Apple อยากให้คุณควบคุม iPhone ด้วย “จิตใจ” “ความคิด” มากกว่านิ้วมือ
ทุกวันนี้ผู้ใช้อุปกรณ์ของ Apple อย่าง iPhone, iPad และ Mac สามารถสั่งงานด้วยนิ้วหรือเสียงพูด หรือถ้าล้ำหน่อยก็ใช้สายตาเปิดแอปผ่าน Vision Pro ได้แล้ว แต่ในอนาคต Apple ต้องการพาผู้ใช้อีกกลุ่มไปไกลกว่านั้น — ควบคุมอุปกรณ์ด้วยความคิด
แนวคิดนี้ไม่ใช่ของใหม่เสียทีเดียว ย้อนกลับไปปี 2011 บริษัทชื่อ PLX Devices เคยเปิดตัว XWave เฮดเซ็ตตรวจจับคลื่นสมองที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้ แต่วันนี้แม้บริษัทจะล้มละลายไปแล้ว ทว่า Apple กำลังฟื้นแนวคิดนี้ในระดับที่ลึกและจริงจังยิ่งกว่าเดิม โดยร่วมมือกับบริษัท Synchron พัฒนาอินเตอร์เฟสสมอง-คอมพิวเตอร์ ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุม iPhone ด้วยสัญญาณจากสมอง
ความตั้งใจหลักของ Apple ไม่ใช่แค่ความล้ำแบบไซไฟ แต่เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีความพิการ เช่น ผู้ป่วย ALS หรือผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังขั้นรุนแรง ได้มีทางเลือกในการสื่อสารและควบคุมอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องขยับร่างกาย ผ่านการฝังอุปกรณ์ที่ชื่อ Stentrode ซึ่งพัฒนาโดย Synchron
Stentrode เป็นเหมือนอุปกรณ์ลักษณะคล้าย “stent” ที่วางบนผิวสมอง โดยจะใช้ขั้วไฟฟ้าในการตรวจจับคลื่นสมอง แล้วแปลงสัญญาณเหล่านั้นให้กลายเป็นคำสั่ง เช่น การแตะเลือกไอคอนบนหน้าจอ
หนึ่งในผู้ร่วมทดสอบคือ Mark Jackson ผู้ป่วย ALS จากเมือง Pittsburgh ที่ไม่สามารถเดินทางหรือยืนได้อีกแล้ว แต่เขากลับรู้สึกราวกับยืนอยู่บนหน้าผาในเทือกเขาแอลป์ ด้วยการสวม Apple Vision Pro และใช้คลื่นสมองควบคุมประสบการณ์นั้น
บริษัท Synchron ยังได้ทำการฝัง Stentrode ให้กับผู้ป่วยไปแล้ว 10 รายตั้งแต่ปี 2019 โดยเทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบให้คอมพิวเตอร์ “เข้าใจ” สัญญาณจากสมอง เหมือนเป็นคำสั่งจากเมาส์หรือทัชแพด ซึ่งในอนาคต Apple เตรียมเปิดมาตรฐานกลางสำหรับระบบฝังสมองนี้ เพื่อเปิดทางให้พัฒนาฟีเจอร์ขั้นสูงได้มากขึ้น
แน่นอนว่า Apple ไม่ได้เล่นอยู่คนเดียวในสนามนี้ เพราะฝั่ง Elon Musk ก็มี Neuralink ที่ทำงานคล้ายกัน แต่ก้าวล้ำกว่าในแง่จำนวนขั้วไฟฟ้า โดย Neuralink N1 มีถึง 1,000 ขั้ว ขณะที่ของ Synchron มีเพียง 16 จุด นอกจากนี้ Neuralink ยังฝังเข้าไป “ใน” สมอง ขณะที่ Stentrode วางอยู่บนผิวสมองเท่านั้น
แม้ตอนนี้ยังไม่มีการอนุมัติให้เทคโนโลยีเหล่านี้ใช้งานในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ แต่บริษัทวิเคราะห์อย่าง Morgan Stanley ประเมินว่า ในสหรัฐฯ มีผู้ที่อาจเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกของเทคโนโลยีนี้สูงถึง 150,000 คน และคาดว่าการอนุมัติในเชิงพาณิชย์อาจเกิดขึ้นภายในปี 2030 แต่ Tom Oxley ซีอีโอของ Synchron หวังว่า จะได้รับอนุมัติก่อนถึงเวลานั้น
ในขณะที่ Elon Musk มีวิสัยทัศน์ไกลกว่านั้น โดยเชื่อว่าชิปฝังสมองแบบนี้จะไม่ใช่แค่ช่วยเหลือผู้พิการ แต่จะเป็นการเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ทุกคนให้ก้าวทันกับ AI ที่ฉลาดล้ำขึ้นเรื่อยๆ