หลังจากที่รอคอยการมาของ Nokia Lumia 920 หลายเดือน ในที่สุดผมก็ได้มาไว้ในมือแล้วครับ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในงาน Commart Comtech 2012 ซึ่งเป็นการไปต่อแถวเพื่อซื้อมือถือครั้งแรกของผม และอาจเป็นครั้งแรกของโนเกีย ประเทศไทยด้วยที่มีเหตุการณ์แบบนี้ เป็นปลื้มแทนครับ ^^
หลังจากได้เครื่องมาผมก็ต้องเดินทางไปงานแต่งเพื่อนที่ชัยภูมิพอดีครับ เลยตั้งใจว่าจะใช้ช่วงเวลานี้หละเก็บข้อมูลเพื่อกลับมารีวิวการใช้งานจริงให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่ได้เครื่องมาก็ได้ใช้งานหลากหลายแบบ ซึ่งจะเป็นการรีวิวที่จะเน้นที่แอพพลิเคชั่น ฟังก์ชันการทำงาน และฟีเจอร์ที่ผมใช้ใน 3 วันนี้เท่านั้นนะครับ โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้
1. ตัวเครื่องและการออกแบบ
2. การตั้งค่าการทำงาน และการเชื่อมต่อ
3. Line
4. การถ่ายภาพ
5. Nokia Map
6. คลิปตัวอยางการถ่ายวีดีโอ
7. Facebook
8. แบตเตอรี่
1. ตัวเครื่องและการออกแบบ
สิ่งที่ Lumia 920 สร้างความลำบากใจให้ผมมากที่สุดก็คือการเลือกสีนี่หละ ระหว่างทางมางาน Commart Comtech 2012 ผมก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอาสีขาวเพราะมันสดใสและสวยงาม พอรับบัตรคิวหน้าบูธของโนเกียกลับบอกพนักงานว่าเอาสีดำ และเมื่อได้เครื่องมาถือไว้ในมือ ทำให้ผมรู้ว่าผมตัดสินใจไม่ผิดเลยครับ ผมชอบสีดำนี้มาก ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าพลาสติกด้านนี้จะเป็นพลาสติกที่สากๆ มีเม็ดเล็กๆทั่วตัวเครื่อง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ มันจะเรียบเหมือนกัน แค่มันจะไม่มันวาวเท่านั้นเอง
ส่วนการประกอบของโนเกีย ก็ไม่เสียชื่อครับ เครื่องแน่นมาก ดูแข็งแรง แรกสัมผัสก็ประทับใจครับ น้ำหนักก็เหมาะมือดี ให้ความรู้สึกประทับใจพอๆกับตอนผมได้สัมผัส Iphone 4s เลยครับ ส่วนขนาดหน้าจอ เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมใช้ Galaxy Note 1 เลยยังไม่ชินกับขนาดหน้าจอที่เล็กลงกือบ 1 นิ้ว แต่มันก็ทำให้พกพาได้สะดวกกว่า ยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ได้สบาย ความหนาของเครื่อง ก็ทำให้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะสึกหรอได้ง่ายๆ
สรุป
ข้อดี : ตัวเครื่องแน่น แข็งแรง วัสดุสวยงาม งานประกอบดีมาก มีสีให้เลือกมากมาย พกพาได้สะดวกขึ้น ขนาดหน้าจอก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนครับ สำหรับผมถือว่าพอดี
