แม้จะเป็นดาวรุ่งในวงการ AI ของจีน แต่ล่าสุด DeepSeek กำลังเผชิญกับแรงสะเทือนครั้งใหญ่จากมาตรการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาโมเดลใหม่อย่าง R2 ซึ่งเป็นทายาทของ R1 โมเดล AI ที่สร้างกระแสฮือฮาเมื่อต้นปี
รายงานจาก The Information ระบุว่า การพัฒนา R2 ต้องชะงักลงเพราะบริษัทไม่สามารถจัดหา Nvidia H20 ได้เพียงพอ หลังจากรัฐบาลสหรัฐสั่งห้ามส่งออกชิป AI รุ่นนี้ไปยังจีนตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลน GPU อย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่พึ่งพาโครงสร้างซอฟต์แวร์ CUDA ของ Nvidia เป็นหลัก
DeepSeek เคยใช้ GPU จำนวนมหาศาลในการฝึก R1 มากถึง 50,000 ตัว ซึ่งรวมถึง H20 จำนวน 30,000 ตัว H800 อีก 10,000 ตัว และ H100 อีก 10,000 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่จัดหาโดยบริษัทลงทุน High-Flyer Capital Management แม้ยังไม่มีการยืนยันว่า R2 ได้รับการฝึกเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ แต่รายงานระบุว่าทีมพัฒนาได้เร่งทำงานอย่างหนักเพื่อให้โมเดลพร้อมใช้งาน ทว่า Liang Wenfeng ซีอีโอของ DeepSeek ยังไม่พึงพอใจกับคุณภาพของโมเดล จึงยังไม่อนุญาตให้นำออกสู่ตลาด
ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ R2 เท่านั้น แต่ยังสะเทือนไปถึงการใช้งานของ R1 ด้วย เพราะผู้ใช้จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน สตาร์ทอัป หรือแม้แต่หน่วยงานรัฐบาล ล้วนรันโมเดลผ่าน GPU รุ่น H20 ที่ตอนนี้กำลังขาดแคลนอย่างหนัก นำไปสู่ข้อจำกัดในการใช้งานและการเตรียมความพร้อมสำหรับการปล่อย R2 ในอนาคต
ในมุมของเทคโนโลยี DeepSeek อาจเคยอ้างว่าใช้ทรัพยากรการฝึกน้อยกว่า OpenAI ถึง 11 เท่า แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นจุดอ่อนสำคัญของวงการ AI จีน ที่ยังคงต้องพึ่งพาฮาร์ดแวร์จากสหรัฐอย่างหนัก ทั้งในด้านประสิทธิภาพของ GPU และความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ฝึกโมเดล
ขณะที่ DeepSeek ยังไม่ได้แถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับอนาคตของ R2 หรือการเปลี่ยนแนวทางพัฒนา ทาง OpenAI เองก็เคยมีข้อสงสัยว่า R1 อาจมีการนำข้อมูลจากโมเดลของตนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ DeepSeek จะยังไม่ออกมาโต้แย้งใดๆ ในวันที่สงครามเทคโนโลยีระหว่างจีน-สหรัฐยิ่งร้อนแรงขึ้นทุกวัน DeepSeek คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนว่า อำนาจควบคุมของฮาร์ดแวร์จากตะวันตก ยังคงเป็น “จุดตาย” ของความพยายามสร้างอำนาจ AI แบบพึ่งพาตัวเองของจีน
ที่มา: Tom’s Hardware