้จริงของเกม คุณ Bill Trinen รองประธานฝ่ายประสบการณ์ผู้เล่นของ Nintendo of America กล่าวว่าราคาขึ้นอยู่กับเนื้อหาและคุณค่าของตัวเกม โดยยังมีเกมบน Switch 2 หลายเกมที่ตั้งราคาไว้ระหว่าง $60 ถึง $70
ในฝั่งของผู้บริหารรายอื่น Shuhei Yoshida อดีตประธาน SIE Worldwide Studios ก็ได้แสดงความเห็นในงาน Gamescom Latam ว่า “เมื่อคุณมองภาพรวมของชีวิต สินค้าอื่นๆ ขึ้นราคากันไปนานแล้ว ราคาวิดีโอเกมจริงๆ แล้วขึ้นช้ามากด้วยซ้ำ ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่บริษัทเกมจะต้องทบทวนโครงสร้างราคาใหม่”
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า เขาไม่เชื่อว่า “ทุกเกมควรมีราคาเท่ากัน” เพราะแต่ละเกมมีมูลค่าการพัฒนาและเป้าหมายทางตลาดที่ต่างกัน “ผมเชื่อว่าการตั้งราคาขึ้นอยู่กับผู้จัดจำหน่ายหรือผู้พัฒนาโดยตรง พวกเขาควรตั้งราคาให้เหมาะสมกับคุณค่าที่นำเสนอ ในความเป็นจริง ราคาที่ $70 หรือ $80 สำหรับเกมระดับท็อปยังถือว่า ‘คุ้มมาก’ หากเทียบกับรูปแบบความบันเทิงอื่น ๆ ตราบใดที่ผู้บริโภคเลือกซื้ออย่างชาญฉลาด ผมไม่คิดว่าพวกเขาควรจะบ่นอะไร”
อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะกับเกมที่ตั้งราคาไว้สูงแต่กลับไม่มอบประสบการณ์ที่ดี เช่น Call of Duty ซึ่งมีไมโครทรานแซกชันเต็มไปหมด แต่กลับมีแนวโน้มจะตั้งราคาที่ $80 ตามรายงานล่าสุด ด้าน Sony ยังไม่ยืนยันว่าจะใช้โมเดลราคาใหม่หรือไม่ โดยเกมใหญ่อย่าง Death Stranding 2: On the Beach และ Ghost of Yōtei ยังคงตั้งราคาไว้ที่ $70 ขณะเดียวกันราคาคอนโซล PS5 อาจมีการปรับขึ้นด้วยหากมีผลกระทบจากภาษีนำเข้า