ข้อเสีย : ตัวเครื่องหนักไปหน่อยสำหรับหลายคน เวลาใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์จะไม่มีปัญหาแต่หากใส่กระเป๋ากางเกงสแล็กก็จะถ่วงๆหน่อยครับ
2. การตั้งค่าการทำงาน และการเชื่อมต่อ
ในคืนแรกที่กลับมาจากงาน Commart Comtech 2012 ผมก็พยายามสร้างความคุ้นเคยกับเจ้า Lumia 920 เล่นอยู่กับมันทั้งคืน แน่นอนขั้นแรกก็ต้องเข้าไปตั้งค่าการทำงานของเครื่อง ซึ่งปัญหาหลายๆอย่างจะเกิดจากความไม่คุ้นเคยกับระบบมากกว่าครับ คงต้องรออีกสักระยะถึงจะชินมากขึ้น แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบก็คือตัวระบบจะอิงกับ Hotmail account เป็นหลัก ซึ่งช่วงหลังผมจะชอบและก็ใช้ Gmail account เป็นหลัก ก็เลยแอบไม่ชอบนิดๆ อีกปัญหาคือการเพิ่มลดเสียง ซึ่งเท่าที่ใช้มา มันจะมีปุ่มเพิ่มลดเสียงได้จุดเดียวไม่สามารถแยกได้ว่าเพิ่มลดเสียงเรียกเข้า เสียงจากแอพพลิเคชั่น มันสร้างความลำบากให้ผมพอสมควรที่ต้องการปิดเสียงแอพพลิเคชั่น เพราะถ้าปิดเสียงแอพมันก็จะปิดเสียงเรียกเข้าด้วย ( มันอาจมีวิธีนะ แต่ผมอาจไม่รู้เองก็ได้) ส่วนฟังก์ชันที่คนสายตาสั้นอย่างผมชอบที่สุดคือ เมนู ease of access ที่สามารถตั้งค่าถนอมสายตาได้ด้วยคำสั่ง High contrast(เดาว่าน่าจะช่วยประหยัดแบตด้วย) และคำสั่ง Screen magnifier ที่สามารถขยายหน้าจอได้ ด้วยการใช้ 2 นิ้วเคาะที่หน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอไหนก็ตาม รวมถึงในหน้าแอพพลิเคชั่นด้วย เช่น แอพ Facebook ที่โดยปกติแล้ว iOS และ Android จะขยายหน้าจอไม่ได้ หากเล่นบนบราวเซอร์ถึงจะทำได้ แต่ของ Windows Phone แค่ใช้ 2 นิ้วเคาะหน้าจอก็ขยายเข้าออกได้สบายครับ
ส่วนการเชื่อมต่อ Lumia 920 ที่ทำงานด้วย Windows Phone 8 จะเชื่อมต่อกับคอมได้ดีกว่าอีกสองเจ้ามากครับ ไม่ต้องตั้งค่าหรือใช้โปรแกรมอะไร เสียบเข้าก็กลายเป็น Flash Drive ได้ทันที ย้ายข้อมูลเข้าออกได้ปกติ เมื่อเทียบกับตอนผมใช้ Android ที่ย้ายข้อมูลช้ามาก และมักจะมีปัญหากับ Driver ส่วน iOS ผมไม่ได้ใช้งานแล้วขอไม่กล่าวถึงนะครับ
สรุป
ข้อดี : การเชื่อมต่อที่ดีที่สุดในฐานะ Flash Drive(การเชื่อมผ่าน Zune ยังไม่ลองนะครับ) เมนู ease of access ที่ช่วยประหยัดแบต ถนอมสายตาได้เป็นอย่างดี
ข้อเสีย : การเพิ่มลดเสียงไม่แยกกันระหว่างแอพพลิเคชั่นและเสียงเรียกเข้า(น่าจะเพลงด้วยแต่ผมยังไม่ได้ทดสอบนะครับ)
3. Line
