จีนเปิดตัว “เล่าจื๊อ” มนุษย์ดิจิทัลคนแรก พูดคุยเรื่องเต๋าได้เหมือนมีครูอยู่ตรงหน้า
เมื่อเทคโนโลยีมาจับมือกับวัฒนธรรมจีนโบราณ ประเทศจีนเปิดตัว “เล่าจื๊อ” มนุษย์ดิจิทัลคนแรก ที่พูดคุยโต้ตอบเรื่องปรัชญาเต๋าได้แบบเรียลไทม์ เหมือนมีอาจารย์ปราชญ์โบราณนั่งอยู่ตรงหน้า!
การเปิดตัวนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2025 ที่ เมืองซานเหมินเซี่ย มณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของวัฒนธรรมจีนและบ้านเกิดของแนวคิดเต๋า
ในบทความนี้
เล่าจื๊อคือใคร?
เล่าจื๊อ (Laozi) เป็นนักปราชญ์ชาวจีนเมื่อกว่า 2,500 ปีก่อน สมัยราชวงศ์โจวตะวันออก ท่านเคยเป็น “บรรณารักษ์หลวง” ที่นครหลวงลั่วหยาง
ตอนอายุ 80 ปี เล่าจื๊อตัดสินใจ “ขึ้นวัวดำ” ออกเดินทางจากเมืองหลวงไปทางตะวันตก จนมาถึง “ด่านหานกู่” และพำนักอยู่ที่นั่นกว่า 7 เดือน ช่วงเวลานั้นเองที่ท่านได้ เขียนคัมภีร์เต้าเต๋อจิง ที่กลายเป็นตำนาน
เต้าเต๋อจิงคืออะไร?
“เต้าเต๋อจิง” เป็นคัมภีร์จีนโบราณที่ว่าด้วย “การดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ” สอนให้คนปล่อยวาง อย่าแข่งกับใคร ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างมีคุณธรรม
คัมภีร์นี้มีแค่ 5,000 ตัวอักษรจีน แต่แปลออกมาแล้วเกือบ 100 ภาษา และตีพิมพ์ไปแล้วกว่า 2,000 ฉบับ ถือเป็นคัมภีร์จีนที่ถูกแปลและเผยแพร่มากที่สุดในโลก
มนุษย์ดิจิทัล “เล่าจื๊อ” ทำอะไรได้?
จีนสร้างเล่าจื๊อขึ้นใหม่ในรูปแบบ มนุษย์ดิจิทัล (Digital Human) โดยใช้ AI, ภาพ 3 มิติ และระบบสนทนาอัจฉริยะ เพื่อให้สามารถ:
-
คุยโต้ตอบกับคนจริง ๆ ได้
-
ตอบคำถามเรื่องธรรมะและปรัชญาเต๋า
-
อธิบายหลักคำสอนจากเต้าเต๋อจิงได้ทันที
-
ใช้ในการเรียนรู้และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
เหมือนมี “ครูเล่าจื๊อเวอร์ชั่นดิจิทัล” มาสอนอยู่ตรงหน้าเลยครับ!
ไม่ใช่แค่เปิดตัว แต่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลใหญ่
งานเปิดตัวเล่าจื๊อครั้งนี้จัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของ เทศกาลท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแม่น้ำเหลือง เมืองซานเหมินเซี่ย ครั้งที่ 30 ภายใต้แนวคิด “เสาหลักแห่งความมั่นคง – แม่น้ำเหลืองอันรุ่งเรือง”
เทศกาลจัดระหว่างวันที่ 17-25 พฤษภาคม 2025 มีกิจกรรมใหญ่ 9 รายการ รวมทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา การแสดง และนวัตกรรมร่วมสมัย
เมืองซานเหมินเซี่ยเอง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเหลืองตอนกลาง ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดของอารยธรรมจีน โดยเฉพาะ วัฒนธรรมหย่างเสาและปรัชญาเล่าจื๊อ ที่มีอิทธิพลต่อความคิดจีนโบราณอย่างลึกซึ้ง
สรุป: จีนเขาเอาปราชญ์โบราณอย่างเล่าจื๊อมา “ปลุกชีพ” ใหม่ในรูปแบบ AI ดิจิทัล เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงคำสอนปรัชญาเต๋าได้ง่ายขึ้น
เป็นการจับมือกันของ “ความรู้เก่า” กับ “เทคโนโลยีใหม่” อย่างลงตัว และยังเป็นตัวอย่างดี ๆ ของการใช้เทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมอีกด้วย