ข่าวจาก Intelligencer ได้จุดประเด็นร้อนในวงการศึกษา เมื่อ Chungin Lee นักศึกษาคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์จาก Columbia University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับชั้นนำของอเมริกา ได้ออกมายอมรับว่าเขาใช้ ChatGPT ทำการบ้านเกือบทั้งหมดระหว่างเรียน โดยเผยว่า AI เขียนบทความแทนเขามากถึง 80% ทุกครั้ง เขาแค่ใส่ “เสียงของตัวเอง” ลงไปในตอนท้ายอีก 20% เพื่อไม่ให้ดูเหมือนบอททั้งดุ้น
เรื่องราวของ Lee เริ่มตั้งแต่การใช้ AI เขียนเรียงความสมัครเรียนจนสอบติด มหาวิทยาลัยระดับ Ivy League
และไม่ใช่แค่การเรียน แต่ยังรวมถึงการตั้งโครงการสตาร์ทอัป ที่ระดมทุนเพื่อสร้าง “แอปช่วยทำแบบฝึกหัด” ไปจนถึงแอปช่วยโกงสัมภาษณ์งาน เช่นบริษัท Amazon ที่เขาเคยได้ฝึกงานเพราะอาศัยความสามารถของ AI ในการสอบสัมภาษณ์ (แม้จะปฏิเสธภายหลัง)
เราควรประณาม หรือปรับตัว?
สิ่งที่น่ากังวลคือ “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของการเรียนรู้” ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะนักศึกษาเริ่มไม่เห็นประโยชน์จากการเรียนรู้แบบดั้งเดิม ในขณะที่เครื่องมืออย่าง ChatGPT กลายเป็นครู ผู้ช่วย ผู้ให้คะแนน และแม้แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ดีที่สุด
คำถามคือ:
– เราจะสร้างระบบการเรียนรู้ที่ผสาน AI ได้โดยไม่ทำลายคุณค่าของการศึกษาอย่างไร?
– หรือเราควรยอมรับว่า “การเรียนรู้” ในโลกยุคใหม่ ไม่จำเป็นต้องแยกมนุษย์ออกจากเครื่องมืออัจฉริยะอีกต่อไป?
สิ่งที่ Lee ทำอาจผิดในเชิงจริยธรรม แต่ก็เป็นตัวแทนของนักศึกษายุคใหม่ที่กำลัง ดิ้นรนหาทางรอดในระบบการศึกษายุคเก่า ที่พัฒนาไม่ทันโลก
แม้แต่ OpenAI เอง ยังเปิดให้ใช้ ChatGPT Plus ฟรีในช่วงสอบ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ “อย่างรับผิดชอบ” แล้วเส้นแบ่งระหว่าง “การใช้ AI” กับ “การโกง” อยู่ตรงไหนกันแน่?
และเมื่อ AI ฉลาดขึ้นทุกวัน การทำการบ้านอาจไม่ใช่เรื่องของความเข้าใจอีกต่อไป แต่อาจกลายเป็นการวัดว่าใคร “ใช้เครื่องมือได้เก่งกว่า” ข้อมูลจากการสำรวจปี 2023 พบว่า 90% ของนักศึกษาในสหรัฐฯ ใช้ ChatGPT ช่วยทำการบ้าน และหลายคนก็เริ่มไม่มองว่ามันคือการโกงอีกต่อไป
น่าเป็นห่วงที่ AI ไม่เพียงเขียนบทความให้แล้ว แต่หลายมหาวิทยาลัยยังใช้ AI ให้คะแนนกลับไปอีกด้วย กลายเป็นวัฏจักรของ “AI สอน AI” ที่อาจลดคุณค่าของการศึกษาให้น้อยลงเหลือเพียงแค่การส่งข้อมูลไปมา
คำถามสุดท้าย:
การศึกษาในยุค AI มนุษย์กำลัง “เรียนรู้อะไรอยู่กันแน่”
ที่มา msn