หลังจากที่เล่นและดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้มาทั้งคืน แอพแรกที่ผมได้ใช้จริงจังก็คือ Line ครับ ส่วนตัวผมชอบรูปร่างหน้าตามันนะ มันไม่เหมือนอีกสองเจ้า จะมีหน้าตาแปลกเมื่อแรกเห็นแต่ก็ประทับใจกับหน้าตาแบบนี้ครับ แต่ก็แน่นอนครับ อย่างที่หลายคนรู้ ก็คือ มันไม่สามารถซื้อสติ๊กเกอร์ได้ แต่ยังใช้สติ๊กเกอร์อันเดิมที่เราเคยดาวน์โหลดจาก OS อื่นมาไว้ใน account เราได้นะครับ ส่วนการเตือนที่หลายคนเป็นกังวลก็ไม่มีปัญหาครับ มีทั้งเสียงเตือน พรีวิว และตัวเลขแสดงบน Live Tile ของ Line บนหน้า Home screen ส่วนตัวปัญหาของผมก็เริ่มตั้งแต่ช่วงเปิดใช้งานเลยครับ เวลากดให้มันส่งตัวเลขยืนยันมาเข้าเครื่อง ผมต้องกด Resend หลายรอบมาก ตอนใช้ Android ก็เคยเป็นนะ แต่กด 4-5 รอบก็ผ่านแล้ว แต่นี่ผมกดเกือบ 20 รอบได้ กว่าจะส่งมาได้ และเวลาส่งมาจะไม่เข้ามาอยู่ในบล็อกอัตโนมัติเหมือน Android แต่ก็ดีที่ SMS จะมีพรีวิวขึ้นมาให้เราเห็น จึงสามารถกดตัวเลขใส่ได้โดยไม่ต้องปิด Line
แล้วพอตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ได้พบข้อเสียอีกอย่าง คือเพื่อนโทรมาถามว่าออกจากบ้านหรือยัง ? พอคุยกันเสร็จ ก็มี Line เตือนเข้ามา เปิดเข้าไปก็เห็นข้อความที่เพื่อนคนนี้ส่งมาถามด้วยคำถามเดียวกัน ก็เลยสรุปได้ว่า Line จะเข้าเครื่องผมช้าพอสมควร ทำให้เพื่อนผมต้องโทรมาถามก่อนผมจะได้อ่านข้อความใน Line ซะอีก
สรุป
ข้อดี : หน้าตาสวย มีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติมมากกว่าระบบอื่น
ข้อเสีย : ใช้งานการโทรไม่ได้ การดีเลย์ของข้อความ เปลี่ยนเสียงเตือนไม่ได้
4. การถ่ายภาพ
ในที่สุด ก็เริ่มออกเดินทางออกจาก กทม. ช่วงแรกของการเดินทางไม่มีปัญหามาก พวกผมต้องไปรับเพื่อนที่ไร่ภูนวพันธุ์ อ.มวกเหล็ก(แต่อยู่ใกล้ปากช่องมากกว่า) ที่นี่จะเป็นไร่องุ่นไร้เมล็ดครับ เป็นไร่ที่เข้าไปเดินเล่นในแปลงปลูกได้เลย องุ่นก็อร่อยมากครับ นอกจากองุ่นแล้วยังปลูกหน่อไม้ ผักสลัด เห็ด หน่อไม้และอีกมากมายครับ ใครสนใจก็ได้เที่ยวได้นะครับเพียงแค่ขับเข้าปากช่อง แล้วไปทางเดียวกับทองสมบูรณ์คลับ มวกเหล็กฮิลไซด์ แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2224 เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตรก็ถึงแล้วครับ
มาถึงที่นี่แล้วผมก็เลยทดสอบประสิทธิภาพของกล้อง Lumia 920 ของเลย ตามความอยากของตนเอง ที่เคยเห็นแต่รีวิวภาพภ่ายตอนกลางคืน แต่ยังไม่เคยเห็นภาพตอนกลางวันเลย แต่ของออกตัวก่อนว่าไม่เก่งนะครับ ใช้โหมดออโต้ทั้งหมดเลย
