AirPods รุ่นใหม่ ฟีเจอร์แปลภาษาสดโคตรเจ๋ง… แต่ชาว EU อดใช้ซะงั้น!
เฮ้ย! ใครที่ติดตามข่าว Apple ล่าสุด คงได้เห็นการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นก็คือหูฟังเทพอย่าง AirPods ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด็ดสุดๆ นั่นคือ การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ โอ้โห! แค่คิดก็ว้าวแล้วไหมล่ะครับ เดินทางไปต่างประเทศ คุยกับคนต่างชาติ ไม่ต้องกลัวกำแพงภาษาอีกต่อไป เหมือนมีล่ามส่วนตัวแปะอยู่ที่หูตลอดเวลา โคตรสะดวก!
แต่ข่าวร้ายก็มาเร็วไม่แพ้กันครับ สำหรับชาวยุโรป หรือใครก็ตามที่ตั้งค่าบัญชี Apple เป็นประเทศในเขต EU ต้องบอกว่า ‘หมดสิทธิ์’ ใช้ฟีเจอร์นี้ไปก่อนนะจ๊ะ! อ้าว…ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะเนี่ย? นี่มันฟีเจอร์แห่งอนาคตชัดๆ
ทำไม Apple ถึงต้องบล็อก? เจาะลึก ‘ความกังวลด้านกฎระเบียบ’
ตามข้อมูลจากหน้าสนับสนุนของ Apple ระบุไว้ชัดเจนว่า ฟังก์ชันแปลภาษาสดบน AirPods จะไม่สามารถใช้งานได้ ถ้าคุณอยู่ในเขต EU และประเทศ/ภูมิภาคของบัญชี Apple ของคุณก็อยู่ใน EU ด้วย
สาเหตุที่ Apple เลือกปิดการใช้งาน มาจากการตีความข้อผูกพันตามกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะคำตัดสินของคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดให้ Apple ต้องทำให้บางฟังก์ชันทำงานร่วมกับอุปกรณ์คู่แข่งได้ แต่ Apple มองว่าข้อกำหนดนี้อาจกระทบกับการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ จึงเลือกบล็อกไปก่อน
ผู้บริหาร Apple เคยส่งสัญญาณแล้วว่า หากกฎหมายยุโรปเข้มงวดเกินไป ก็อาจจะต้องหยุดหรือจำกัดบริการใหม่ๆ อย่าง Apple Intelligence ด้วยเช่นกัน
ฝั่งสหภาพยุโรปว่าอย่างไร?
โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรปออกมาแสดงความไม่เข้าใจ โดยบอกว่า การตัดสินใจของ Apple ครั้งนี้ทำไปฝ่ายเดียวโดยไม่หารือกับทาง EU เลย พร้อมย้ำว่า DMA ไม่ได้กีดกันการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดยุโรป แต่กลับมีเป้าหมายเพื่อ รักษานวัตกรรมและเสรีภาพในการเลือกของผู้บริโภค ต่างหาก
ฟีเจอร์รองรับภาษาอะไรบ้าง?
ตอนนี้ AirPods รุ่นใหม่รองรับการแปลสดเป็นภาษา
• อังกฤษ
• ฝรั่งเศส
• เยอรมัน
• โปรตุเกส
• สเปน
และ Apple ยืนยันว่าจะเพิ่มภาษา อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีน ภายในสิ้นปีนี้
เมื่อนวัตกรรมปะทะกฎหมาย: เทรนด์โลกที่ไทยอาจต้องจับตา
กรณีของ Apple และ AirPods ใน EU ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ายุคที่บริษัทเทคโนโลยีจะทำอะไรก็ได้แบบไร้ขีดจำกัดได้จบลงแล้วครับ สหภาพยุโรปถือเป็นผู้นำด้านการออกกฎหมายควบคุมเทคโนโลยีที่เข้มงวดที่สุดในโลก ซึ่งเทรนด์นี้อาจจะส่งผลกระทบและเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยเองต้องหันมาพิจารณามากขึ้น
-
ผลกระทบต่อบริษัทเทคฯ ทั่วโลก: ผู้พัฒนาจะต้องคิดหนักขึ้นในการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับกฎหมายในแต่ละภูมิภาค
-
อนาคตของนวัตกรรม: แม้นวัตกรรมยังคงเดินหน้า แต่ทิศทางต้องปรับตามข้อบังคับ
-
ประเทศไทยควรจับตา: หากมีกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นในอนาคต ฟีเจอร์บางอย่างก็อาจถูกจำกัดเช่นกัน
สรุปและทิ้งท้าย
สุดท้ายแล้ว ฟีเจอร์แปลภาษาสดบน AirPods ก็ยังคงเป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น แต่การที่มันต้องสะดุดในยุโรปก็เป็นบทเรียนสำคัญว่ากฎหมายและข้อบังคับมีอิทธิพลอย่างมากต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้จริง ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า Apple จะหาทางออกอย่างไร เพื่อให้ชาวยุโรป—and อาจรวมถึงทั่วโลก—ได้สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำนี้ครับ
ที่มา: POLITICO.eu