สวัสดีครับกับบทความพิเศษประจำวัน “ชวนคุยยามเช้า” วันนี้ผมแอดมิน Joker ก็จะมาชวนเพื่อนมาดูหนังกันครับ กับภาพยนต์น่าสนใจนช่วงนี้ Tomorrowland ซึ่งเป็นหนังที่ผมอยากดูมากๆในช่วงนี้แบบออกหน้าออกตาเลยละครับ หลังจากที่ได้ดูตัวอย่างหนังฉบับยาวมาแล้วตอนที่ไปดู Avengers : Age of Ultron ซึ่งถ้าดูในโรง IMAX ถึงจะได้ชมตัวอย่างขนาดยาวของ Tomorrowland ครับ
สำหรับ Tomorrowland เริ่มต้นเราจะได้เห็น George Clooney ในบท Frank Walker และ Britt Robertson ในบท Casey Newton ออกมาเล่าเรื่องราวของตนเองก่อนจะโยงเข้าไปสู่หนัง โดย Frank Walker ในวัยเด็กจะเป็นเด็กอัจฉริยะ ที่พยายามสร้างเครื่องจักรที่จะช่วยให้มนุษย์บินได้ ซึ่งเขาได้ไปเจอกับ Raffey Cassidy ในบท Athena หุ่นยนต์สาวน้อยสุดน่ารักในงาน Expro ซึ่งเธอได้มอบเข็มกลัดสัญลักษณ์ตัว T ให้กับเขาและให้เขาตามเธอไป จนเขาได้ไปสู่โลกในอนาคต และได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น จนภายหลังถูกเนรเทศออกมา ส่วน Casey Newton เธอคือเด็กสาวอัจฉริยะที่พยายามหยุดยั้งการรื้อถอนสถานีปล่อยจรวด เพราะเธอมีความฝันที่แน่วแน่ที่ไม่อยากละทิ้ง จนบังเอิญได้รับเข็มกลัดตัว T เข้าเพราะเธฮถูกเลือกโดย Athena เมื่อได้สัมผัสกับเข็มกลัดจะทำให้เธอมองเห็นโลกอนาคตได้ ซึ่งรุมเร้าให้เธออยากที่จะไปที่นั่นจริงๆ แม้จะเจอกับการตามล่าของหุ่นยนต์นักล่าก็ตาม จนสุดท้ายเธอได้ไปพบกับ Frank Walker เพื่อที่จะไปยังโลกอนาคตด้วยกัน โดยที่แท้จริงแล้วเธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย^^
Tomorrowland เป็นหนังที่มีงานสร้างน่าทึ่งมากๆ งดงามมากๆ ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ บรรยากาศโลกในอนาคตเต็มไปด้วยสีสัน และดูยุ่งเหยิง แม้จะไม่ใช่ธีมออกแบบที่แปลกใหม่อะไรแต่ก็ต้องขอชมว่าทำออกมาได้ดีมากครับ สำหรับเนื้อหาของเรื่อง Tomorrowland ต้องบอกว่าแอบน่าผิดหวังนะครับ
เพราะแม้ว่าเคมีของนักแสดงนำในเรื่องจะเข้ากันดีมากๆ George Clooney เล่นบทของนักนักประดิษฐ์ตกอับ และเก็บตัวได้เข้าท่าดี ดูสบายๆและหล่อโคตรๆ อิอิ ส่วน Britt Robertson เล่นเป็นเด็กสาวที่ฉลาดมากๆ จนดูล้นและกล้าแบบสุดๆ เธอเล่นได้น่ารักและดูเยอะดีครับมีสีสัน Raffey Cassidy ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กผู้หญิงวัยแค่นี้จะสามารถโชว์การแสดงได้ระดับนี้ เธอเล่นบทสาวใหญ่ในร่างเด็กน้อยได้ถึงใจมากๆ จนบทรักระหว่างเธอกับ George Clooney ดูแล้วซึ้งใจมากๆและดูไม่ขัดเขินเลยซักนิด สุดยอดจริงๆครับ (ขอฝากตัวเป็นแฟนคลับเลย^^)
Tomorrowland เป็นหนังที่สนุกมากครับ ตลก ทุกอย่างดูน่าสนใจ แต่ความสนุกเหล่านี้มีแค่ 50% เท่านั้น ซึ่งตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนถึงกลางเรื่องในฉากที่โคตรน่าจดจำ หอคอยไอเฟลนั้นน่าทึ่งสุดๆจริงๆครับ ผมไม่สปอยล์นะ ไปชมกันครับในโรงภาพยนต์ อิอิ ผมชอบมากๆ แต่ว่าเรื่องราวครึ่งหลังจากนั้นกลับดูน่าเบื่อ และไม่มีอะไรให้รู้สึกว้าวเท่าที่ควร จะมีที่ชอบใจก็ตรงเคมีระหว่างหนู Raffey Cassidy กับลุง George Clooney นี่ละครับ5555
ฉากจบของเรื่องดูจืดๆจนผมอดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นหนังของ Disney หรือเปล่าถึงได้จบอ่อนขนาดนี้ แถมตอนจบนอกจากความพยายามที่จะให้ทุกๆคนหันมารักษ์โลกแล้ว ผมยังไม่เห็นคำตอบอะไรเลยครับว่าจะให้ช่วยเหลือโลกกันยังไง ซึ่งก็เหมือนที่ Casey Newton ถามอาจารณ์ในคาบเรียนที่สอนแต่ว่าโลกตอนนี้มีปัญหาๆ แต่อาจารณ์ก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เลยว่าจะให้เราทำยังไงกัน
หรือว่าหนังอาจจะไม่ได้ต้องการที่จะตอบคำถามของเรา แต่ต้องการให้เราช่วยกันหาคำตอบนั้นเองก็เป็นไปได้ครับ อย่างที่หนังบอกใว้ว่าต้องการผู้ที่ไม่ยอมแพ้ ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถช่วยโลกได้ครับถ้าเราใส่ใจกับมันจริงๆ ซึ่งประเด็นไม่ยอมแพ้นี่ผมชอบมากๆนะเหมือนในฉากนึงที่พ่อของ Frank Walker บอกว่าเขาทำไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ซึ่งผมประทับใจมาก อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่ตัวคุณเอง (อันนี้เป็นคติสอนใจประจำตัวผมเลย^^)
จะว่าไปหนังโลกอนาคตที่ออกมาช่วงนี้เป็นแนว Dystopia ทั้งคู่เลยนะครับเนี่ย Tomorrowland อาจจะดูอ่อนโยนกว่า Mad Max แต่ประเด็นและกลุ่มคนดูจริงๆก็แตกต่างกัน แม้ว่าผมจะบ่นซะเยอะสำหรับ Tomorrowland แต่ก็ต้องบอกเลยครับว่ามันเป็นหนังดี และสนุกคุ้มค่าที่จะดูเรื่องนึงเลยละ แต่ผมว่าไม่ควรจะมีภาคต่อแล้วนะครับ เพราะหนังดูจะจบสมบูรณ์ในตัวมันเองแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างใจอีก นอกจากจะมีบทที่น่าสนใจออกมา โลกของ Tomorrowland จะเปิดกว้างอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ^^….ซึ่งตามข่าวเห็นว่ามีโครงการจะทำต่ออีกหลายภาคเลยครัชชชชชชชชชชชชo_O