ภาพพาโนรามา ที่สามารถถ่ายได้ 180 องศารอบตัว
ดูภาพได้ที่ : skydrive.live.com
สรุป
ข้อดี : การถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง Lumia 920 สำหรับผมแล้ว ภาพออกมาได้พอใจมากครับ โดยเฉพาะการโฟกัสรูป ที่ทำชัดตื้นชัดลึกได้เหมือนกับกล้องตัวแพงๆเลย แต่การกดปุ่มช่วยโฟกัสโดยการกดชัตเตอร์ลงครึ่งนึง สำหรับผมค่อนข้างลำบากหน่อย แต่ก็มีอีกวิธีคือการแตะหน้าจอที่จุดที่เราจะโฟกัสแล้วกล้องก็จะถ่ายทันทีได้เลย
ผมชอบที่มี Creative studio Smart shoot Cinemagraph และ พาโนรามา มาให้และเข้าถึงได้จากเมนูกล้องได้เลย
ข้อเสีย : สำหรับพาโนรามาเป็นธรรมดาที่เหมือนกันในทุก OS คือ ถ่ายได้แต่ภาพวิว หากเป็นภาพคนทุกคนในรูปก็ต้องห้ามเคลื่อนไหว ซึ่งก็ลำบากหน่อยครับ อันนี้ก็เข้าใจครับเป็นธรรมดาของมัน แต่ที่มีปัญหาหน่อยก็ Smart shoot ครับ ที่คนในภาพต้องอยู่นิ่งๆประมาณ 5 วินาที แล้วเปลี่ยนได้แต่สีหน้าเพื่อให้ภาพส่วนอื่นนิ่ง หน้าไม่คลาดเคลื่อนจากคอ แล้วเลือกหน้าที่สวยที่สุดได้
5. Nokia Map
งานเพื่อนยังไม่เสร็จ พวกผมก็เลยไปช่วยเป็นแรงงานในไร่ชั่วคราว อย่างสนุกสนนาน ^____^ เสร็จแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางต่อครับ
การเดินทางช่วงนี้ เป็นเส้นทางที่ต้องออกจากเส้นมิตรภาพไปทางด่านขุนทด เพื่อมุ่งหน้าไปชัยภูมิ เป็นทางที่พวกผมไม่เคยไป ทีนี้ผมก็ยิ้มหละ ที่จะได้โชว์ความเทพของ Nokia drive เทียบกับ Google map ใน Iphone ที่เพื่อนถือมาด้วย แต่เจ้ากรรม……..
ผมเพิ่งนึกได้ว่า Nokia map มันเป็นแผนที่แบบออฟไลน์ เพราะฉะนั่นเราต้องไปดาวน์โหลดแผนที่มาไว้ในเครื่องก่อน ถึงจะใช้ได้ และต้องดาวน์โหลดผ่าน Wifi เท่านั้น ขาไปก็เลยไม่ได้ทดสอบประสิทธิภาพของ Nokia map & Nokia drive เลย ผมก็เลยนั่งอยู่เงียบๆหลังรถให้เพื่อนใช้ Google map ทำหน้าที่นำทาง
แล้วเมื่อชัยภูมิในตอนเย็น เข้าพักที่โรงแรมนิรัน เป็นโรงแรมราคาถูก(400 บาท) สภาพห้องก็ดี เจ้าของเป็นคุณยายกับคุณตาน่ารักมากครับ ที่ชอบที่สุดก็คือมี Wifi ด้วยยยยยยย ^^
