- iOS: 14.0 หรือใหม่กว่า

- จุดเด่น: การตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพที่ทำได้อย่างอิสระ ไม่ต้องผูกกับพรีเซ็ตค่าใดๆ

- ราคา: ฟรี  (มีเสียเงินซื้อภายในแอป)

Camera+ นั้นถือได้ว่าเป็นแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูปของฝั่ง iOS ที่เด่นมาตั้งแต่ตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ โดยในเวอร์ชั่นแรกเองนั้นก็ถือได้ว่าเป็นแอปกล้องถ่ายรูปที่ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว และล่าสุดกับการอัพเดตเป็น Camera+ 2 นั้น ตัวแอปพลิเคชั่นเองได้ดันบาร์ความยอดเยี่ยมของตัวเองและการเป็นแอปพลิเคชั่นกล้องให้สูงขึ้นไปได้อีก

ในตัวแอปถ่ายรูปแอปนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการแก้ไขรูป ซึ่งทำให้มันมีความคล้ายคลึงกับแอปพลิเคชั่นอย่าง Adobe Lightroom CC มาก แตกต่างตรง Camera+ 2 นั้นวางตำแหน่งตัวเองไว้ที่การเป็นแอปกล้องถ่ายรูปเป็นหลัก ส่วนในเรื่องของการแต่งรูปนั้นถือเป็นฟังก์ชั่นรองของแอป

จุดเด่นของ Camera+ 2 นั้นคือโหมดการถ่ายรูปแบบแมนนวล ซึ่งเอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและปรับแต่งค่า ISO, ค่า White Balance ตลอดจนค่า Shutter Speed ได้อย่างอิสระเหมือนอย่างกล้องโปร นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพแบบ RAW เพื่อให้เราสามารถแก้ไขปรับแต่งรูปในภายหลักได้อย่างละเอียดยิบตามต้องการ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การตั้งเวลาถ่ายรูป และฟังก์ชั่นกันสั่นหรือ Stabilizer เมื่อเราต้องถ่ายภาพในบริเวณพื้นที่แสงน้อยอีกด้วย

จุดเด่น

- มีฟีเจอร์ให้ใช้งานเยอะมาก

- ตัวแอปพลิเคชั่นเองผูกกับความสามารถหลักของระบบ iOS ได้อย่างครบถ้วนในด้านการถ่ายภาพ

จุดด้อย

- ต้องซื้อฟีเจอร์เพิ่มแบบ In App Purchase ในกรณีที่ต้องการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

- ไฟล์ภาพที่ถ่ายขนาดเต็มค่อนข้างใหญ่ เปลืองพื้นที่ iPhone พอสมควร

(ดาวน์โหลด Camera+ 2)

- iOS: 14.1 หรือใหม่กว่า

- จุดเด่น: ควบคุมกล้องได้ในหลากหลายรูปแบบ

- ราคา: 549 บาท

อีกหนึ่งแอปพลิเคชั่นชั้นนำแห่งวงการแอปถ่ายรูปบน iOS นอกจาก Camera+ 2 ที่พูดถึงไปก่อนหน้าแล้วก็คงหนีไม่พ้น ProCamera นี่ล่ะ อันที่จริงต้องบอกว่า 2 แอปพลิเคชั่นที่ว่ามานี้ต่างก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่คล้ายคลึงกันมาก ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพในการเลือกว่าจะใช้แอปพลิเคชั่นไหนดีก็คงประมาณการเลือกใช้กล้องระหว่าง Nikon กับ Canon นั่นล่ะครับ หรืออาจจะประมาณการเลือกคอมพ์ระหว่าง Apple กับ Windows PC ก็ได้

ProCamera มีฟีเจอร์การใช้ Apple Watch เป็นอุปกรณ์สั่งกดชัตเตอร์ระยะไกลได้ ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่จำเป็นและน่าสนใจมากสำหรับใครก็ตามที่ใช้งาน Apple Watch เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้ตัวแอปยังรองรับฟังก์ชั่นการถ่ายแบบ Long Exposure หรือการเปิดความเร็วชัตเตอร์ค้างไว้เป็นเวลานาน เพื่อการถ่ายภาพเก๋ๆ เจ๋งๆ ยามค่ำคืนอีกด้วย โดยเรียกว่าโหมด Low Light ซึ่งมาพร้อมการปรับแต่งมากมายให้เลือกเล่นได้

จุดเด่น

- ใช้งานง่าย

- มีฟีเจอร์อัตโนมัติให้ใช้งานเยอะ

จุดด้อย

- ราคาแพง

- แอปพลิเคชั่นอาจจะช้าหน่อย

(ดาวน์โหลด ProCamera)

- iOS: 11 หรือใหม่กว่า

- จุดเด่น: การถ่ายภาพ Long Exposure อย่างมือโปร

- ราคา: 69 บาท

สำหรับ Slow Shutter Cam นั้นเหมาะกับการมองเป็นแอปพลิเคชั่นเสริมในฝั่งของกล้องถ่ายภาพมากกว่าการนำมาใช้เป็นแอปพลิเคชั่นกล้องหลักเหมือนกับ 2 แอปพลิเคชั่นแรกที่ได้นำเสนอไป โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า Slow Shutter Cam นี้เหมาะกับคนที่มีความสนใจในการถ่ายรูปแบบ Long Exposure โดยเฉพาะ ซึ่งตัวแอปพลิเคชั่นเองมาพร้อมกับฟีเจอร์ให้ใช้งานเยอะมากทีเดียว

Slow Shutter Cam นั้นมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งาน Apple Watch เป็น Remote Shutter หรือตัวกดชัตเตอร์ระยะไกลเหมือนกับ ProCamera นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Motion Blur และ Light Painting ที่ช่วยให้การถ่ายภาพ Long Exposure นั้นมีความหลากหลายและเหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เราต้องการมากยิ่งขึ้น

จุดเด่น

- เป็นแอปปพลิเคชั่น Slow Shutter หรือการดึงสปีดชัตเตอร์ต่ำตัวแรกๆ ของ iOS

- มีฟังก์ชั่นหลากหลาย

- ราคาถูก

จุดด้อย

- โหมดถ่ายรูปตอนกลางคืนยังทำได้ไม่ดีเหมือนกับบน iPhone รุ่นใหม่ๆ

(ดาวน์โหลด Slow Shutter Cam)