เปิดโลก AI: ที่ปรึกษาส่วนตัว…หรือภัยคุกคามใหม่?
สมัยนี้ใครๆ ก็คุยกับ AI กันใช่ไหมครับ? ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Bard หรือ AI ตัวอื่นๆ ที่ช่วยเราทำงาน ตอบคำถาม ให้คำปรึกษา หรือแม้แต่เป็นเพื่อนคุยในยามเหงา บางคนถึงกับแชทเรื่องส่วนตัวมากๆ เหมือนคุยกับเพื่อนสนิท หรือปรึกษาปัญหาที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เพราะคิดว่า AI มันก็คือโปรแกรม ไม่น่าจะมีอะไร แต่นั่นแหละครับ…คือจุดเริ่มต้นของเรื่องน่ากลัวที่เรากำลังจะคุยกันวันนี้
จากข่าวของ The Independent ที่น่าตกใจมากๆ เขาบอกว่าคนกำลังใช้ AI เป็นทั้งที่ปรึกษา เพื่อนระบาย และแม้กระทั่ง ‘ผู้ร่วมสมรู้ร่วมคิด’ ในบางกรณี! แต่ประเด็นคือ การสนทนาพวกนี้มันไม่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลใดๆ เลยนะ และที่แย่กว่านั้นคือ อาจมีคนหัวหมอคอยหาช่องทางเอาข้อมูลส่วนตัวสุดๆ ของเราไปใช้ประโยชน์ หรือหาผลกำไรจากมันได้ โอ้โห…ฟังแล้วขนลุกเลยใช่ไหมล่ะ?
คุณแชทกับ AI อะไรบ้าง? ระวังตัวให้ดีนะ!
ลองนึกภาพดูสิครับว่าเราเคยคุยอะไรกับ AI บ้าง? บางคนปรึกษาเรื่องความรักที่ซับซ้อน ปัญหาครอบครัวที่ละเอียดอ่อน หรือแม้แต่เรื่องงานที่ต้องเก็บเป็นความลับสุดยอด บางทีก็ถามเรื่องสุขภาพที่ไม่กล้าไปหาหมอ หรือบางคนอาจจะปรึกษาเรื่องราวที่สุ่มเสี่ยงต่อกฎหมายเลยก็มี!
อย่างในข่าว เขาเล่าถึงเคสที่น่าตกใจว่า มีเหตุการณ์ป่าเถื่อนที่รถยนต์ 17 คันโดนทุบกระจกแตกละเอียดที่มิสซูรี ซึ่งเชื่อมโยงกับการสนทนาของผู้ก่อเหตุกับ AI! คือ AI มันอาจจะไม่ได้สั่งการโดยตรง แต่การที่ AI ‘เป็นเพื่อนคุย’ ในประเด็นเหล่านี้ มันอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงได้
ความเห็นส่วนตัว: โห…ฟังแล้วน่ากลัวนะเนี่ย! เราก็เคยคุยเรื่องส่วนตัวกับ AI เหมือนกันนะ แอบหลอนเลยว่าสิ่งที่พิมพ์ไปนั้นมันจะไปโผล่ที่ไหนรึเปล่า เพราะเราก็คิดว่ามันแค่โปรแกรม ไม่ใช่คน แต่จริงๆ แล้วข้อมูลเหล่านั้นมันถูกเก็บไว้แน่ๆ เลย
ที่สำคัญคือ ข้อมูลการสนทนาที่ ‘โคตรส่วนตัว’ เหล่านี้ สามารถถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้สารพัด ไม่ว่าจะเป็น:
- การทำโฆษณาแบบเจาะจงสุดๆ: รู้ว่าคุณชอบอะไร ไม่ชอบอะไร สนใจเรื่องอะไร ก็ยิงโฆษณามาได้ตรงเป้ามากๆ
- การหาผลประโยชน์อื่นๆ: อาจมีคนพยายามดึงข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การแบล็กเมล์ หรือการเปิดเผยความลับ
- การใช้ในทางกฎหมาย: ลองคิดดูสิ ถ้าข้อมูลที่เราคุยกับ AI ถูกเรียกไปเป็นหลักฐานในชั้นศาล จะเกิดอะไรขึ้น?
คนไทยกับ AI: ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ?
สำหรับคนไทยเอง เราก็เป็นอีกกลุ่มที่ใช้งาน AI อย่างแพร่หลายมากๆ ไม่แพ้ชาติใดในโลก ทั้งนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุ บางทีเราอาจจะเคยชินกับการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว ทำให้มองข้ามความสำคัญของการปกป้องข้อมูลในแง่มุมของการสนทนากับ AI ไป
บ้านเราเองก็มี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่เข้มงวดในระดับหนึ่ง แต่สำหรับข้อมูลที่เราป้อนให้ AI โดยตรงแบบสมัครใจ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีความเสี่ยงที่ต่างออกไป และอาจจะไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองแบบเดียวกับข้อมูลที่ถูกจัดเก็บโดยองค์กรทั่วๆ ไป
ความเห็นส่วนตัว: บ้านเราก็ฮิต AI สุดๆ เหมือนกันนะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ต้องบอกเลยว่าหลายคนยังไม่รู้ถึงความเสี่ยงตรงนี้จริงๆ เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว หรือแค่แชทกับบอทคงไม่มีอะไร แต่นี่แหละคือช่องโหว่ที่คนอาจเอาไปใช้ประโยชน์ได้
ปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณในยุค AI ทำไงดี?
แล้วเราจะใช้ AI อย่างปลอดภัยได้อย่างไรล่ะ? นี่คือข้อแนะนำง่ายๆ ที่ทำได้ทันทีครับ:
- อย่าคุยเรื่องส่วนตัวมากๆ: คิดซะว่าทุกสิ่งที่คุณพิมพ์ออกไป มีโอกาสที่คนอื่นจะเห็นได้
- อย่าป้อนข้อมูลที่ระบุตัวตนได้: เช่น ชื่อจริง นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลทางการเงิน
- อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว: ก่อนใช้ AI ตัวไหน ลองอ่านดูสักหน่อยว่าเขาจะเอาข้อมูลของเราไปทำอะไรบ้าง
- ลบประวัติการสนทนา: ถ้า AI ที่คุณใช้มีฟังก์ชันนี้ ก็หมั่นลบประวัติการสนทนาที่สำคัญๆ ออกบ้าง
- คิดให้รอบคอบก่อนพิมพ์: กฎง่ายๆ ที่ใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์มออนไลน์นั่นแหละครับ
ความเห็นส่วนตัว: เอาจริงๆ ก็คือคิดให้ดีก่อนพิมพ์นั่นแหละ ง่ายๆ เลย! เหมือนเวลาที่เราโพสต์อะไรในโซเชียลแหละครับ ถ้าไม่แน่ใจก็อย่าโพสต์ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าบอก!
บทสรุป: AI เป็นดาบสองคม?
AI เป็นเทคโนโลยีที่มหัศจรรย์และมีประโยชน์มหาศาลจริงๆ ครับ มันช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้นเยอะ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเหมือนดาบสองคม ที่ถ้าเราใช้โดยไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ การตระหนักรู้และเข้าใจถึงความเสี่ยงคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแบบนี้ครับ
ที่มา: The-independent.com