แน่นอนหละ ผมก็ดาวน์โหลด Map ของประเทศไทยมาไว้ในเครื่องทันที เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ เพื่อนก็มากันครบแล้ว ก็หาที่กินหละทีนี้ ตอนแรกผมก็ค้นหาจาก Nokia City lens แต่การใช้งานจริงค่อนข้างลำบากหน่อยครับ ตัวอักษรเล็ก เห็นแต่ชื่อร้านลอยๆอยู่ แต่ไม่รู้ตำแหน่งแน่ชัด ผมว่าค้นหาจาก Map น่าจะใช้งานได้จริงกว่าครับ ก็เลยค้นหาจาก Nokia map หาร้านน่ากินกันหน่อย ผลการค้นหา Nokia map ก็ค้นหาได้ครับ เจอหลายร้านอยู่เหมือนกัน แต่ผมว่ามันยังไม่ครบถ้วนและยังหาได้น้อย อย่างเช่น Google map จะค้นเจอร้าน “ปนัดดา แหนมเนือง” ฟังแล้วน่ากินมาก พวกผมเลยเลือกที่นี่ แต่ Nokia map หาร้านนี้ไม่เจอเลยครับ เป็นอย่างนี้หลายครั้งในทริปนี้
ส่วนการใช้งาน Nokia drive ถือว่าดีมากครับ ผมเคยใช้ Speednavi ผมว่าฟังก์ชันการทำงานบนหน้าจอของ Speednavi มันเยอะและวุ่นวายมาก แต่ Nokia drive ดูง่าย เข้าใจง่ายครับ
การนำทางก็ใช้งานได้ดี แต่มีข้อเสียคือ หากมีสัญญานน้อย จะเอ่อหน่อยเพราะมันระบุตำแหน่งปัจจุบันไม่ได้ Nokia map ก็เป็นเหมือนกัน ซึ่งผมไม่เคยเจอปัญหานี้ตอนใช้ Google map ที่แม้จะมีสัญญานน้อย จุดมันก็กระพริบๆตามตำแหน่งที่เราอยู่ ….. หรือปัญหานี้อาจเป็นเพราะสัญญานน้อยจริงๆก็ได้ เพราะช่วงที่มีปัญหาภูเขามันเยอะมาก
สรุป
ข้อดี : Nokia map & Nokia drive เป็นแผนที่ที่ทำงานออฟไลน์ได้(เฉพาะข้อมูลแผนที่) หน้าแสดงผลดูง่ายกว่าเจ้าอื่น
ข้อเสีย : การอัพเดตข้อมูลของ Nokia map ยังสู้ Google map ไม่ได้ หาร้านอาหารใหม่ๆไม่ค่อยเจอ ส่วน Nokia City lens เอาไว้โชว์แท่ๆพอได้ ใช้จริงลำบาก(สำหรับผม) ส่วน Nokia drive พื้นที่สัญญานน้อยๆ จะนำทางไม่ได้
6. คลิปตัวอยางการถ่ายวีดีโอ
ระหว่างทางอยู่บนรถที่ถนนไม่ดี ก็เลยถือโอกาสทดสอบระบบป้องกันภาพสั่นไหวซะหน่อยครับ ซึ่งผลเป็นยังไงลองดูได้จากในคลิปเลยครับ
7. Facebook
สำหรับการใช้งาน Facebook สรุปง่ายๆว่า พอเล่นได้ครับ ถึงหน้าตาแอพจะแปลกตาและสวยดี ประสิทธิภาพและการตอบสนองการใช้งานยังสู้ Android ไม่ได้ เมื่อเทียบกับ iOS ก็ยิ่งไปกันใหญ่ อยากแรกที่ผมเห็นคือ อัพโหลดรูปผ่านแฟนเพจไม่ได้ สร้างความลำบากให้ผมพอสมควร ส่วนการอัพโหลดรูปในหน้าปกติ ก็มีหลายครั้งที่อัพไม่ติด แต่มีบางท่านแจ้งว่าหากกดแชร์จากอัลบั้มรูปในเครื่องจะไม่มีปัญหา การดูการแจ้งเตือนก็ลำบาก เพราะเมื่อกดดูการแจ้งเตือนในแอพ มันจะไม่มีแถบสีแยกกันระหว่างการเตือนไหนที่เราคลิกเข้าไปดูแล้ว อันไหนคือการเตือนที่เข้ามาใหม่
สรุปว่า พอใช้ได้ แต่ต้องปรับปรุงอีกหลายอย่างครับ หรือเราต้องทำตัวให้ชินกับมันมากกว่านี้ ซึ่งผมว่าอย่างหลังน่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่า เพราะผมไม่ชอบรอให้ความหวังที่ต้องพึ่งคนอื่น ผมว่าหากเราเข้าใจธรรมชาติของระบบแล้วก็ปรับตัวให้ชิน เราก็จะมีความสุขกับมันเอง
