CD Projekt RED ตกเป็นที่พูดถึงอย่างมากในช่วงนี้ แม้จะยังไม่ได้ประกาศเปิดตัว The Witcher 4 อย่างเป็นทางการก็ตาม โดยหลังจาก Cyberpunk 2077 ได้รับการกู้ชื่อเสียงกลับมาด้วยการเปลี่ยนแปลงกระบวนการพัฒนาและลดการ Crunch ให้มากที่สุด ทีมงานก็เริ่มนำแนวทางใหม่ ๆ มาใช้
อย่างไรก็ตามการที่ Ciri จะมารับบทตัวเอกในภาคใหม่นั้น กลับทำให้ทีมงานหวนกลับไปใช้พลังสร้างสรรค์แบบยุค The Witcher 3: Wild Hunt อีกครั้ง Philipp Weber ผู้อำนวยการด้านเนื้อเรื่องกล่าวกับ GamesRadar ว่า บรรยากาศในตอนนั้นเป็นเหมือน “ความวุ่นวายที่สร้างสรรค์” (Good Creative Chaos) ซึ่งหลายงานในสมัยนั้นก็เป็น “งานที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์” มากกว่าแผนงานที่ชัดเจน“บางครั้งผมชอบพูดว่า ‘ทำให้เสร็จ ทำแบบหยาบ ๆ ทำเหมือนตอนที่เรายังทำกันแบบบ้าน ๆ!’”
Philipp Weber เสริมว่า ทีมงานต้องการรักษาปรัชญาแบบเดียวกับที่เคยมีใน The Witcher 3 ไม่ใช่แค่เรื่องการสร้างเกม แต่รวมถึงการใส่ใจในรายละเอียดและการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง อย่างไรก็ตามครั้งนี้พวกเขาก็มีคำถามใหม่ ๆ ที่อยากตอบซึ่งจะทำให้เกมภาคใหม่รู้สึกเป็นภาคต่ออย่างแท้จริงไม่ใช่แค่การนำของเก่ามาย้อมใหม่
แม้จะมีแนวทางเดิมเป็นพื้นฐาน แต่ก็ยังมีการลองสิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่ขาดสาย Weber เผยว่านักออกแบบแต่ละคนเสนอไอเดียกันมากมาย “ไอเดียที่เสนอเข้ามามีเยอะกว่าสิ่งที่ใส่ในเกมถึง 10 เท่า” และโชคดีที่ปรัชญาการไม่ใส่เควสเก็บของไร้สาระ (fetch quest) แบบภาค 3 ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม