บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการวิเคราะห์แนวโน้มโดยอิงจากข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะ ณ เวลานี้ มิใช่การยืนยันหรือประกาศอย่างเป็นทางการใดๆ ผลลัพธ์ในอนาคตอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทและปัจจัยในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป
ในบทความนี้
ความเคลื่อนไหวจากการประมูลคลื่น 30 มิถุนายน 2568
การประมูลคลื่นความถี่ล่าสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเดินเกมเชิงกลยุทธ์ของสองยักษ์ใหญ่ในวงการโทรคมนาคมไทยอย่าง AIS และ TrueMove H ซึ่งต่างเสริมพอร์ตคลื่นของตนให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของ 5G, IoT และ AI เต็มรูปแบบ ทั้งสองค่ายใช้จังหวะนี้เพื่อตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำในยุคโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลกำลังจะกลายเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทยในอนาคต
กลยุทธ์ของ AIS กับคลื่น 2100 MHz
AIS คว้าคลื่นความถี่ 2100 MHz เพิ่มอีก 30 MHz ซึ่งเป็นคลื่นในกลุ่ม Mid-band ที่สามารถนำมาใช้งานได้ทันที และเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่หนาแน่น รวมถึงเป็นคลื่นหลักสำหรับเทคโนโลยี 4G และ 5G โดย AIS มีจุดแข็งเรื่องความครอบคลุมของสถานีฐานและความเสถียรของเครือข่ายมาโดยตลอด การเพิ่มความถี่ในย่านนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะช่วยเสริมความสามารถในการรองรับผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายขีดความสามารถของโครงข่ายให้มีความเร็วสูงและตอบสนองการใช้งาน AI และ IoT ได้ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้
กลยุทธ์ของ TrueMove H กับคลื่น 2300 MHz และ 1500 MHz
ในขณะที่ TrueMove H เดินเกมขยายคลื่นความถี่ครั้งใหญ่ ด้วยการคว้าคลื่น 2300 MHz จำนวน 70 MHz และคลื่น 1500 MHz จำนวน 20 MHz ส่งผลให้ทรูกลายเป็นผู้ให้บริการที่มีชุดคลื่นความถี่ครบทั้ง 8 ย่าน ตั้งแต่คลื่นต่ำ กลาง จนถึงสูง การกระจายพอร์ตคลื่นลักษณะนี้เป็นโครงสร้างที่เอื้อต่อการพัฒนาเครือข่ายสำหรับบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่หนาแน่น ไปจนถึงการรองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อจำนวนมากอย่าง IoT และระบบ AI ที่ต้องการแบนด์วิธสูงและความเสถียรของการเชื่อมต่อในระดับอุตสาหกรรม
การประสานพลังของพอร์ตคลื่นในมือทรู
ทั้งนี้ คลื่น 2300 MHz ที่ทรูชนะการประมูลยังสามารถใช้งานร่วมกับคลื่น 2600 MHz ที่มีอยู่เดิมได้แบบ Carrier Aggregation เพื่อเพิ่มความเร็วและความเสถียรให้กับการใช้งานในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ในขณะที่คลื่น 1500 MHz เป็นคลื่นใหม่ที่ยังไม่ถูกใช้งานมากนัก จึงเปิดโอกาสในการออกแบบเครือข่ายที่ทันสมัยและยืดหยุ่น พร้อมรองรับการขยายตัวของดาต้าในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตเมือง
แนวโน้มการวางตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในอนาคต
จากทิศทางการลงทุนและการบริหารคลื่นความถี่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีแนวโน้มว่า AIS จะยังคงเน้นความแข็งแกร่งด้านคุณภาพเครือข่ายสำหรับผู้บริโภคทั่วไป โดยอาศัยจุดแข็งเรื่องความครอบคลุมและความเสถียรเป็นจุดขาย ขณะที่ True อาจใช้โอกาสนี้เพื่อเร่งเดินหน้าสู่บริการระดับองค์กรและอุตสาหกรรม โดยอาศัยความได้เปรียบจากพอร์ตคลื่นที่หลากหลายและความพร้อมในการพัฒนาโซลูชัน IoT และ AI แบบครบวงจร