8. แบตเตอรี่
พอเมื่อวานที่กลับมาถึง กทม. เข้ามาดู Pantip ปัญหาที่หลายคนพูดถึงเกี่ยวกับ Lumia 920 ที่เยอะที่สุดก็คือ แบตเตอรี่หมดไวมาก แต่หลายคนบอกว่า รอให้มันเสถียรเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ซึ่งก้ต้องพิสูจน์กันอีกที ส่วนการใช้งานแบตเตอรี่ของผม มีดังต่อไปนี้
– วันแรกที่ได้เครื่องมา ผมเล่นเสร็จ ผมผมชาร์จทิ้งไว้ ตื่นมาถอดที่ชาร์จออก 7.00 น. แล้วออกเดินทาง บนรถก็เล่นตลอดทางเพื่อให้คุ้นเคย ส่วนใหญ่จะลองการตั้งค่าต่างๆ การดาวน์โหลดแอพ การถ่ายภาพระหว่างทาง แบตเตอรี่หมดเวลาประมาณ 19.00 น. สรุปวันแรกแบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 12 ชั่วโมง
– วันที่สอง ผมถอดแบตเตอรี่เวลา 9.48 น. การใช้งานคือถ่ายรูปงานแต่งทั้งวัน แบตเตอรี่หมดเวลาประมาณ 19.00 น. สรุปวันที่สองแบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 9 ชั่วโมง
– วันที่สาม ใช้ Nokia map & Nokia drive เพื่อเดินทางกลับ กทม. ถอดแบตออกประมาณ 10.00 น. แบตหมดเวลาประมาณ 16.00 น. สรุปว่าแบตอยู่ได้ประมาณ 6 ชั่วโมง
– เมื่อคืน ผมได้ทดสอบการ Deep sleep ดูครับ ผมปิดหน้าจอ Lumia 920 เวลา 23.33 น. มีแบตเตอรี่เหลือ 31 % ตื่นเช้ามาเวลา 7.54 น. แบตเหลือ 25 % แสดงว่ารุ่นนี้น่าจะมีปัญหาที่การ Deep sleep เพราะเมื่อเทียบกับ Galaxy Note 1 ที่ปิดหน้าจอทิ้งไว้ 1 คืนแบตจะลดลงไม่เกิน 1-2 % เรื่องนี้จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้ Lumia 920 เปลืองแบตได้ ซึ่งตัวนี้สามารถแก้ได้ด้วยการแก้ไขที่ซอฟแวร์ครับ
สรุปว่า แบตเตอรี่อยู่ได้นานแค่ไหนก็แล้วแต่การใช้งานครับ ซี่งการใช้งานปกติของผมจะเป็นเหมือนวันแรก ซึ่งตอนใช้ Galaxy Note 1 แบตจะอยู่ได้ประมาณ 8 ชั่วโมง แสดงว่า Lumia 920 แบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่า Galaxy Note 1 นิดนึงครับ แต่คงสู้ Galaxy Note 2 ไม่ได้แน่นอน
สรุปการรีวิว Nokia Lumia 920
สรุปการใช้งานทั้งหมดที่ผ่านมา 3 วัน 3 คืน ผมชอบมากครับ มันให้สัมผัสที่เหมือนกับ iPhone 4s นั่นคือ เครื่องแน่น แข็งแรง มีน้ำหนัก เหมาะมือ ส่วนหน้าตาของ Windows Phone ก็สวยงาม แปลกตา แอพพลิเคชั่นไม่ค้างไม่เด้ง ตอบสนองความต้องการได้ดี ส่วนข้อเสีย ก็คงรอให้มีการปรับปรุงกันต่อไปครับ
[gradeB]